shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

มนุษย์เงินเดือนเฮเสียภาษีลดลงกว่า 50%

นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการคำนวณเงินได้สุทธิจาก 5 ขั้นอัตราเป็น 7 ขั้นอัตรา และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากอัตราสูงสุด 37% เหลือ 35% โดยมีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 56 และปี 57 ซึ่งจะทำให้ผู้เสียภาษีเสียภาษีลดลง 5-50% แม้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากเดิม 27,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ถือว่าเป็นประโยชน์กับผู้เสียภาษีเป็นจำนวนมาก “ยืนยันว่าการปรับโครงสร้างอัตราภาษีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทำประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ให้ประโยชน์กับคนรวย โดยคนที่มีรายได้เดือนละ 30,000 บาทหรือปีละ 3.6 แสนบาท จะเสียภาษีลดลง 50% คือจากเดิมที่เคยเสียภาษี 12,000 บาท อัตราใหม่จะเสียภาษีเพียง 6,000 บาทเท่านั้น ซึ่งมีผู้เสียภาษีในระดับนี้ 1.4 ล้านคน ขณะที่คนที่มีรายได้เกินกว่าปีละ 4 ล้านบาท จะเสียภาษีลดลงเฉลี่ย 5% เท่านั้น คือจากเดิมต้องเสียภาษี 1.075 ล้านบาท อัตราใหม่จะเสียภาษี 1.003 ล้านบาท โดยคนกลุ่มนี้มี 20,000 ราย” อย่างไรก็ตามการที่ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเนื่องจากร่างกฎหมายยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาซึ่งอาจเกิดความล่าช้าและไม่ทันกับการเสียภาษีในปี 56 ที่ผู้เสียภาษีต้องยื่นแบบและเสียภาษีให้แล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.57 จึงได้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้เป็นเวลา 2 ปีก่อน สำหรับโครงสร้างอัตราภาษีเงินได้แบบเดิมนั้นผู้ที่มีรายได้ 100,001-500,000 บาทต่อปี จะเสียภาษี 10% ของรายได้สุทธิ ขณะที่แบบใหม่จะขยายฐานเป็นผู้มีรายได้ 300,001-500,000 บาทต่อปี จะเสียภาษี 10% ของรายได้สุทธิ และ 500,001-750,000 บาทต่อปี จะเสียภาษี 15% ของรายได้สุทธิ ส่วนผู้มีรายได้ 500,001-1,000,000 บาทต่อปี ปัจจุบันเสียภาษี 20% ของรายได้สุทธิ ขณะที่แบบใหม่จะขยายฐาน เป็น ผู้มีรายได้ 750,001-1,000,000 บาทต่อปีจะเสียภาษี 20% ของรายได้สุทธิ และ 1,000,001-2,000,000 จะเสียภาษี 25% ของรายได้สุทธิ ส่วนผู้มีรายได้ 4,000,000 บาทต่อปี ขึ้นไป ปัจจุบันเสียภาษี 37% ของรายได้สุทธิ อัตราใหม่จะลดเหลือเพียง 35% ของรายได้สุทธิเท่านั้น นางเบญจา กล่าวว่า สำหรับร่างพระราชกฤษฎีกาบับนี้จะบังคับใช้เฉพาะเรื่องของการปรับปรุงอัตราโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและคณะบุคคลเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องของการขยายวงเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวจาก 60,000 บาท เป็น 1.2 แสนบาท ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบให้ขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีกจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 56 ด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : มนุษย์เงินเดือนเฮเสียภาษีลดลงกว่า 50%

Posts related

 














เร่งรณรงค์ประหยัดไฟหวั่นไฟดับภาคใต้อีกรอบ

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เจรจาโรงกลั่นน้ำมัน 3 แห่ง คือ โรงกลั่น ไทยออยล์ โรงกลั่นเอสโซ่ และโรงกลั่นบางจาก เลื่อนหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี 57 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับท่อก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(ท่อเจดีเอ) หยุดซ่อม เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค. 57 เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกับแผนจัดหาเชื้อเพลิงทั้งน้ำมัน และไฟฟ้า ที่ต้องผลิต เพื่อป้อนให้พื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด เพื่อป้องกันปัญหาเกิดไฟฟ้าดับในภาคใต้อีกครั้ง นอกจากนี้ ได้ให้กฟผ.ไปเจรจากับมาเลเซีย เพื่อรับซื้อไฟฟ้า จากมาเลเซียเพิ่มขึ้น แต่หากมาเลเซียไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อป้อนไฟฟ้าเพิ่มขึ้นให้ไทยได้ ต้องขอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) ขอให้โรงไฟฟ้าแห่งอื่น ๆ เพิ่มกำลังการผลิตและป้อนไฟฟ้ามาสำรองให้กับภาคใต้แทน รวมทั้งขอความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ลดการใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคใต้ เพื่อลดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าแบบเข้มข้นในระหว่างวันที่ 13มิ.ย.-10 ก.ค. 57 คาดว่าจะลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ 800 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันได้สั่งให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในภาคใต้ ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งควรเน้นขอความร่วมมือให้เห็นถึงความจำเป็นในการลดการใช้ไฟฟ้า5 สั่งการให้กฟผ.ไปสำรวจโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสังกัดของกฟผ.ว่า หากมีเหตุฉุกเฉิน ต้องใช้โรงไฟฟ้าพลังน้ำมาผลิตไฟฟ้า จะผลิตไฟฟ้าได้กี่เมกะวัตต์ เพื่อเพิ่มปริมาณไฟฟ้าเข้ามาในระบบได้อย่างรวดเร็วที่สุดภายใน 5 นาที หลังจากเริ่มใช้น้ำเข้าสู่กระบวนการปั่นไฟ และมาตรการสุดท้าย หากแผนต่าง ๆ ยังไม่สามารถรับมือสถานการณ์ได้ คือ ขอความร่วมมือประชาชนในภาคใต้ ขอดับไฟฟ้าเป็นรายจังหวัด แต่จะเลือกพื้นที่ดับไฟฟ้าเป็นพื้นที่ ๆ โดยไม่ดับไฟฟ้าในหน่วยงานราชการสำคัญ เช่น โรงพยาบาล แหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม “แผนงานทั้งหมดนี้ กระทรวงพลังงานจะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบในเดือนธ.ค.นี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงพลังงานว่า อย่าให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.56- 8 ม.ค. 57 นี้ แหล่งก๊าซธรรมชาติเยตะกุน ของพม่า ก็จะปิดซ่อมบำรุงอีกครั้งหนึ่ง และ แหล่งก๊าซบงกช ในอ่าวไทย ก็จะปิดซ่อมบำรุงวันที่ 10 เม.ย.-5พ.ค. 57 ซึ่งปริมาณก๊าซธรรมชาติจาก 2 แหล่งดังกล่าว จะไม่มีปัญหาในการผลิตไฟฟ้าหรือน้ำมันของไทย เพราะกระทรวงพลังงานได้เตรียมแผนรับมือไว้พร้อมหมดแล้ว เช่น รับซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวเพิ่มขึ้น การใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลในโรงไฟฟ้าของ กฟผ. “

