shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ชงครม.เปลี่ยนกฎประมูลเหมืองทองคำ

นายปณิธาน จินดาภู อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า ได้ปรับปรุงนโยบายการให้อาชญาบัตร และประทานบัตรเหมืองทองคำฉบับใหม่เสร็จแล้ว  รอนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เสนอที่ครม. อนุมัติ  ซึ่งได้เปลี่ยนระบบจากเดิม ผู้ประกอบการรายไหน ยื่นขอก่อน  จะมีสิทธิก่อน  ปรับมาเป็นระบบภาครัฐ เป็นผู้กำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมทำเหมืองทองคำ จากนั้นให้ผู้ต้องการยื่นประมูล โดยจะคัดเลือกจากผู้ให้ผลประโยชน์ภาครัฐสูงสุด รวมถึงความสามารถการประกอบการ  และจะปรับเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ภาครัฐเป็น 40-60% จากเดิม  20-25%  เท่านั้น  ซึ่งหากเปรียบเทียบกับภาคปิโตรเลียมที่ให้ผลตอบแทนรัฐถึง 75-80%  ยังถือว่า การปรับขึ้นครั้งนี้ ไม่สูงเกินไป “ ที่ต้องวางนโยบายแร่ทองคำใหม่ เพราะระบบเดิม ที่ให้ยืนก่อนได้ก่อน เหมือนบังคับภาครัฐจะต้องประทานบัตรให้ผู้ประกอบการ  แต่ระบบใหม่ คือ ต้องประมูล ทำให้ภาครัฐสามารถเป็นผู้กำหนดและให้ผลตอบแทนกับรัฐได้มากขึ้น  และผู้ประกอบการจะต้องอยู่ได้ด้วย  ซึ่งผลตอบแทนที่จะให้รัฐเพิ่มขึ้น ในส่วนผลประโยชน์พิเศษที่ปัจจุบันเก็บอยู่ 0.1% ของมูลค่าแร่ทองคำ  และมีการเพิ่มกองทุนใหม่ที่ผู้ประกอบการต้องสมทบ เช่น กองทุนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม กองทุนเพื่อสุขภาพอนามัยของคนในชุมชน รวมถึงกองทุนหลังการปิดเหมือง” อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้าประมูลได้มากกว่า 10 ราย เพราะแม้ปัจจุบันจะมีผู้ได้รับประทานบัตรทำเหมืองทองคำอยู่ 2 รายคือบริษัทอัครา ไมนิ่ง จำกัด และบริษัททุ่งคำ จำกัด แต่ก็มีผู้ได้รับอาชญาบัตรในการสำรวจอยู่ประมาณ 10 ราย  ส่วนค่าภาคหลวง ยังเก็บในอัตราเดิม คือ  2.5%  ตามพระราชบัญญัติแร่  ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะแบ่งเข้ารัฐส่วนกลาง 40% เข้าองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ที่ตั้งเหมือง 20% องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ที่ตั้งเหมือง 20% อบต.ทุกแห่งในจังหวัดที่ตั้งเหมือง 10% และกระจายไปยังอบต.ทั่วประเทศ 10% โดยผลตอบแทนท้องถิ่นจากค่าภาคหลวงจะเท่าเดิม

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชงครม.เปลี่ยนกฎประมูลเหมืองทองคำ

Posts related

 














