นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารจะรุกตลาดประกันวินาศภัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าเป็นผู้นำแบงก์แอสชัวรันด์ในอีก 3 ปี ข้างหน้า หลังจากที่ประสบความสำเร็จการขายประกันชีวิต คาดว่ามีเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากปีนี้มีเบี้ยประกันภัย 2,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าตลาดประกันวินาศภัยในไทยในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ย 5-10% ซึ่งการขายผ่านธนาคารเติบโตปีละ 20% เพราะสัดส่วนประกันวินาศภัยต่อจีดีพีอยู่ที่ 1.7% ขณะที่ทั่วโลกมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.81% โดยญี่ปุ่นอยู่ที่ 2.3% และไต้หวันอยู่ที่ 3.1%“ได้ร่วมกับบริษัท เมืองไทยประกันภัย ทำตลาดประกันภัยสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล เพราะฐานผู้ใช้รถทั่วประเทศอยู่ที่ 12.9 ล้านคัน มูลค่าเบี้ยนตลาดรวมกว่า 59,274 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58% ของมูลค่าเบี้ยประกันทั้งหมด โดยมีผลิตภัณฑ์ เน้นซื้อง่าย เจ้าใจง่ายและเบี้ยประกันไม่แพง เช่น ประกันชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้นที่ 13,400 บาท ประกันภัยรถประเภท 3 และ 3 พลัส รวมถึงพรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ นอกจากนี้ยังมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยเดินทาง ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขายประกันผ่านแบงก์รวมอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ที่ 50,000 ล้านบาท หรือเติบโต 28%”นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านช่องทางการขายและขยายฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีเบี้ยประกันรถยนต์อยู่ที่ 2,861 ล้านบาท หรือสัดส่วน 4.12% ของเบี้ยประกันภัยช่วง 7 เดือนที่อยู่ 5,685 ล้านบาท และยืนยันว่าจะไม่ปรับลดอัตราเบี้ยประกันภัย และเห็นว่าการใช้สาขาของธนาคารที่มีอยู่ทั่วประเทศ 1,000 แห่งจะทำให้ยอดขายกรมธรรม์ชั้น 1 อยู่ที่ 10,000 กรมธรรม์ ส่วนแนวโน้มตลาดประกันภัยยังเติบโตดี แต่ละปีจะเติบโต 2 เท่าของจีดีพี ซึ่งปีนี้แม้ว่าจะโตไม่มากนัก แต่ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสิกรไทยบุกตลาดประกันวินาศภัย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายภูมิศักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้สำรวจภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ครึ่งปีแรกที่ ผ่านมา มี 168 โครงการ รวม 94,718 หน่วย โดยเป็นคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 57-58 ถึง 80% ส่วนอีก 30% กำลังก่อสร้าง และพบว่าราคาขายเฉลี่ตารางเมตรละ 94,000 บาท เพิ่มขึ้น 7% จากปลายปีที่ผ่านมา ตร.ม.ละ 88,000 บาท และจากนี้ไป ราคาคอนโดฯ ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 7-10% เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นและหายากขึ้นเรื่อย ๆโดยคอนโดฯ ในย่านธุรกิจ(ซีบีดี) ที่ขายดีที่สุด คือถนนสีลม-สาทร-พระราม 4 ราคาเฉลี่ยตร.ม.ละ 148,000 บาท ส่วนย่านเพลินจิต ชิดลม และราชดำริ มีราคาขายสูงสุดตร.ม.ละ 225,000 บาท และราคาสูงสุดที่ 340,00 บาท โดยคอนโดฯ ที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ อยู่ที่สถานีราชดำริ หรือชื่อ 185 ราชดำริ ซึ่งสาเหตุที่มีราคาแพง เพราะโซนเหล่านี้ติดรถไฟฟ้า โดยสถานีรถไฟฟ้า ที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงสุดคือ สถานีราชดำริ ตร.ม.ละ 70,000 บาท รองลงมา คือ ราชเทวี เพลินจิตตร.ม.