shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ทีดีอาร์ไอแนะยกระดับภาคการผลิต

รายงานข่าวจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยรายงานทางวิชาการเรื่องโมเดลใหม่การพัฒนา ต้องยกระดับการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีภาคการผลิต โดยระบุว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มลดลงในอนาคต โดยมีปัญหาหลักคือ แรงงานภาคเกษตรกรรมที่เหลืออยู่ ซึ่งจะเคลื่อนย้ายไปภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถกระจายการผลิตได้มากกว่านี้โดยง่ายอีกแล้ว ขณะที่การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยที่ให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลัก ยังแฝงความไม่ยั่งยืน และถ้าไม่เพิ่มผลิตภาพภาคการผลิตที่สำคัญได้ ทั้งนี้การเพิ่มผลิตภาพถือเป็นโจทย์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย เพราะมีปัญหาหลายอย่างที่ทำให้การเพิ่มผลิตภาพของการผลิตเป็นไปได้ยาก โดยมีปัญหาสำคัญ 6 ด้าน คือ การขาดแคลนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา ความไม่มีประสิทธิผลของมาตรการจูงใจด้านภาษี การขาดประสิทธิภาพของระบบวิจัยและพัฒนาของประเทศโดยรวม การขาดความเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับมหาวิทยาลัย ปัญหามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “50 ปีที่ผ่านมา ไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจค่อนข้างมาก โดยการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก เป็นการใช้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่เน้นการส่งออกเป็นพลังขับเคลื่อน ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการผลิตในจีดีพีของไทยมีสูงถึง 35.6% ถือว่าสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออก แต่ปัญหาสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตของไทย คือยังไม่สามารถสร้างผลิตภาพได้มากพอ ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับสูงขึ้นได้ โดยใช้ปัจจัยนำเข้าเท่าเดิม” ขณะเดียวกันไทยยังมีแนวโน้มการใช้พลังงานในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียตะวันออก และที่สำคัญคือ อุตสาหกรรมการผลิตของไทยยังมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมที่จำกัดด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ทีดีอาร์ไอแนะยกระดับภาคการผลิต

Posts related

 














เครื่องหนังไทยถูกจีนตีกระเจิง

นายสุริยา ประทีปมโนวงศ์ นายกสมาคมเครื่องหนังไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นเครื่องหนังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากสินค้าจากประเทศจีนราคาถูกเข้ามาตีตลาดสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภทหนังเทียมที่บริโภคเริ่มนิยมใช้มากขึ้น รวมถึงรัฐบาลมีนโยบายลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าแบรนด์เนมจาก 30%เหลือ 0-5% ก็ส่งผลกระทบต่อการค้าในประเทศค่อนข้างมาก เพราะการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศโดยตรงจะมีราคาใกล้เคียงกับสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยยังประสบปัญหาการผลิตในประเทศขาดแคลนแรงงานฝีมืออย่างมาก ขณะที่ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงทั้งจากค่าแรง และต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เช่น การนำเข้าหนัง และอะไหล่อุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25-30% ส่งผลให้สินค้าไทยมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10% “ปัญหาที่สำคัญที่สุดของภาคการผลิตในปัจจุบันนี้ คือ ปัญหาแรงงานฝีมือ ที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะการฝึกแรงงานแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานเป็น 10 ปี นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบสูง จึงต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่ถูกที่สุด” นายสุริยา กล่าวว่า การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ในอุตสาหกรรมเครื่องหนังถือว่าทำได้ยาก เพราะประเทศอื่นก็ขาดแคลนแรงงานฝีมือเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ นักออกแบบ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมมือกับภาครัฐโดยได้นำนักออกแบบจากอิตาลีเข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าและการออกแบบ เพื่อช่วยยกระดับให้สินค้าไทย สำหรับการส่งออกสินค้าเครื่องหนังในภาพรวมของปี 56 คาดว่าจะเติบโตได้ 10% จากปีก่อน เนื่องจากสินค้าของไทยยังเป็นที่ต้องการจากตลาดโลก โดยฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศในแถบสแกนดิเนเวียเพราะผู้ประกอบการได้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาหนังที่มีน้ำหนักเบา เพื่อมาแข่งขันกับสินค้าหนังเทียมที่เข้ามาตีตลาด ขณะที่ในปี 57 คาดการณ์ว่าสถานการณ์การส่งออกจะเติบโตขึ้นประมาณ 10-15% เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทซ กล่าวว่า สินค้าแฟชั่นเครื่องหนังของไทยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2556) มีมูลค่า 41,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการส่งออกไปตลาดสำคัญ เช่น ฮ่องกง จีน เสียดนาม ญี่ปุ่น มีแนโน้มดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกโดยรวมทั้งปีจะมีมูลค่า 53,000 ล้านบาท ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4%

