วันนี้ (28พ.ย.) นาย ศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีจำนวนประเทศที่ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 4 ประเทศ คือ อินเดีย เม็กซิโก ลักเซมเบิร์ก และสาธารณรัฐเช็ก ทำให้มีจำนวนประเทศที่ประกาศเตือนเพิ่มขึ้นเป็น32ประเทศ เพิ่มจาก 28 ประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่มีประเทศใดที่ประกาศเตือนในระดับ5 คือห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทย รวมทั้งยังไม่มีการเตือนในระดับ 4 คือให้ทบทวนการเดินทาง หรือหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ส่วนการเตือนในระดับ 3 ยังมีเพียง 2 ประเทศได้แก่ อิสราเอลและสโลวัก เท่านั้น ทำให้การเตือนระดับ 2ในขณะนี้จึงมี 30 ประเทศได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สวีเดน ญี่ปุ่น ไต้หวัน แคนาดา ออสเตรีย บราซิล สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เยอรมนี ฮังการี อิตาลี ฟินแลนด์ เบลเยี่ยม สเปน เดนมาร์ก จีน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และประเทศที่เพิ่มขึ้นมาอีก 5 ประเทศ รัสเซีย ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ ฮ่องกง ลักเซมเบิร์ก อินเดีย เม็กซิโกและสาธารณรัฐเช็ก
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ต่างชาติประกาศเตือนเที่ยวไทยเพิ่มเป็น 32 ประเทศ
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอสเอสไอ ว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจากับทีเอสเอสไอ และเตรียมเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทเร็ว ๆ นี้ พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเพื่อซื้อกิจการดังกล่าว คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะใช้เวลาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 3-6 เดือน ซึ่งถ้าดำเนินการสำเร็จจะส่งผลให้รายได้ในปี 57 ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 18,000 ล้านบาท อีกประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท“กระบวนการต่างๆ คืบหน้าไปมากแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดเล็กน้อย เช่น เรื่องกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และถ้าทำได้เสร็จรายได้คงเพิ่มขึ้นอีก 5-10% เป้นอย่างต่ำ ซึ่งการซื้อกิจการของทีเอสเอสไอ จะทำให้บริษัทสามารถต่อยอดการผลิตสินค้าใหม่ๆ เพื่อทดแทนการนำเข้าได้ ทั้ง สปริง เหล็กลวด และเหล็กที่ใช้ในการผลิตส่วนประกอบของรถยนต์ และทำให้กำลังการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 850,000 ตันต่อปี เป็น 1.3 ล้านตันต่อปีได้”สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในปี 57 มองว่า ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน และ และการแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศ ขณะเดียวกันสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นข้อกังวลหนึ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงนโยบายของรัฐบาล หากไม่นิ่งก็อาจส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนานใหญ่ของรัฐ และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของเอกชนนายสิทธิชัย กล่าวว่า หากรัฐบาลผลักดันโครงการก่อสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาทได้ อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมเหล็กเติบโตได้อีก 10-15% โดยปัจจุบันภาพรวมของการใช้เหล็กของประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 7 ล้านตันต่อปีเท่านั้น 
เริ่มขึ้นแล้วกับมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ภายใต้แนวคิด พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลกเมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” หรือ “The 30th Thailand International Motor Expo 2013” เปิดเผยว่า แนวคิดในการจัดงานแต่ละปีล้วนถ่ายทอดถึงมุมมองตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป และปีนี้ก็เช่นกัน เพราะมองว่าวิกฤตที่ส่อเค้าจะเกิดขึ้นในโลกอีก 50 ปีข้างหน้าน้ำมันดิบสำรองในแหล่งต่างๆจะหมดลง ถ้าต้องการยุติวิกฤตมลภาวะและหลีกเลี่ยงวิกฤตขาดแคลนน้ำมันอย่างทันท่วงที ผู้ผลิตยานยนต์ต้องแสวงหาจุดเปลี่ยนให้พบตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นที่มาของพลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก (INNOVATIVE ENERGIES-WORLD-CHANGING VEHICLES)ขณะที่สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในเมืองไทย เมื่อปีที่แล้วเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคในปี 2556 จึงถูกนำไปใช้ล่วงหน้ากับโครงการดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดขายรถช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัวลงเล็กน้อยและค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และคาดการณ์ยอดจองรถในงานไว้ 50,000 คัน ผู้ชมงานราว 1.6 ล้านคน เม็ดเงินสะพัดประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 ได้รับความสนจากสื่อมวลชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างมาก โดยในช่วงเช้าจะเป็นการเปิดตัวของแต่ละบู๊ท มีทั้งผู้บริหารออกมากล่าวต้อนรับ จนถึงพรีเซ็นเตอร์พร้อมพริตตี้ออกมาโชว์ตัว นอกจากรถยนต์ใหม่ๆแล้วยังมีรถเก่าสภาพสวย จากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศ ให้ไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น จู๊ค ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนรวมถึงผู้เข้างานในวันแรกของงานมหกรรมยานยนต์ รอบสื่อมวลชน อย่างล้นหลาม. 
