shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

เล็งเชิญ”บิ๊กตู่”นำทัพ”ปีท่องเที่ยววิถีไทย”

นายศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานอำนวยการจัดงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ประจำปี 58 เนื่องจากต้องการให้การท่องเที่ยวของไทย มีการบูรณาการจากทุกภาคส่วนอย่างเข้มข้น เพราะที่ผ่านมาแม้การท่องเที่ยว จะเป็นวาระแห่งชาติ แต่การดำเนินงาน ยังไม่บูรณการจากทุกฝ่ายส่วนมากนัก“ปีหน้า ททท.จะเน้นการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการเน้นวิถีชุมชน กระจายรายได้สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ เชื่อว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานอำนวยการ ทุกภาคส่วนจะดำเนินงานบูรณาการร่วมกันอย่างเข้มเข้น เช่น ททท. จะเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว หากผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้านกระทรวงมหาดไทย ก็จะดูแลส่วนท้องถิ่น ในการให้ความรู้ชาวบ้าน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะดูแลในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย”สำหรับแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านการตลาดในปี 58 ในประเทศ ททท. ยังชูนโยบาย หลงรักประเทศไทย ต่อไป โดยจะเน้นแคมเปญการท่องเที่ยววิถีไทย (2015 ดิสคัฟเวอร์ ไทยเนสเบร์ ) ซึ่งจะชูกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีไทย เช่น วัฒนธรรมวิถีชีวิตของท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งจะเน้นกิจกรรม 12 เดือน 12 กิจกรรม เช่น เดือน ก.พ. จะเน้นกิจกรรมเกี่ยวกับความรัก เดือนเม.ย. เน้นกิจกรรมผ้าไทย เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวรองต่าง ๆ ด้วยส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ยังชูนโยบาย อะเมซิ่งไทยแลนด์ โดยจะเน้นแคมเปญท่องเที่ยววิถีไทย เช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ จะชื่นชอบเสน่ห์ของคนไทย และประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทย รวมทั้งจะเน้นส่งเสริมเมืองท่องเที่ยวรอง นอกจากเมืองท่องเที่ยวหลัก เนื่องจากต้องการกระจายรายได้ในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งในระยะหลังนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เช่น ล่าสุดผู้ประอบการประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ต้องการเที่ยวจ.น่าน จ.สุรินทร์ เป็นต้นด้านนาย ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐนิยามคำว่า การท่องเที่ยวิถีไทย ให้เป็นแบบเข้าใจง่าย เพื่อที่จะสามารถทำตลาด และขายแพ็กเก็จท่องเที่ยวให้ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากขณะนี้เอกชนจะรับรู้เพียงชื่อแคมเปญ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด ดังนั้น ควรจะต้องหารือร่วมกับระหว่าง ททท.กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และประชุมหารือร่วมกัน“ต้องยอมรับว่า แนวคิดเรื่องการท่องเที่ยวิถีไทยที่ ททท.จะเปิดตัวเป็นแคมเปญใหญ่ ถือเป็นการเปิดตัวที่ดี แต่ต้องสร้างการรับรู้ให้กับเอกชนด้วย ในฐานะที่เอกชนเป็นผู้ขายโดยตรงที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้ได้ก่อน อีกทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกับกับหน่วยงานภาครัฐก็ดีแล้ว เพราะภาคการท่องเที่ยวต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”ทั้งนี้ตลาด หลักที่จะขายสินค้าท่องเที่ยวเชิงการท่องเที่ยวรูปแบบวิถีไทยได้นั้น มองว่าจะทำตลาดได้ดีในกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นการ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรป และ ตลาดจากประเทศญี่ปุ่น เป็นหลักผู้สื่อข่าวรายงานว่า ททท.เตรียมร่วมกับ กลุ่มโซเชียลออนไลน์รายใหญ่ของโลกจับมือกับออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลก เช่น กูเกิล ยูทูป และ หัวเว่ย ถ่ายทอดสดภาพเคลื่อนไหวเน้นสถานการณ์จริง เกี่ยวกับกิจกรรมประเพณีไทย ที่ทั่วโลกนิยม เริ่มต้นจากงานประเพณีสงกรานต์ แล้วต่อด้วยงานประเพณีใหญ่ ๆ เผยแพร่ล่วงหน้าก่อนวันจัดงาน เพื่อสื่อไปถึงกลุ่ม ไทยแลนด์แฟนคลับ และผู้ชมทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ม.ค. 58 เป็นต้นไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เล็งเชิญ”บิ๊กตู่”นำทัพ”ปีท่องเที่ยววิถีไทย”

Posts related

 