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เครื่องหนังไทยถูกจีนตีกระเจิง

“ชัชชาติ”ดันสนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังประชุมพิจารณายุทธศาสตร์การขนส่งสินค้าทางอากาศ กรณีศึกษาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมขยายคลังสินค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับสินค้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตัน จากปัจจุบันที่รองรับได้ 1.7 ล้านตันต่อปี หลังจากพบว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขนส่งสินค้า 1.3 ล้านตันต่อปี หากไม่ขยายจะเกินขีดความสามารถในปี 60 โดยการขยายคลังสินค้าใน 2-3 ปีแรก จะขยายให้ได้ 2.4 ล้านต้นก่อน และค่อยขยายให้เต็มศักยภาพต่อไป ส่วนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าภูมิภาค จำเป็นต้องสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าจากไทยกระจายไปยังจุดอื่นๆอย่างหลากหลาย ผ่านทั้งทางถนน รถไฟ และเรือเชื่อมโยงถึงกัน สำหรับการขนส่งสินค้าที่สุวรรณภูมิส่วนใหญ่ เป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาเป็นผลไม้ ดอกไม้ หอยนางรม และในปี 55 ที่ผ่านมา มีปริมาณการขนส่งรวม 1.36 ล้านตัน แบ่งเป็น สินค้านำเข้า 5.99 แสนล้านตัน ส่งออก 7.4 แสนล้านตัน และสินค้าผ่านท่า 2.4 หมื่นล้านตัน “ปัจจุบันไทยมีปริมาณสินค้าส่งออกทางอากาศมากกว่าปริมาณสินค้านำเข้า หากสามารถทำให้สินค้าส่งออกและนำเข้าของประเทศเพื่อนบ้านผ่านไทย ก็จะทำให้ไทยเป็นฮับการขนส่งสินค้าได้ โดยได้มอบหมายให้นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าคณะทำงานดูแลการเตรียมความพร้อมเพื่อส่งเสริมให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นฮับการขนส่งสินค้า” นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาจัดทำแผนงานเพื่อลดปัญหา และจูงใจให้มีการใช้บริการคลังสินค้ามากขึ้น เช่น ปัญหาด้านการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้า ค่าเช่าพื้นที่ที่ยังแพง ผู้ประกอบการต้องรับภาระค่าใช้จ่ายภาษีโรงเรือน ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้กับบริษัทผู้ดำเนินการการบริหารเขตปลอดอากร ระบบควบคุมการขนส่ง(เอซีซีเอส) ที่ยังไม่สามารถพัฒนาให้ใช้งานได้ จนทำให้การบริการในลักษณะจุดเดียวเบ็ดเสร็จไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการประกอบการด้านโลจิสติกส์ของสรรพากร กรณีมีการโอนสิทธิของสินค้าในเขตปลอดอากร ยังไม่สอดคล้องกับกฎหมายการจัดตั้งเขตปลอดอากรของกรมศุลกากร และปัญหาระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. จะต้องไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ชัชชาติ”ดันสนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับ

Page 1422 of 1552:« First« 1419 1420 1421 1422 1423 1424 1425 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file