แนะผู้ผลิตรถยนต์ไทยปรับตัวแข่งเวทีโลก

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 93 หรืออีก 37 ปีข้างหน้าทั่วโลกจะมีปริมาณความต้องการซื้อรถยนต์เพิ่มจากปัจจุบันที่มียอดขาย 72 ล้านคันอีก 3 เท่าตัว หรือเป็น 216 ล้านคัน ดังนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจำเป็นต้องศึกษาการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภคทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม มาตรฐานความปลอดภัย และมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตยานยนต์สีเขียวมากขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันการส่งออกรถยนต์ในอนาคต  “การปรับทิศทางของธุรกิจยานยนต์ ตามการเปลี่ยนแปลงของศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกจากตะวันตกสู่ตะวันออก คือ ภูมิภาคเอเชียนั้น ไทยจำเป็นต้องแสวงหาข้อได้เปรียบทางการค้า โดยเฉพาะไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ตามสภาพทางภูมิศาสตร์ จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ที่กำลังจะมาถึงใน ธ.ค. 58 นี้ ด้วยความรอบคอบ” ทั้งนี้ในปัจจุบันไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยยอดการผลิตในช่วง 10 เดือนของปี 56(ม.ค.-ต.ค.) ผลิตได้  2.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยแบ่งเป็นการส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศ  1 ล้านคันและเมื่อรวมกับชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้ อุตสาหกรรมกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกรวมเป็นเงิน 25,768 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ  800,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  10.4 %

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะผู้ผลิตรถยนต์ไทยปรับตัวแข่งเวทีโลก

ไทยเฮ เตรียมเป็นเจ้าภาพ” เอเชีย-แปซิฟิก ฟิล์มฯ” ปีหน้า

นายพิเชษฐ สถิรชวาล ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ คณะทีทีอาร์และนักธุรกิจจากไทย เตรียมเดินทางไปกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน เพื่อร่วมงานมหกรรมภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งเอเชีย-แปซิฟิก (เอเชีย-แปซิฟิก ฟิล์ม เฟสติวัล) ครั้งที่ 56 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ธ.ค.นี้ โดยในวันสุดท้ายประเทศไทยจะเข้าร่วมพิธีรับธงเพื่อเป็นเจ้าภาพการจัดงานในครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ช่วงประมาณปลายปี 57 โดยเชื่อว่า การได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เติบโตได้มากขึ้น “ที่ผ่านมาทีทีอาร์ได้เป็นหัวหน้าคณะของไทยไปเจรจา จนทำให้ไทยได้รับคัดเลือก แม้ว่าจะมีคู่แข่งที่สำคัญอย่างประเทศมาเลเซีย แต่สุดท้ายเมื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมต่างๆ เช่น สถานที่ ที่พัก และความพร้อมต่างๆ ไทยก็ได้เลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยเรื่องนี้ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีก็รับทราบแล้ว และได้มอบหมายให้ทีทีอาร์เป็นผู้ไปรับธงเป็นเจ้าภาพต่อ ซึ่งถือว่า เป็นเวลาหลายปีแล้วที่งานมหกรรมใหญ่ๆ ระดับโลกแบบนี้ไม่ได้มาจัดที่ไทย แม้ว่าในอดีตไทยจะเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้มาแล้วครั้งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต แต่ก็นานมาแล้ว” ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว ถือเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์เอเชีย ล่าสุดได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 2 (55-59) โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์เอเชียและแหล่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์สำคัญในตลาดโลก ทั้งการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พัฒนาระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ผลักดันให้ตั้งหน่วยงานมาดูงานภาพยนตร์โดยเฉพาะ ,การพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พร้อมทั้งกำหนดให้ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้เป็นมืออาชีพ ,พัฒนาตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์เชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ ,เสริมสร้างให้ประเทศไทยเป็นเขตปลอดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ,เสริมสร้างค่านิยมในการบริโภคภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทย ,ส่งเสริมธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย และส่งเสริมความร่วมมือด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์กับต่างประเทศ นายพิเชษฐ กล่าวว่า งานมหกรรมภาพยนตร์เอเชีย-แฟซิฟิคฯ นี้ ถือเป็นงานด้านภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นที่เอเชียเป็นประจำทุกปี เทียบได้กับงานมอบรางวัลออสการ์ ที่สหรัฐอเมริกา และงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นงานของยุโรป ดังนั้นในงานนี้เชื่อว่า จะมีผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับโลกเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ไทยได้รับประโยชน์หลายอย่างที่สามารถต่อยอดให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตได้ในระดับโลก 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยเฮ เตรียมเป็นเจ้าภาพ” เอเชีย-แปซิฟิก ฟิล์มฯ” ปีหน้า

Page 1320 of 1552:« First« 1317 1318 1319 1320 1321 1322 1323 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file