shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ครม.สัง.รฟ.ท.ปรับคณภาพก่อนขอรับเงินอุดหนุน

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 55 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งมีงบประมาณการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ 1,879 ล้านบาท พร้อมทั้งให้ร.ฟ.ท.เบิกจ่ายเงินอุดหนุนฯ ในงวดที่2 จำนวน 704 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบ 55 ด้วย ทั้งนี้ในปีงบ 55 ที่ผ่านมาร.ฟ.ท.ได้รับเงินอุดหนุนฯงวดที่ 1 แล้ว 1,175 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของกรอบวงเงินอุดหนุนสาธารณะตามบันทึกข้อตกลงฯ 2,350 ล้านบาท โดยยังเหลือกรอบวงเงินที่ต้องอุดหนุนในรอบที่ 2 ต่อ อย่างไรก็ตามครม.ยังมอบหมายให้ร.ฟ.ท.รับไปข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก ไปประกอบการพิจารณา โดยให้เร่งรัดก่อสร้างและซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานตามมาตรครม.เดิม เมื่อวันที่ 27 เม.ย.53 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการตลอดจนการการปรับปรุงคุณภาพและความสะอาดของการให้บริการภายในตัวรถโดยสารให้ได้มาตรฐาน พร้อมให้จัดทำแนวทางการปรับปรุงการให้บริการสาธารณะ สำหรับตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ค่าเป้าหมาย และรายงานผลการดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวต่อคณะกรรมการร.ฟ.ท. เพื่อให้การกำกับการให้บริการสาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ศึกษาต้นทุนต่อหน่วยในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งพิจารณาตัวชี้วัดผลการดำเนินงานบริการสาธารณะที่มีมาตรฐานรองรับ เพื่อประกอบการพิจารณาตามข้อเสนอรับบริการอุดหนุนฯของร.ฟ.ท.ในปีต่อไป ขณะเดียวกันยังให้กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการร.ฟ.ท. พิจารณาถึงการนำเอาเป้าหมายตัวชี้วัดตามบันทึกฯปี 57 ไปเชื่อมโยงกับการประเมินผลการดำเนินงานประจำปี 57 ของคณะกรรมการร.ฟ.ท. และผู้ว่าร.ฟ.ท.ต่อไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ครม.สัง.รฟ.ท.ปรับคณภาพก่อนขอรับเงินอุดหนุน

Posts related

 














คลังเล็งลดหย่อนภาษีจาก6หมื่นเป็น1.2แสนบาท

นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะแก้กฎหมายโครงสร้างภาษีใหม่ เพื่อเพิ่มการหักค่าใช้จ่ายการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 60,000 บาท เป็น 120,000 บาท โดยวงเงิน 60,000 บาทแรกเป็นการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมารวมปกติ แต่ส่วนที่เหลือ 60,000 บาทนั้นต้องมีใบกำกับภาษีมาแสดง ถึงจะหักค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียดว่า ค่าใช้จ่ายที่จะนำมาหักภาษีเพิ่มขึ้นนั้น เป็นส่วนใดบ้าง เบื้องต้นเห็นว่าควรเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว และคาดว่าแนวทางนี้จะเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเรียกใบกำกับภาษีจากผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและโอท็อปมากขึ้น โดยจะเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จทันการยื่นแบบเสียภาษีปี 57 หรือเดือนมี.ค.58 “การจูงใจให้ประชาชนขอใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากผู้ประกอบการเป็นมาตรการหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการเข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มขึ้น และแก้ปัญหาใบกำกับภาษีปลอม แม้ว่าจะทำให้กรมฯ สูญเสียรายได้จากจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่อาจได้ภาษีส่วนอื่นเพิ่มขึ้น เช่น แวต ซึ่งถือว่าคุ้มค่า นอกจากนี้กรมฯ จะเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการด้วยว่า การเข้ามาอยู่ในระบบภาษีแวต ไม่จำเป็นต้องมีรายได้เกินปีละ 1.8 ล้านบาท ถึงจะเข้าระบบได้ แต่สามารถเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทันทีแม้รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด” สำหรับการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรปี 57 นั้น ได้ให้นโยบายกับสรรพากรเขตและพื้นทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการชุมประท้วงรัฐบาล ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร รถท่องเที่ยว ซึ่งอาจทำให้การจัดเก็บภาษีลดลง โดยได้มอบหมายให้สำนักแผนภาษีประเมินว่า หากชุมนุมยืดเยื้อจะส่งผลกระทบการเก็บภาษีมากน้อยแค่ไหน และให้สรรพากรพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเตรียมแผนจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนการเก็บภาษีของกรมฯ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 57 จัดเก็บภาษีได้ 112,000 ล้านบาท เกินเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท หรือ 7% คาดว่าทั้งปีคาดว่าจะจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย 1.9 ล้านล้านบาท ด้านนางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง กล่าวว่า การหักลดหย่อนแบบเหมาจ่ายวงเงินไม่เกิน 60,000 บาทต่อปีนั้น มีการใช้มานานแล้ว และปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้น จึงต้องปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อลดภาระให้กับประชาชนผู้เสียภาษีอากร ซึ่งเห็นว่าควรนำใบกำกับภาษีมาใช้ในการคำนวณการหักค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล โดยเฉพาะใบกำกับภาษีที่มาจากธุรกิจเอสเอ็มอี และรายย่อยเป็นหลัก แต่ไม่ใช่โมเดิร์นเทรด เพราะปัจจุบันเสียภาษีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนกับสรรพากร ซึ่งจะช่วยทำให้ตรวจสอบรายละเอียดของผู้ประกอบการว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปลอม กล่าวว่า จากการตรวจสอบ45 บริษัทที่เกี่ยวข้องการทุจริตพบว่า 20 บริษัทมีการส่งเศษเหล็กไปขายต่างประเทศและขอคืนภาษี โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรเข้าข่ายเกี่ยวข้องการคืนภาษีไม่ถูกต้อง 2 คน และผู้บริหารบริษัทที่ส่งออกเศษเหล็กเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่คณะกรรมการฯประกาศผลสอบทุจริตโกงแวตไปก่อนหน้านี้ 20 บริษัท มูลค่าความเสียหายกว่า 4,341 ล้านบาทและมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบตั้งแต่ระดับซี9 ลงมา 18 คน จึงได้ส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อตั้งกรรมการสอบวินัยข้าราชการต่อไป สำหรับอีก 25 บริษัท ที่เหลือจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เป็นผู้ประกอบการส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงว่าการยื่นขอภาษีมูลค่าเพิ่มถูกต้องหรือไม่ และดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าเท่าไหร่ “เดือน เม.ย. 55 ได้ตรวจสอบพบ 2 บริษัท ใน 40 บริษัท แจ้งส่งออกเป็นเศษเหล็ก แต่ตรวจพบว่าเป็นก้อนหินถึง 6 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกรมศุลกากรได้แจ้งให้กรมสรรพากรตรวจสอบการคืนภาษี แต่กรมฯ ผู้ประกอบการได้ไปฟ้องศาลอ้างว่าบริษัทที่บรรจุเศษเหล็กยักยอกสินค้า และใช้เป็นหลักฐานอ้างกับกรมสรรพากรจนได้รับการคืนแวตอีก 30 ล้านบาท”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลังเล็งลดหย่อนภาษีจาก6หมื่นเป็น1.2แสนบาท

จัดระเบียบจราจรหมอชิตใหม่รับมือรถติด

นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมแก้ปัญหาจราจรบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ถนนพหลโยธินว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดระบบจราจรถนนพหลโยธินฝั่งขาออกใหม่ โดยได้มีมติให้แยกป้ายโดยสารประจำทางออกเป็น 2 ป้าย คือ รถโดยสารที่ไปถนนลาดพร้าว และถนนพหลโยธิน จะอยู่ก่อนเมื่อวิ่งมาจากสะพานควาย และป้ายรถโดยสารที่จะไปถนนวิภาวดีรังสิตจะอยู่ถัดไป ซึ่งจะเป็นการกระจายไม่ให้รถโดยสาร จอดซ้อนกันบนช่องจราจร ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหารถติด ขณะเดียวกันจะกำหนดจุดจอดรถแท็กซี่ 2 จุด และจุดจอดรถตู้โดยสารให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ใช้เวลาทดลองปรับปรุง 4-5 วัน ก่อนบังคับใช้อย่างจริงจัง “ระหว่างนี้จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารในบริเวณนี้รับทราบ โดยเฉพาะผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน ให้รับทราบประตูทางออกรถไฟฟ้าที่จะไปขึ้นรถโดยสารในแต่ละเส้นทางอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการสับสน และหากทุกคนรับทราบแล้ว ก็จะไม่เกิดการกระจุกตัวของจำนวนผู้โดยสารที่จุดเดียวอีกต่อไป แต่จะกระจายไปยังพื้นที่ที่เป็นจุดจอดรถโดยสารแทน” นอกจากนี้จะดำเนินการโครงการพระราม 4 โมเดล เพื่อสร้างต้นแบบการแก้ไขปัญหาจราจรแบบครบวงจร เริ่มจากทางกายภาพ พฤติกรรม และการนำระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ(ไอทีเอส) มาใช้ควบคุมการจราจร โดยจะลดคอขวด บริเวณป้ายรถโดยสาร ดูการใช้ความเร็วของรถ การแก้ไขปัญหาการจอดรถริมถนนบริเวณตลาดคลองเตย และพิจารณาการจัดเดินรถทิศทางเดียว บริเวณทางรถไฟสายเก่า เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร รวมถึงการกวดขันวินัยจราจรรถสองแถว และรถตู้โดยสารมากขึ้น เป็นต้น นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า รถส่วนบุคคลที่จอดรับส่งผู้โดยสารย่านสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ให้จอดได้ในที่จอดรถแท็กซี่ จะไม่ให้เข้าไปจอดที่ป้ายรถเมล์อีกต่อไป โดนจำนวนพื้นที่จอดรถโดยสารสาธารณะจะเพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่เข้าใช้บริการ โดยเบื้องต้นพบว่ารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) บริเวณป้ายสวนจตุจักรขาออก เส้นทางถนนวิภาวดี มี 10 สาย 93 คัน เส้นทางพหลโยธิน มี 18 สาย 50 คัน และเส้นทางลาดพร้าวมี 8 สาย 45 คัน รถตู้โดยสารมี 55 คัน และรถแท็กซี่บริเวณจุดรอรับโดยสาร 292 คัน และแท็กซี่ที่ฝ่าฝืนจอดในช่องจราจรที่ 2 จำนวน 210 คัน ช่วงเวลาที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่นมากที่สุด คือ ระหว่าง 16.30–18.00 น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จัดระเบียบจราจรหมอชิตใหม่รับมือรถติด

Page 1459 of 1552:« First« 1456 1457 1458 1459 1460 1461 1462 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file