วันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15:55 น. เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศครั้งที่ 2 โดยลดลงจากเดิม 50 บาท ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ รูปพรรณขายบาทละ 19,450 บาท รับซื้อ 18,677.12 บาท ทองแท่งขายบาทละ 19,050 บาท รับซื้อ 18,950 บาท
ราคาทองคำและครั้งที่ปรับ
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 2 ลด 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,450 บาท รับซื้อ 18,677.12 บาท ทองแท่งขาย 19,050 บาท รับซื้อ 18,950 บาท เวลา 15:55 น.
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 1 คงที่ รูปพรรณขายบาทละ 19,500 บาท รับซื้อ 18,722.60 บาท ทองแท่งขาย 19,100 บาท รับซื้อ 19,000 บาท เวลา 09:25 น.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ราคาทองคำ 12 ธ.ค. 56 ปรับครั้งที่ 2 ลด 50 บาท
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 56/57 ว่า ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว 17,000 ล้านบาท และจะทยอยจ่ายให้เกษตรกรที่นำใบประทวนมาขึ้นเงินกับธ.ก.ส. แต่อาจจะล่าช้าประมาณ 30-45 วัน จากปกติหากเกษตรกรมีใบประทวนธนาคารจะจ่ายเงินให้ภายใน 3-7 วัน เนื่องจากต้องรอเงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.จะต้องใช้เงินรับจำนำถึง 39,000 ล้านบาท มาจากการขายข้าวถุงกระทรวงพาณิชย์ 7,000 ล้านบาท และการระบายข้าว 6,000 ล้านบาท และเงินที่เหลือจากโครงการรับจำนำ 26,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ออกใบประทวนไปแล้ว 5-6 ล้านตัน ต้องใช้ทั้งหมด 90,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรับจำนำนาปีที่ 11 ล้านตัน คาดว่าจะใช้เงิน 150,000 ล้านบาท “โครงการรับจำนำข้าวในช่วง 2 ฤดูการผลิตที่ผ่านมาใช้เงินไปแล้ว 680,000 ล้านบาท แต่กรอบที่ครม.กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกินกรอบการรับจำนำ 168,000 ล้านบาท แต่กระทรวงพาณิชย์ได้เงินจากการระบายข้าวและคืนให้ธ.ก.ส.จำนวน 162,000 ล้านบาท และสำนักงบประมาณคืนเงินให้ธ.ก.ส.อีก 52,000 ล้านบาท นอกจากนี้กระทราวงพาณิชย์ประเมินว่าว่าจะระบายข้าวได้อีก 95,000 ล้านบาทในสิ้นก.ย.57 ดังนั้นเมื่อมีเม็ดเงินกลับคืนมาหรือมีการชำระหนี้จะทำให้วงเงินที่ใช้รับจำนำอยู่ในกรอบที่ครม.กำหนด และยังมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายให้เกษตรกร เพราะโครงการผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วก่อนที่จะยุบสภา ส่วนการรับจำนำข้าวรอบ 2 ต้องรอรอรัฐบาลใหม่” ส่วนเงินกู้ที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวอีก 140,000 ล้านบาทนั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะไปดำเนินการว่าหลังจากยุบสภาจะกู้ได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวเห็นว่ากู้ได้ เพราะเป็นเงินกู้อยู่ในกรอบวงเงินการรับจำนำข้าว 410,000 ล้านบาท ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นการก่อหนี้ใหม่ ซึ่งขณะนี้ สบน. ยังเหลือวงเงินที่ต้องกู้มาให้ ธ.ก.ส. ตามกรอบเดิม 40,000-50,000 ล้านบาท 
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุน ยังเข้ามายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน และใช้บริการจากบีโอไออย่างต่อเนื่อง เช่น การให้คำปรึกษาแก่นักธุรกิจนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในประเทศไทย หรือนักลงทุนไทยที่สนใจจะไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว สามารถขอรับบริการต่าง ๆ ตามปกติ เช่น การสั่งปล่อยเครื่องจักร และวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ การให้บริการออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและครอบครัวที่เข้ามาทำงานในไทย ทั้ง นี้ในอนาคต บีโอไอมีแผนที่จะยกระดับการให้บริการแก่นักลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดียิ่งขึ้น อาทิ บทบาทในการประสานงานและผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบ และลดอุปสรรคในการลงทุน ตลอดจนแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน รวมทั้งบทบาทในการเป็นศูนย์ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการลงทุนเชิงลึก และบทบาทในการส่งเสริมและประสานงานให้เกิดการพัฒนาบุคคลากรรองรับการขยายตัว ของภาคอุตสาหกรรมไทย “ ที่ผ่านมาแม้สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต จ.กรุงเทพฯ จะไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ แต่ผู้บริหารบีโอไอและเจ้าหน้าที่จากทุกส่วน ก็ได้ไปประจำการและให้บริการแก่นักลงทุนอยู่ที่ ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน ที่ชั้น 18 อาคารจัตุรัสจามจุรี ถนนพระราม 4 ส่วนขณะนี้สำนักงานใหญ่ สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว โดยนักลงทุนสามารถใช้บริการต่าง ๆ ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน การอนุมัติสั่งปล่อยเครื่องจักร และนำเข้าวัตถุดิบ ตลอดจนบริการออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงานได้ตามปกติ” 
