shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

อัพ แชร์ภาพง่ายๆ ผ่านแฟลชแอร์ – ฉลาดใช้

ข่าวดีสำหรับคนที่ใช้กล้องคอมแพ็คหรือกล้องถ่ายรูปดิจิตอลรุ่นไม่ใหม่มาก ซึ่งตอนนั้น ผู้ผลิตยังไม่ได้ใส่ระบบไวไฟ มาให้ เวลาถ่ายรูป เลยไม่สามารถอัพแล้วแชร์ได้ทันใจหมือนใช้กล้องจากสมาร์ทโฟน  แฟลชแอร์ เป็นเทคโนโลยีในอุปกรณ์บันทึกข้อมูล หรือแฟลชเมมโมรี เช่น เอสดีการ์ด เพื่อให้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลเหล่านี้ สามารถปล่อยสัญญาณไวร์เลสแลน หรือสัญญาณไร้สาย ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เพื่อส่งไฟล์รูปภาพ อัพ แชร์บนโลกออนไลน์ทันที โตชิบา ส่งแฟลชแอร์ (FlashAir) เป็นเอสดีการ์ด ความจุ 32 กิกะไบต์มาให้ทดลองใช้ เอสดีการ์ด แฟลชแอร์ของโตชิบา คลาส 10 มีให้เลือกทั้งความจุ 16 กิกะไบต์และ 32 กิกะไบต์ รองรับไวร์เลสแลน เครือข่ายมาตรฐาน วิธีใช้งานไม่ยากเลย ก็แค่เอาเอสดีการ์ด ใส่ในกล้อง เพื่อถ่ายรูปตามปกติ จากเดิม หากจะเอาไฟล์รูปออกจากกล้องต้องไปเสียบคอมพิวเตอร์ แต่หากใช้แฟลชการ์ด ก็แค่มีแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการไอโอเอส หรือแอนดรอยด์ หากใช้แอนดรอยด์ ก็ดาวน์โหลดแอพ FlashAir จากเพลย์สโตร์ ส่วนระบบปฏิบัติการไอโอเอสก็ดาวน์โหลดจากแอพสโตร์ หลังจากนั้น ก็เปิดไวไฟบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต หากเห็นคำว่า FlashAir ก็คลิกเลือก จากนั้นจะขึ้นหน้าหลัก เพื่อให้ล็อกอิน ก็คลิกที่คำว่า cancel แล้วเลือกที่คำว่า ไม่ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อต่อไวร์เลสแลน ในโฟลเดอร์รูปบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเรา จะโชว์รูปทั้งหมดที่อยู่ในการ์ด จะเลือกให้ส่งมาหมดทุกไฟล์ หรือเลือกใช้เฉพาะไฟล์ก็ได้ เวลาอัพบนเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ เพื่อนอาจจะทึ่ง ว่า กล้องมือถือ ทำไมคุณภาพเจ๋งยังกะกล้องใหญ่ แฟลชแอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้การถ่ายภาพ แล้วแชร์ ขึ้นเครือข่ายออนไลน์ ทำได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องพกเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับดูดภาพให้หนักกระเป๋า ค่อยกลับมาทำที่บ้านก็ได้ ถ้าชอบถ่ายภาพด้วยกล้องคอมแพ็ค หรือกล้องใหญ่ แนะนำให้มีเอสดีการ์ด โตชิบา แฟลชแอร์ ติดตัวไว้ จะได้อัพรูปสวยๆ ได้เร็วทันใจ. ปรารถนา ฉายประเสริฐ prathana.chai@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อัพ แชร์ภาพง่ายๆ ผ่านแฟลชแอร์ – ฉลาดใช้

Posts related

 














จากไอโฟนแห่งแอปเปิ้ล สู่ไฟร์โฟนแห่งอเมซอน – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