คลังจี้ธนารักษ์ตรวจราคาที่ดินทั่วประเทศ

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลออกกฎหมายจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของรัฐบาล เพราะต้องการแก้ปัญหาโครงสร้างภาษีด้านการถือครองทรัพย์สิน ลดการกักตุน และเก็งกำไรที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินมากขึ้น รวมทั้ง ช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความเป็นธรรม ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการมีส่วนรวมของประชาชนทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เร่งดำเนินการ และตรวจสอบราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งประเทศ เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสำรวจที่ดินได้เพียง 7 ล้านแปลง จาก 30 ล้านแปลงทั่วประเทศเท่านั้น ทำให้ข้อมูลในปัจจุบันที่มีอยู่ ยังไม่สามารถเชื่อมโยงและครอบคลุมที่ดินได้ทุกแปลง หากกรมธนารักษ์ทำไม่ได้ก็ต้องจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการแทนทันทีอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังกำลังเตรียมความพร้อม ทั้งข้อมูลทรัพย์สิน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด โดยจะพัฒนาข้อมูลที่ดินทั้งประเทศ ให้เป็นแผนที่ดิจิตอล เชื่อมโยงข้อมูลที่ดินทะเบียนทุกแปลงทั้งประเทศ การจัดทำรายการบัญชี และประเมินมูลค่าที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง การกำหนดอัตราภาษีที่เก็บจริง ออกกฎหมายรองที่เกี่ยวข้อง และเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน เบื้องต้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะแบ่งจากการใช้ประโยชน์ เช่น ประกอบเกตรกรรม เพดานภาษี 0.5%, ที่อยู่อาศัย 1% และพาณิชกรรม 4% เป็นต้นขณะที่การเก็บภาษีมรดกเพื่อกระจายความมั่งคั่งของคนในประเทศ เพราะคนในประเทศ 20% ที่มีฐานะรวย หรือ 14 ล้านคน ถือครองทรัพย์สิน 70% ของประเทศ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และยังเพิ่มรายได้เพื่อไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ทำให้สัดส่วนเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สินที่ปัจจุบัน 1% เพิ่มขึ้นสูง ขณะเดียวกันการเก็บภาษีมรดกจะมีการกระจายทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินทำให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจมากขึ้นสำหรับการเก็บภาษีมรดก จะเก็บจากผู้รับ และจะเก็บอัตราเดียว 10% ในส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท ขึ้นไป ตามที่นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ จะเก็บภาษีมรดกอัตราเดียวไม่ได้เก็บแบบอัตราก้าวหน้า โดยกรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บ โดยทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษี จะเป็นทรัพย์ที่จดทะเบียน ได้แก่ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ หุ้น เงินฝากตราสารทุน ตราสารหนี้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลังจี้ธนารักษ์ตรวจราคาที่ดินทั่วประเทศ

“สุรินทร์”แนะพัฒนาเกษตรไทยสู่เวทีโลก

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (เอฟไอที) เปิดเผยว่า ช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหา ทั้งกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จี 20 เช่น เยอรมัน ญีปุ่น ที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ตลาดอาเซียนกลายเป็นแกนหลักในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นว่าจุดเด่นของไทยคือภาคเกษตร เกษตรแปรรูป และอาหาร เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก ไม่มีใครสามารถล้มแชมป์ได้ แต่การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรเป็นเรื่องจำเป็น โดยไม่ควรใช้ระบบอุปถัมภ์เหมือนที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องเพิ่มเทคโนโลยีและ คุณภาพให้ผลิตดีขึ้นสำหรับ อุตสาหกรรมรถยนต์แม้ไทยจะเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ แต่มูลค่าตลาดซื้อขายรถยนต์อยู่ที่อินโดนีเซีย เพราะมีประชากรถึง 245 ล้านคน และอินโดนีเซียเพิ่งเริ่มจะมีรถคันแรก ขณะที่ไทยเริ่มมีรถยนต์คันที่ 2 ส่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว ด้วยการไม่พึ่งทัวร์จากภายนอกอย่างเดียว แต่ควรหาพันธมิตรร่วมทุน เพื่อพานักท่องเที่ยวไทยออกไปต่างประเทศ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านเริ่มโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกับไทย ทำให้นักท่องเที่ยวลดเวลาการพำนักในไทย จึงจำเป็นต้องหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ทำตลาดนอกจากนี้มองว่าในปี 73 กลุ่มชนชั้นกลางในอาเซียนที่มีอยู่ 400 ล้านคน จากประชากรอาเซียน 700 ล้านคน จะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งการบริโภคการ การบริการ สาธารณสุข ที่อยู่อาศัยจึง จำเป็นที่ไทยต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือการแข่งขันที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งเรื่องการศึกษา ระบบราชการ โลจิสติกส์ และขนส่ง แต่ยอมรับว่าข้อเสียของไทย คือการเมืองทำให้นโยบายไม่นิ่ง และไม่มีความต่อเนื่อง ต้องแก้ปัญหากันมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มองว่าเศรษฐกิจอาเซียนเติบโตปีนี้ 5.4% และปีหน้า 5.8% ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า เป็นห่วงเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวลง เช่น จีน และยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวนั้น จะกระทบส่งออกไทย เพราะไทยพึ่งพาการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก จึงประเมินว่าส่งออกปีนี้โตเพียง 1.5% ยกเว้นสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มฟื้นตัว แต่ไม่ได้ทำให้ส่งออกขยายตัวมากนัก ขณะที่ราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ก็ตกต่ำส่วนการบริโภคภายในประเทศไม่ได้เติบโต ดังนั้นเห็นว่าการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศของรัฐ เป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ ทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 58 วงเงิน 2.75 ล้านล้านบาท และงบลงทุนในโครงการต่าง ๆ ให้เพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลชุดที่ผ่านมา เบิกจ่ายล่าช้า ทำให้มีงบประมาณเหลืออยู่ 300,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณเหลื่อมปีที่จะนำมาใช้ในปีหน้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “สุรินทร์”แนะพัฒนาเกษตรไทยสู่เวทีโลก

Page 158 of 1552:« First« 155 156 157 158 159 160 161 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file