shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ไทย-จีนเพิ่มการค้า-ลงทุนร่วมกัน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดผยว่า ได้หารือกับนายหนิง ฟู่ขุ่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยถึงแนวทางการเพิ่มความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีนให้มากขึ้นในอนาคตโดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้รื้อฟื้นการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย– จีน ร่วมกันหลังจากที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้มีการจัดประชุมร่วมกันมานานกว่า 10 ปีโดยการประชุมครั้งแรกจะมีการจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ภายในปี 57 นี้ส่วนการประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯซึ่งจะมีการกำหนดวันประชุมอย่างเป็นทางการต่อไปทั้งนี้ในปัจจุบันจีนถือเป็นคู่ค้าและตลาดที่สำคัญของไทยโดยไทยส่งออกสินค้าไปขายยังจีนสูงถึง 12% ซึ่งยอดการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นสูงมากจาก 15 ปีที่ผ่านมาที่ไทยเคยส่งออกสินค้าไปจีนเพียง2% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดนอกจากนี้จีนยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และถือเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกความร่วมมือทางการค้ากับจีนที่จะเพิ่มขึ้นจึงจะเป็นประโยชน์กับไทยในการส่งออกสินค้าไปขายยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกมากขึ้นโดยปัจจุบันประเทศไทยส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศนี้กว่า55% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด“คณะกรรมการชุดนี้จะดูหมด ทั้งเรื่องการค้าการลงทุนการขายสินค้าเกษตรรวมทั้งเรื่องที่จีนจะมาลงทุนในบ้านเราเพิ่มซึ่งเราต้องเลือกว่าจะให้เขามาลงทุนอะไรก็คงต้องเลือกที่เป็นประโยชน์ ส่วนเป้าหมายการค้าการลงทุนระหว่างกันนั้นคงไม่ต้องไปปรับอะไร ขายได้มาก ลงทุนได้มากก็ควรจะทำไป อย่าไปยึดเป้า ยึดตัวเลขอะไรให้ยุ่งการค้าเป็นเรื่องของประโยชน์ทั้งสองข้างอยู่แล้ว”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทย-จีนเพิ่มการค้า-ลงทุนร่วมกัน

Posts related

 














โฮมโปรเปิดขายโซลาร์รู๊ฟ

นายคุณวุฒิธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมพัฒนาธุรกิจกับบริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) และนำแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รู๊ฟ) ของเอสพีซีจี เข้ามาจำหน่ายในโฮมโปรทุกสาขา มี 3 ขนาดตั้งแต่กำลังผลิต 2.75-4 กิโลวัตต์ ราคา 2.7-4 แสนบาทขึ้นไป โดยตั้งเป้าหมายใน 1 ปีข้างหน้า จะมียอดขาย 1,000 ชุด หรือทำให้มีรายได้เข้ามา 300 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และอนาคตอันใกล้นี้หากรัฐบาลรับซื้อไปจากประชาชนทั่วไป ผู้ที่ติดตั้งโซลาร์รู๊ฟก่อน ก็ได้เปรียบ โดยประเมินว่าการติดตั้งในราคาดังกล่าว จะคืนทุนภายใน 8 ปี แต่จะประหยัดค่าไฟได้ 9.1 แสนบาทถึง 1.5 ล้านบาท"ในการติดตั้งแผงโซลาร์ รู๊ฟ ดังกล่าว เรารับประกันคุณภาพ 25 ปี และมีบริการหลังการขายฟรี 2 ปี โดยหากรัฐบาลเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากประชาชนเมื่อใด ก็จะเป็นตัวแทนในการบริการแจ้งชื่อผู้ที่ซื้อแผงโซลาร์ รู๊ฟจากโฮมโปร ให้ภาครัฐทันทีด้วย"ปีนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 42,830 ล้านบาทโดยมองว่าขณะนี้กำลังซื้อฟื้นตัวแล้วในเขตกทม.และปริมณฑล และหัวเมืองหลัก ยกเว้นเฉพาะหัวเมืองรอง ที่มีธุรกิจการเกษตรเป็นหลัก เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ยังมั่นใจว่าโดยภาพรวมทั้งปีแล้ว จะดีขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มลงทุนแล้ว ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ในส่วนของบริษัทเองก็เดินหน้าเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเปิดให้ครบ 71 แห่ง และปีหน้าจะเปิดอีก 13 แห่ง มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นต่างประเทศ 1 แห่งคือ ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย“เราคงรายได้ปีนี้ไว้ที่ 15% แม้ว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จะทำรายได้ได้เติบโตกว่า 21% ก็ตาม ซึ่งมองว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาทั้งตลาดในกทม.และตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตได้15% โดยรายได้หลักจะมาจากยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขา และลูกค้าปัจจุบันของบริษัทเป็นลูกค้าที่ปรับปรุงบ้านเก่ากว่า80% และลูกค้าที่สร้างใหม่ 20%"น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี กล่าวว่าว่า บริษัทจะเริ่มลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 2 โครงการ ต้นปี 58 คาดว่าจะใช้งบลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น 10% กับพันธมิตรจากมูลค่าลงทุนรวมกว่า 8,000 ล้านบาท กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โฮมโปรเปิดขายโซลาร์รู๊ฟ