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เร่งรณรงค์ประหยัดไฟหวั่นไฟดับภาคใต้อีกรอบ

เปิดวิสัยทัศน์ผู้ท้าชิงประธานส.อ.ท.

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยถึงแนวนโยบายการทำงานว่า นโยบายหลักที่จะเร่งดำเนินงานหากได้รับการเลือกตั้งเป็นประธาน ส.อ.ท. คือการสร้างความเป็นเอกภาพ และความปรองดอง ให้ทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้งกลับมาทำงานร่วมกันให้มากที่สุด โดยมั่นใจว่าจะชนะ เพราะได้รับการสนับสนุนเกือบทุกกลุ่มจากการประเมินฐานเสียงขั้นต้น พบว่าสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสนับสนุนสูงถึง 70% และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม 80% แต่ก็ไม่ประมาท โดยจะลงพื้นที่พบสมาชิก ส.อ.ท. สร้างความเข้าใจในแนวนโยบายให้มากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ยังคงเสียเปรียบในบางจุด “ผมจะร่วมกับนายเจน นำชัยศิริ รองประธานส.อ.ท. ลุยชี้แจงนโยบายหาเสียงในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด หากกลุ่มผม ได้รับชัยชนะก็ยินดีที่จะร่วมงานกับทุกฝ่าย แม้จะเป็นฝ่ายที่เคยแข่งขันกันมา โดยอยากจะล้างภาพในอดีตที่พ่ายแพ้ ต้องยกทีมลาออกจาก ส.อ.ท. จนทำให้คนเก่งมีความสามารถหลายคนต้องออกจากองค์กรไป โดยใครที่มีความสามารถ ก็พร้อมที่จะดึงเข้ามาร่วมบริหาร ส.อ.ท. ต่อไป และอยากเห็นที่สุด ก็คือยุติการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายภายใน ส.อ.ท. หากนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธาน ส.อ.ท. ที่เสนอตัวแข่ง จะถอนตัวมาร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน ไม่ต้องมาคิดเรื่องการแข่งขัน มองไปแต่ผลประโยชน์ของ ส.อ.ท.เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของ ส.อ.ท. ที่จะขจัดความแตกแยกร่วมมือกันทำงานเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด” นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธาน ส.อ.ท. ผู้ลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ต้องการให้เกิดความปรองดองขึ้นภายในส.อ.ท.เช่นเดียวกัน โดยทางกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ที่จะประชุมกลุ่มในวันที่ 21 พ.ย.นี้ จะเชิญนายสุพันธุ์และนายเจน เข้ามาแสดงนโยบายต่อกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในกลุ่มอาหารค่อนข้างเปิดรับและพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว สำหรับเสียงสนับสนุน เชื่อว่ากลุ่มสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจะให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่ยังคงประเมินไม่ได้ว่าจะได้รับคะแนนเท่าไหร่ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ คงไม่แปลกที่จะสนับสนุนอีกฝ่าย เนื่องจากเป็นฝ่ายที่นายเจน ดูแลอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย แต่หากฝ่ายของผมชนะการเลือกตั้งก็พร้อมที่จะให้นายเจน และนายสุพันธุ์เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของสมาชิกทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายกลุ่มอุตสาหกรรมและกล่มจังหวัด “การลงเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้หวังผลแพ้ชนะ แต่ต้องการจะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลง โดยต้องการให้กลุ่มสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมีความสำคัญและได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนเรื่องการปรองดองเสนอให้ทุกฝ่ายพร้อมออกหาเสียงร่วมกัน ดีกว่าต่างคนต่างทำ”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดวิสัยทัศน์ผู้ท้าชิงประธานส.อ.ท.

Page 1406 of 1552:« First« 1403 1404 1405 1406 1407 1408 1409 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file