shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

รมต.ไอซีที เล็งแก้ปัญหารายได้ “ทีโอที-กสท”

วันนี้ (1 ก.ย.) นายพรชัย รุจิประภา ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยถึง ภารกิจหลักหลังเข้าทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีไอซีทีว่า สิ่งสำคัญคือการแก้วิกฤตของรัฐวิสาหกิจในสังกัด คือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่กำลังเผชิญปัญหาด้านรายได้ที่ลดลงอย่างหนักจากการที่ต้องนำส่งรายได้สัมปทาน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ให้เป็นรายได้แผ่นดินตาม มาตรา 84 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.)ทั้งนี้ จะใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากที่เคยเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งต้องดูแผนการลงทุนของทุกรัฐวิสาหกิจมาช่วยพลิกฟื้นทีโอทีและ กสท โดยจะใช้จุดแข็งด้านความพร้อมของโครงข่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจด้านการให้บริการและการทำตลาด เพราะทิศทางธุรกิจโทรคมนาคมและไอทีทั่วโลก ได้มุ่งเนันการคอนเวอร์เจนซ์ ดังนั้น ทีโอที และ กสท ต้องหาพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจ"สำหรับการควบรวมระหว่างทีโอทีและกสทนั้น มองว่าเป็นเรื่องของอนาคต และรายละเอียดทั้งหมด คงต้องรอให้ตนเข้าทำหน้าที่อย่างเป็นทางการก่อน" นายพรชัย กล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีโอทีและ กสท อยู่ในรัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง ที่ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูเร่งด่วนตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซุปเปอร์บอร์ด) โดย กสท อยู่ในฐานะได้เปรียบทีโอที จากภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปี 2557 มีรายได้ 25,260 ล้านบาท รายจ่าย 24,658 ล้านบาท มีกำไร 602 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้ทั้งปีที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และมีกำไร 1,240 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของทีโอขาดทุน 1,300 ล้านบาท โดยมีรายได้ 3.24 หมื่นล้านบาท ค่าใช้จ่าย 3.37 หมื่นล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะขาดทุนรวม 8,900 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รมต.ไอซีที เล็งแก้ปัญหารายได้ “ทีโอที-กสท”

Posts related

 














เอเซอร์ แอสไปร์ สวิทช์10 คุ้มจนจุก – ฉลาดใช้

เห็นตัวเครื่องครั้งแรก ก็บ่นในใจว่า  มันดูหนาจัง แต่พอเอามาใช้งาน ความรู้สึกแรกก็คือ เข้าท่าดี เอเซอร์  แอสไปร์ สวิทช์ 10 (Acer Aspire Switch 10 )  เป็นแท็บเล็ตลูกผสมไฮบริดจ์ รุ่นล่าสุดของเอเซอร์ วางจำหน่ายได้ระยะหนึ่งแล้ว  จากการสอบถามร้านค้าหลายแห่ง ได้คำตอบใกล้เคียงกันว่า ขายดี  ทั้งในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและคนทำงาน ขอเรียกสั้น ๆ ว่า สวิทช์ 10  ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 8.1  จอระบบสัมผัส ทีเอฟที แอลซีดี  เอชดี  ขนาดจอประมาณ 10 นิ้ว ซีพียู อินเทล อะตอม แซด 3745  แรม 2 กิกะไบต์  ความจุตัวเครื่อง  64  กิกะไบต์ กล้อง 2 เมกะพิกเซล พร้อมแฟลช ตัวเครื่องจะค่อนข้างหนา แต่รวมทุกอย่างไว้ที่เครื่อง บริเวณรอบตัวเครื่องจะมีพอร์ตยูเอสบี  ไมโครเอชดีเอ็มไอ และช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดให้มาครบ เป็นแท็บเล็ตที่สามารถใช้งานแบบแท็บเล็ตหรือจะเอามาต่อกับคีย์บอร์ดเป็น เหมือนด็อกกิ้งของตัวแท็บเล็ตก็ได้ คีย์บอร์ดขายพร้อมตัวเครื่องมาพร้อมกันเลย บานพับจะเป็นแม่เหล็ก วางลงไปก็ดูดเข้าหากันทันที มีแป้นพิมพ์ภาษาไทยมาให้พร้อม ความโดดเด่นของเอเซอร์ สวิทช์ 10 อยู่ที่สามารถใช้งานได้ในหลายรูปแบบ พูดง่าย ๆ ก็คือ แปลงร่างได้เพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายมุม เพราะคีย์บอร์ดและตัวเครื่องถอดแยกจากกันได้ ที่สำคัญคีย์บอร์ด  ใส่เอสเอสดีมาให้ด้วย ทำให้มีความจุเพิ่มอีก 500  กิกะไบต์ ดังนั้น จะใช้งานเฉพาะเป็นแท็บเล็ต หรือเอามารวมกับคีย์บอร์ดก็เหมือนมีแล็ปท็อปก็ได้ ขนาดที่ไม่ใหญ่มาก  พกใส่กระเป๋าได้สบาย ๆ  เหมาะกับการทำงานหรือจะใช้เพื่อดูหนังฟังเพลงก็รองรับได้ ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ออกโทนด้าน ๆ สวยไปอีกแบบ ที่สำคัญราคาวางจำหน่ายของเอเซอร์รุ่นนี้ ยั่วให้ใจอ่อนมาก ๆ ราคาประมาณหมื่นห้า  เมื่อเทียบกับสเปก และวินโดว์ส 8.1 ถือว่าคุ้มมาก ลองดู. ปรารถนา ฉายประเสริฐ prathana.chai@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอเซอร์ แอสไปร์ สวิทช์10 คุ้มจนจุก – ฉลาดใช้

