shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

หอการค้าเผยชาวนาไทยโครตจน

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ต้องการเสนอให้รัฐบาลปฎิรูปข้าวไทยเร่งด่วน 3 ด้าน เพื่อให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกในอนาคตได้ ประกอบด้วย การปฏิรูปกระบวนการผลิตทั้งระบบ ทั้งวิธีการเพาะปลูก พื้นที่เพาะปลูก พันธุ์ข้าว แหล่งน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก, ปฏิรูปโครงสร้างต้นทุนการผลิต โดยลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมี หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น รวมทั้งรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตให้ชาวนา 20% ของต้นทุนรวม และปฏิรูปห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการข้าวของประเทศ โดยให้ ชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก รวมตัวกัน เพื่อบริหารจัดการข้าว แทนต่างคน ต่างทำในปัจจุบันสาเหตุที่ต้องให้รัฐบาลเร่งปฎิรูป เพราะว่าเงินเหลือจากการปลูกข้าว ของชาวนาไทย เฉลี่ยลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ารายได้ โดยในปี 56 ชาวนามีรายได้ 11,187 บาทต่อตัน มีต้นทุน 10,685 บาทต่อตัน และมีเงินเหลือเพียง 502 บาทต่อตัน ส่วนปี 52 ชาวนามีรายได้10,600 บาทต่อตัน ต้นทุน 8,349.1 บาทต่อตัน และมีเงินเหลือ 2,311 บาทต่อตัน และปี 47 ชาวนามีรายได้ 6,741 บาทต่อตัน มีต้นทุนการผลิต 4,835.4 บาทต่อตัน ทำให้ เงินเหลือเฉลี่ยที่ 1,905.6 บาทต่อตัน“อีกทั้ง ที่ผ่านมาพรรคการเมืองไทย จะเน้นนโยบายการใช้ราคาข้าวเปลือกเป็นที่ตั้งในการหา เสียง ส่งผลให้มีการใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องปฏิรูปกระบวนการผลิตทั้งระบบ โดยเฉพาะช่วยเหลือเรื่องต้น ทุน และเพิ่มผลผลิต เหมือนกับประเทศอื่นที่ทำกัน ซึ่งการชดเชยปัจจัยการผลิตให้ชาวนา 20%นั้น ยอมรับว่าแม้จะเป็นประชานิยม แต่ประเทศอื่นทั้งเวียดนาม พม่าก็ทำกัน อย่างเวียดนามช่วยเหลือในเรื่องปุ๋ยทั้งหมด”จากผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนการผลิตของไทย จะเป็นปัญหาใหญ่ของชาวนา โดยพบว่าต้นทุนการผลิต ส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าที่นา 21% ของต้นทุนทั้งหมด ขณะที่ค่าเมล็ดพันธ์ ค่าปุ๋ยและน้ำมัน รวมกัน 44% ซึ่งหากเทียบกับแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านพบว่า ในปี 55 ไทยมีต้นทุนผลิต 9,736.4 บาทต่อตัน มีผลผลิตต่อไร่ 450 กก.ต่อไร่ และมีรายได้ 11,319 บาทต่อไร่ ขณะที่เวียดนามมีต้นทุนผลิต 4,070 บาทต่อตัน, มีผลผลิต 900 กก.ต่อไร่และมีรายได้ 7,251 บาทต่อตัน และพม่า มีต้นทุนผลิต 7,121 บาทต่อตัน ผลผลิต 420 กก.ต่อไร่ และ มีรายได้ 10,605 บาทต่อตันนายอัทธ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์ข้าวไทยเป็นเหมือนในอดีต และปัจจุบัน เชื่อว่าในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 57- 66 มูลค่าการส่งออกข้าวไทยจะสูญหาย 87,500 ล้านบาท โดยตลาดที่ส่งออกสูญเสียไปมากสุดคือ ตลาดเอเชีย ไม่รวมอาเซียนและตะวันออกกลาง สูญเสีย 181,000 ล้านบาท ตลาดยุโรป สูญเสีย 67,000 ล้านบาท ตลาดอาเซียน 27,400 ล้านบาท ส่วนตลาดที่ส่งออกข้าวไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 94,000 ล้านบาท แอฟริกา มูลค่าเพิ่มขึ้น 132,000 ล้านบาท“สาเหตุที่ทำให้ข้าวไทยสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน เป็นเพราะราคาข้าวส่งออกของไทยสูงกว่าคู่แข่ง, คู่แข่งส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียรวมถึงพม่าและ กัมพูชา, ศักยภาพการผลิตข้าวไทยถดถอยลง และ ต้นทุนในการเพาะปลูกสูงกว่าคู่แข่ง”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หอการค้าเผยชาวนาไทยโครตจน