เชื่อว่าตอนนี้คุณผู้อ่านหลายคนที่เป็นแฟนของผลิตภัณฑ์ค่ายแอปเปิ้ลคงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอไอโฟน 6 ที่มีกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้อยู่เลยใช่ไหมครับ ในระหว่างที่รอลุ้นกันอยู่ว่าไอโฟน 6 ของค่ายแอปเปิลจะมีลูกเล่นอะไรใหม่มาเซอร์ไพรส์พวกเราได้หรือไม่ วันนี้ผมจะมาพาคุณผู้อ่านคอลัมน์วันพุธของผมมารู้จักกับสมาร์ทโฟนจากค่ายอเมซอน ( Amazon) ชื่อ ไฟร์โฟน ( Fire Phone) ที่เพิ่งถูกเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมานี้กันครับ ชื่อของค่ายอเมซอนนี้ คงเป็นที่คุ้นหูกันดีสำหรับคุณผู้อ่านที่รักการซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์ช้อปปิ้ง เพราะอเมซอนถือเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) มาช้านาน แต่สำหรับวงการสมาร์ทโฟนนี้ ไฟร์โฟนถือว่าเป็นตัวแรกของค่ายอเมซอนเลยครับ ก็ในเมื่อบริษัทอื่น ๆ มีสมาร์ทโฟนได้ ทำไมอเมซอนถึงจะมีกับเขาบ้างไม่ได้จริงไหมครับ ไฟร์โฟนของค่ายอเมซอนนี้จะว่าไปแล้วทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถพื้นฐานก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนตัวอื่นที่วางขายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน แต่แน่นอนครับว่าถ้าไม่มีหมัดเด็ดอะไรเลย ทางอเมซอนคงไม่ตัดสินใจกระโดดเข้ามาแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่ร้อนแรงแห่งนี้ ซึ่งหมัดเด็ดที่ว่า คือ เทคโนโลยีที่เรียกว่าไฟร์ฟลาย (FireFly) ครับ คำว่า ไฟร์ฟลาย นั้นแปลว่า หิ่งห้อย ในภาษาไทย ส่วนเทคโนโลยีไฟร์ฟลายในที่นี้ หมายถึง โหมดการทำงานหนึ่งของกล้อง ที่พอเราเอากล้องในโทรศัพท์ไฟร์โฟนส่องไปที่รูปของสินค้าอะไร แล้วกดปุ่มไฟร์ฟลายซึ่งเป็นปุ่มเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านข้างของตัวเครื่องโทรศัพท์แล้วล่ะก็ ไฟร์โฟนจะทำการสแกนหาข้อมูลสินค้าเหล่านั้นให้เราทันที ซึ่งการสแกนนี้ไม่จำกัดว่าสแกนได้เฉพาะบาร์โค้ดหรือคิวอาร์โค้ด (QR code) สีขาวดำอย่างที่พวกเราใช้ ๆ กันอยู่ในปัจจุบันนะครับ แต่เทคโนโลยีไฟร์ฟลายสามารถใช้สแกนรูปภาพอะไรก็ได้ ตั้งแต่ภาพนางแบบบนหน้าปกนิตยสารที่วางขายที่แผงหนังสือ นามบัตร หรือ รูปถ่ายฉลากสินค้า โดยไฟร์ฟลายจะทำการวิเคราะห์ แยกแยะรูปภาพ พร้อมทั้งข้อความต่าง ๆ บนวัตถุที่สแกนนั้นแล้วทำการแสดงผลบนหน้าจอว่ามันเจอข้อมูลอะไรเกี่ยวกับวัตถุชิ้นนี้บนอินเทอร์เน็ตบ้าง สำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ เทคโนโลยีไฟร์ฟลายนี้สามารถค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลของอเมซอนแล้วบอกให้เรารู้ได้ด้วยนะครับว่าวัตถุชิ้นที่เราสแกนไปนั้น มีขายอยู่ที่เว็บไซต์ไหน ร้านค้าที่ถนนไหน ราคาเท่าไหร่ มีคนรีวิวสินค้านั้นไว้ว่ายังไงบ้าง เช่น ถ้าเราบังเอิญเดินไปเจอโปสเตอร์โฆษณาอัลบั้มเพลงซิงเกิลใหม่ที่น่าสนใจ ก็เพียงแค่ใช้กล้องของมือถือไฟร์โฟนส่องไปที่โปสเตอร์นั้นแล้วกดปุ่มไฟร์ฟลาย เพียงแค่นี้ไฟร์โฟนก็จะช่วยระบุข้อมูลของซิงเกิลเพลงนั้น ๆ ให้ แล้วพาเราไปยังหน้าเว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลดเพลงให้เลย เรียกว่าสามารถแปลวัตถุทุกอย่างรอบตัวเราให้กลายมาเป็นข้อมูลได้ในพริบตา โดยไม่ต้องเสียเวลามาพิมพ์แล้วเซิร์ชในกูเกิ้ล หรือลำบากเอารูปถ่ายไปโพสถามหาร้านขายในอินเทอร์เน็ตอย่างที่เคย ๆ กันเลยล่ะครับ สำหรับผู้รักสุขภาพหรือสาว ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ ไฟร์โฟนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคำนวณแคลอรี่ของอาหารที่กินไปในแต่ละมื้อได้ด้วยครับ เพียงแค่ใช้มือถือไฟร์โฟนสแกนอาหารบนโต๊ะอาหาร สแกนฉลากไวน์ หรือฉลากเครื่องดื่มต่าง ๆ แล้วนำเข้าแอพพลิเคชัน ไฟร์โฟนก็จะทำการประมวลผลบอกให้เรารู้ถึงข้อมูลทางโภชนาการของอาหารนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หรือ แม้แต่ว่าไวน์ที่กำลังจะดื่มนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไรเหมาะกับการกินคู่กับอาหารอะไรบ้าง เป็นต้น ในเมื่อจุดเด่นของสมาร์ทโฟนตัวนี้คือการสแกน ดังนั้นปัญหาที่ว่าทำอย่างไรให้สามารถสแกนภาพวัตถุออกมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จะเลือกใช้เทคนิคการรู้จำแบบ (Pattern Recognition) ตัวไหนมาใช้ดี จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งในจุดนี้ก็ถือว่าทางอเมซอนทำมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ การสแกนภาพของวัตถุ ไม่จำเป็นต้องจับวัตถุตั้งตรง ถ่ายรูปให้ได้มุมด้านหน้าพอดีเป๊ะ เห็นวัตถุชัดแจ๋วทุกมุมก็ยังสามารถสแกนได้ ถึงแม้วัตถุนั้นจะมีลักษณะโค้งมน ไม่เรียบ มีริ้วรอย พื้นผิวมีแสงสีที่ไม่สม่ำเสมอไปบ้าง เป็นภาพเคลื่อนไหวที่ฉายอยู่บนจอโทรทัศน์บ้าง ก็ไม่ได้เกินความสามารถการสแกนของไฟร์โฟนตัวนี้แต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านี้นะครับ ไฟร์โฟนยังมีเสริมเทคนิคที่เรียกว่า Sematic Boosting เพิ่มเข้ามาให้กับระบบรู้จำแบบด้วย หากเมื่อไหร่ที่ภาพที่สแกนไม่ชัด เช่น สแกนภาพของนามบัตร แต่ในภาพเห็นเบอร์โทรศัพท์ไม่ชัดไม่รู้ว่าเลข 3 หรือ 8 กันแน่ แทนที่ไฟร์โฟนจะสุ่มผลเอามั่ว ๆ แต่ด้วยเทคนิค Semantic Boosting นี้ ไฟร์โฟนเลยจะทำการพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูลจากตัวเลขใกล้เคียง และ นำไปเทียบต่อกับข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของอเมซอน ว่าที่ประเทศนี้ พื้นที่นี้ ย่านนี้ มีเบอร์โทรศัพท์นี้อยู่จริงไหม ทำให้สามารถเลือกแสดงข้อมูลของตัวเลขได้ถูกต้องมากขึ้น มือถือไฟร์โฟนนี้ถูกเปิดตัวในงาน Amazon Press Conference ซึ่งผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอเมซอน Jeff Bezos ทำการสาธิตไฟร์โฟนให้ดูกันสด ๆ โดยลองให้ไฟร์โฟนสแกนภาพจากตอนหนึ่งของภาพยนตร์ Game of Thrones หนังซีรี่ส์ดังของอเมริกา ซึ่งไฟร์โฟนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถค้นหาและแสดงข้อมูลเพิ่มเติมของหนังซีรี่ส์เรื่องนี้ออกมาโชว์ได้อย่างรวดเร็ว เห็นไหมครับ ว่าโลกเทคโนโลยีของเราหมุนอยู่ตลอดเวลาจริง ๆ คงไม่ได้เป็นการพูดที่เกินไปถ้าจะบอกว่าเรื่องของเทคโนโลยีนี้ ถ้าเผลอหยุดติดตามข่าวสารแม้เพียงไม่นาน ก็อาจถูกทิ้งห่างไปไกลจนตามไม่ทันเลยก็เป็นได้ การต้องคอยไล่ตามสิ่งใหม่ ๆ แม้จะฟังดูน่าเหนื่อยและยุ่งยากไม่เบา แต่ถ้าคุณผู้อ่านเป็นผู้รักเทคโนโลยีและชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การไล่ตามเรื่องเหล่านี้ก็สามารถเป็นเหมือนการวิ่งออกกำลังที่ยิ่งวิ่งยิ่งสนุก ยิ่งวิ่งยิ่งติดใจขึ้นมาก็ได้นะครับ นอกจากจะไม่ตกเทรนด์แล้วยังเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ ให้พวกเราที่ติดตามอยู่ได้เลือกไขว่คว้าอยู่ตลอดเวลา โอกาสที่อาจทำให้เราได้กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกศตวรรษที่ 21 นี้ให้ดีขึ้นได้ด้วยพลังของอุปกรณ์ขับเคลื่อนที่เรียกว่าเทคโนโลยีผสานความคิดสร้างสรรค์นี่เองครับ . ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช มหาวิทยาลัยรังสิต chutisant.k@rsu.ac.th  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จากไอโฟนแห่งแอปเปิ้ล สู่ไฟร์โฟนแห่งอเมซอน – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