เทคโนโลยีในสวนพฤกษศาสตร์ฯ

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและให้ความรู้ด้านพรรณพืชที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ มาศึกษาและได้รับความรู้มากมาย ปัจจุบันจึงมีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเสนอข้อมูลความรู้ต่างๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจ  แทนการให้ข้อมูลผ่านทางป้ายแสดงรายละเอียดของพรรณพืชต่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมา ดร.สุญาณี เวสสบุตร  ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ฯ บอกว่า สวนพฤกษศาสตร์ฯ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาประยุกต์ใช้เพื่อนำเสนอข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ต่าง ๆ แก่นักเรียน นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป  ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ และให้ วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อการท่องเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ฯ โดยใช้ชื่อว่า “Smart Garden”(สมาร์ท การ์เด้น) เบื้องต้น “Smart Garden” เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่คล้ายกับโปรแกรมอ่าน คิวอาร์โค้ด แต่โปรแกรมจะอ่านเฉพาะรูปภาพป้ายบอกพรรณไม้ที่ใส่ไว้ในโปรแกรมเท่านั้น และเมื่ออ่านภาพที่ถูกโปรแกรมไว้ จะปรากฏการ์ตูนแอนิเมชั่น ทำให้เกิดความน่าสนใจ สนุกและสามารถสอดแทรกความรู้ให้กับผู้ชมได้ โปรแกรมนี้สามารถอ่านภาพได้ทั้งหมด 60 ภาพ โดยจะเป็นป้ายบอกรายละเอียดพรรณไม้ 30 ชนิด ที่อยู่ในโรงเรือนกระจก 4 เรือนได้แก่ เรือนป่าดิบชื้น เรือนพืชทนแล้ง เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น และเรือนพรรณไม้น้ำ และ โลโก้ของพรรณไม้ 30 ชนิดข้างต้น ล่าสุดเพื่อให้โครงการดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากขึ้น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสวทช. ภาคเหนือ  ได้เข้าร่วมในการพัฒนาโครงการ “Smart Gaden” ระยะที่ 2  ซึ่งกำลังดำเนินการ คาดแล้วเสร็จช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ Smart Garden  ระยะที่ 2 จะมีหน้าที่เหมือนมัคคุเทศก์ช่วยนำทางและให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยใช้การตรวจจับตำแหน่งดาวเทียมหรือจีพีเอสของอุปกรณ์เคลื่อนที่ของนักท่องเที่ยว และจะแสดงสื่อมัลติมีเดียเมื่อนักท่องเที่ยวอยู่ในพิกัดที่ถูกโปรแกรมไว้ ขณะเดียวกัน สวทช. ภาคเหนือ ยังได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โดยชื่อว่า Bhuping (ภูพิงคฯ) โดยแอพพลิเคชั่น “Bhuping”  จะเป็นทั้งมัคคุเทศก์นำชมพระตำหนักภูพิงคฯ และให้ข้อมูลทั้งภาพและเสียงสำหรับสถานที่สำคัญ  โดยจะแสดงขึ้นมาเมื่ออยู่ในตำแหน่งดาวเทียมจีพีเอสที่กำหนดไว้ และสามารถอ่านภาพป้ายชื่อกุหลาบต่าง ๆ ในพระตำหนัก รวมถึงแสดงข้อมูลของกุหลาบนั้น ๆ ออกมาได้โปรแกรมนี้รองรับ 3 ภาษา คือไทย จีน และอังกฤษ นอกจากแอพพลิเคชั่น Smart Garden ดร.สุญาณี ยังมีแนวคิดในการพัฒนาการท่องเที่ยว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงตกแต่ง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ที่มีอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ให้มีความน่าสนใจ และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เรียกว่า “Smart Museum” (สมาร์ท มิวเซียม) อีกด้วย Smart Museum จะเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่เน้นให้ผู้ชมได้รับความสุข ความสนุกสนาน เสมือนได้ท่องอยู่ในโลกของต้นไม้ และได้รับความรู้ต่าง ๆ เช่น การพรางตัวของแมลงซึ่งใช้เทคนิคโปรเจคชั่น แม็พปิง (Projection Mapping) ความมหัศจรรย์ของพืช เมล็ดพืช การ์ตูนแอนิเมชั่นการสร้างอาหารของพืช และความสวยงามของเซลล์พืชจากส่วนต่าง ๆ ของพืช จากจุดเริ่มต้น กลายเป็นความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทำให้การเกิดการท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจ และสามารถให้ความรู้ต่าง ๆ แก่นักเรียน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ  และเป็นการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Bhuping  และ Smart Garden ได้ที่เพลย์สโตร์บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วนไอโอเอส อยู่ระหว่างการพัฒนา.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เทคโนโลยีในสวนพฤกษศาสตร์ฯ

Page 143 of 805:« First« 140 141 142 143 144 145 146 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file