ละ 220,000 บาท สถานีพร้อมพงษ์ และสุรศักดิ์ตร.ม.ละ 200,000 บาท ซึ่งยังมีความต้องการสูงเนื่องจากเป็นเขต ธุรกิจการค้า และแหล่งที่อยู่ของชาวต่างชาติพร้อมกันนี้คาดว่าช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะมีคอนโดฯขึ้น ใหม่อีก 30,000 ยูนิต ทำให้ทั้งปีนี้ มีคอนโดฯกว่า 130,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาแม้ว่าครึ่งปีแร จะไม่ค่อยมีเลย เนื่องจากได้รับผลกระทบทางการเมือง แต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้กำลังซื้อ และความมั่นใจกลับมาเป็นปกติแล้วส่วนคอนโดฯ ย่านสถานีอารีย์นั้น นับเป็นสถานีที่มีศักยภาพสูง เพราะอยู่ใกล้สถานที่ราชการ และย่านธุรกิจ โดยราคาต่อตร.ม.ต่ำสุดที่ 131,000 บาท และสูงสุด 154,000 บาท แต่ยังมีคอนโดฯ ไม่มาก หากเทียบกับศักยภาพของทำเล เนื่องจากไม่ได้ติดสถานี แต่ต้องเดินเข้าซอย ไปนอกจากนี้ ย่านรัชดาฯ ลาดพร้าว ก็กำลังถูกจับตามองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และกลายเป็นศูนย์กลางของ ธุรกิจแห่งใหม่ ในเร็ว ๆ นี้ โดยราคาต่ำสุดตร.ม.ละ 108,000 บาท สูงสุด ตร.ม.ละ 155,500 บาท"คอนโดฯที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า จะมีความต้องการซื้อสูง เพราะการเดินทางสะดวกสบาย แต่ราคาที่ดินก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน โดยคาดว่าจากนี้ไปราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 10% ทำให้ผู้ประกอบการสร้างคอนโดฯ ราคาถูกไม่ได้ ต้องเน้นราคาระดับกลางและสูง โดยเฉพาะคอนโดฯหรูหรา ที่ยังขายได้หมด หากสามารถตอบโจทย์ของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยได้ เนื่องจากตลาดบน ไม่มีปัยหาเรื่องกำลังซื้อ เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ตัดสินใจซื้อเท่านั้น" 
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีนักท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ ถูกทำร้ายเสียชีวิต ที่เกาะเต่าว่า ขณะนี้ทางผู้อำนวยการสำนักงานททท. ประจำลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ทำหนังสือชี้แจงกับสื่อประเทศอังกฤษ โดยมีใจความสำคัญว่า ประเทศไทยขอแสดงความเสียใจ และรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่สังคมไทย ไม่ยอมรับ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของประเทศไทย กำลังพยายามตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษอย่างเต็มความสามารถส่วนการนำเสนอข่าวของประเทศอังกฤษ ขณะนี้ได้นำเสนอผ่านทางเว็บไซด์ และผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว แต่ยังเป็นการนำเสนอในการรายงานข้อเท็จจริงหน้าในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่ข่าวใหญ่หน้าหนึ่ง และยังไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงขนาดไม่ให้เดินทางมาประเทศไทย และขณะนี้คาดหวังว่า ข่าวการแยกประเทศของสก๊อตแลนด์ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของชาวอังกฤษ จะมากกลบข่าวดังกล่าวสำหรับผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในการดินทางมาประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า จะกระทบมากน้อยเพียงใด โดยจะมีการประเมินผลกระทบอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ย. ว่า มีการยกเลิกทัวร์มาเที่ยวประเทศไทย หรือไม่ อย่างไร โดยขณะนี้แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวอังกฤษเดินทางมาประเทศไทยประมาณ 800,000 คน ต่อปี มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวยุโรป รองจากประเทศรัสเซีย ถือเป็นนักท่องเที่ยวในกลุ่มคุณภาพ 