คาดเงินสะพัดเทศกาลกินเจ 5.1 หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจว่า ยอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจในปี 57 มีมูลค่า 51,270.16 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.7%เนื่องจากในปีนี้เป็นการกินเจ 2 ครั้งในรอบ 182 ปี แบ่งเป็นรอบแรกระหว่างวันที่ 24 ก.ย. – 2 ต.ค. 57 และ รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 24 ต.ค. – 1 ก.ย. 57 ประกอบกับราคาอาหารและผักที่ใช้ในการกิจเจเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ5-10%ส่งผลให้มีมูลค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งนี้ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากเทศกาลกินเจมากที่สุดคือ ธุรกิจอาหารและวัตถุดิบในการประกอบอาหารเจ คาดว่าจะมีเงินสะพัดเฉพาะในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการอาหารประมาณ 42,000 -45,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเม็ดเงินที่ลงสู่ระบบจากเทศกาลกินเจทั้งหมดในปีนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดีและเมื่อรวมกับมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4 จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระดับ 4-5%และทั้งปีจะขยายตัวได้ในระดับ 2%“ในภาพรวมจะมีเงินสะพัดมากที่สุดในรอบ 7 ปีเพราะมีการกินเจ 2 รอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับเศรษฐกิจไทยเพราะเทศกาลจะเป็นตัวขับเคลื่อนตัวหนึ่งที่จะดันเศรษฐกิจไทยในปี 57 ให้โตได้ในระดับ 2%ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมชะลอตัว และเมื่อรวมกับการเร่งรัดการจ่ายงบฯที่ยังค้างอยู่ก็จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้เป็นอย่างดีเช่นกัน” นายธนวรรธน์ กล่าวว่า แม้ปีนี้จะมีมูลค่าการใช้จ่ายที่สูง แต่หากพิจารณาในภาพรวมเทศกาลกินเจในปีนี้ถือว่ายังไม่คึกคัก เพราะหากเปรียบเทียบเฉพาะรอบแรกระหว่างวันที่ 24 ก.ย. – 2 ต.ค. 57 มีมูลค่าการใช้จ่ายเพียง 41,012.34 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 2.1%และเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจยังซบเซาทำให้ประชาชนระวังการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้า ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายรอบ 2 ระหว่างวันที่ 24 ต.ค. – 1 พ.ย. 57 มีมูลค่า 10,257.82 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คาดเงินสะพัดเทศกาลกินเจ 5.1 หมื่นล้าน

Page 179 of 1552:« First« 176 177 178 179 180 181 182 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file