Posts related

 














เชิญรมว.ท่องเที่ยวลงพื้นที่เกาะเต่า

นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกรณีคดีฆ่านักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า ว่า เตรียมเชิญ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวชาวยุโรป โดยเฉพาะจากอังกฤษ ถือเป็นตลาดสำคัญ รวมถึง เป็นตลาดศักยภาพที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจท่องเที่ยวให้ได้เป็นไปตามเป้าหมายนอกจากนี้ยังเตรียม เรียกผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งหมดบนเกาะ ประชุมหารือ และหาแนวทางสร้างความเชื่อมั่น และสร้างภาพลักษณ์ให้กับเกาะเต่า ต่อไป ซึ่งต้องเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะหลังจากนี้กำลังจะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ของประเทศไทย ขณะเดียวกัน จะเสนอให้เกาะเต่ามีสถานนีตำรวจหรือศูนย์อำนวยความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว พร้อมกับมีตำรวจท่องเที่ยวประจำการอยู่ พร้อมกับจัดทำคู่มือแนะนำนักท่องเที่ยวถึงวิธีปฏิบัตติตัวที่ดีเมื่อมาเกาะเต่า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เชิญรมว.ท่องเที่ยวลงพื้นที่เกาะเต่า

เอพีควงมิตซูบิชิผุดคอนโดต่อเนื่อง

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย หรือในเครือ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น อีก 3-4 โครงการ ในปีหน้า หลังจากปีนี้ที่ได้ร่วมเปิด 4 โครงการ มูลค่ากว่า 10,550 ล้านบาท ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จทางยอดขาย โดยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งล่าสุดที่เปิดตัวคือ โครงการแอสไพร์ สาทร ท่าพระ มูลค่า 3,300 ล้านบาท 1,219 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.98 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 40%“การเปิดตัวคอนโดมิเนียมทั้ง 4 โครงการดังกล่าว คือ โครงการ แอสไพร์ สาทร-ท่าพระ ,แอสไพร์ รัชดา-วงศ์สว่าง มูลค่าโครงการ 2,850 ล้านบาท, โครงการริทึ่ม สุขุมวิท 36-38 มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ,และโครงการ รึทึ่ม อโศก 2 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ถือว่าประสบผลสำเร็จ ทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย และยังพบว่าลักษณะไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ คล้ายกับคนญี่ปุ่น ที่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก และประกอบกับการขยายตัวของเมือง และขยายตัวของเส้นรถไฟฟ้า ทำให้มั่นใจในโอกาสของสินค้าคอนโดมิเนียมที่ติดแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น"อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ลง จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัว 19 โครงการ เหลือเพียง 17 โครงการ โดยอีก 2 โครงการดังกล่าว จะเลื่อนไปเปิดต้นปีหน้า มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ เนื่องจากปีนี้บริษัทเน้นการเปิดโครงการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้มากกว่าโครงการที่มีมูลค่าไม่มากนักโดยปีนี้ บริษัทคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ 21,000 ล้านบาท จนถึงกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 14,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะได้ตามเป้าหมายแน่นอน เนื่องจากมองว่าขณะนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัว รวมถึงกำลังซื้อที่กลับเข้ามา หลังจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย และรัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนั้น บริษัทยังมียอดขายรอโอน (แบล็คล็อค) อยู่อีกกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้โอนไปแล้วกว่า 9,300 ล้านบาท คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการโอนอีก 11,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวสูง 5,900 ล้านบาท และแนวราบ 5,200 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอพีควงมิตซูบิชิผุดคอนโดต่อเนื่อง

Page 163 of 1552:« First« 160 161 162 163 164 165 166 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file