“ดีแทค แอคเซลเลอเรท 2014” ทีมPiggipo คว้าสิทธิ์ไปซิลิคอล วัลล์เล่

วันนี้ (19ส.ค.) ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี บริษัท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ ดีแทค จัดงาน ดีแทค แอคเซลเลอเรท“เดโม เดย์ 2014”พร้อมประกาศผลทีมที่ได้รางวัลจากโครงการ ดีแทค แอคเซลเลอเรทโดยมี 5 ทีมสตาร์ทอัพ คือ ทีม Anywhereto Go, ทีม Piggipo ,ทีม Fastin Flow, ทีม Drivebot และทีม StoryLog เข้าร่วมนำเสนอผลงานหลังจากเสร็จสิ้นการร่วมเวิร์คช้อปบูธแคมป์ เป็นเวลา 3 เดือน โดยมีนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลกมาเป็นคณะกรรมการตัดสิน เช่น เจฟฟรีย์ เพนน์ Managing Partner โกลเด้นท์ เกตเวนเจอร์ กวงฮัว ซู (Kuanhua Hsu)จาก กรี เวนเจอร์ (GreeVenture) อเล็กซ์ จาวิซ (Alex Jarvis) จากจังเกิล เวนเจอร์ (Jungle Venture) เอเดรียน แวนเซล (Adrian Vanzyl) ซีอีโอ อาร์เด้นท์ แคปปิตอล (ArdentCapital) ฮิโร มาชิตะ (Hiro Mashita)จาก M&S Partners และ โคชิ ไซโตะ (Koichi Saito) จาก IMJโดยหลังคณะกรรมการร่วมฟังการนำเสนอผลงานของทุกทีมแล้วได้ลงคะแนนตัดสินให้ ทีม Piggipo ที่ได้พัฒนาแอิพพลิเคชั่นจัดการบัตรเครดิต ได้ไปร่วมโครงการ Black Box ที่ ซิลิคอล วัลล์เล่ย์ และทีมAnywhere to Goได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Claim Di ที่ช่วยในการเครมประกันรถยนต์ ได้รับรางวัล ดิจิทัล วินเนอร์ เป็นตัวแทนสตาร์ทอัพจากทีมดีแทคประเทศไทยไปแข่งขันกับตัวแทนจากเทเลนอร์ทั่วโลกทั้ง 13 ประเทศ ณ ประเทศนอร์เวย์ นอกจากนี้ทั้ง 5 ทีมยังจะได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติม (Followon Funding )และสนับสนุนการทำตลาดจนสามารถดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ (CommercializeSupport) จากดีแทครวมมูลค่า10 ล้านบาทนายจอนเอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า โครงการปีนี้ประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นอย่างมากได้ทีมที่มีความพร้อมและมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการอย่างจริงจังและยังสามารถผลักดันสตาร์ทอัพทั้ง 5 ทีมให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้ตามแนวทางและกลยุทธ์ Internet For All ของดีแทค ที่มุ่งมั่นให้คนไทยได้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวางด้วยการเร่งขยายธุรกิจสู่โมบายอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นเพื่อนำแอพพลิเคชั่นดีๆสู่ผู้ใช้บริการและเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และแสดงศักยภาพของเหล่าสตาร์ทอัพคนไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้าน นายแอนดริว กวาลเซท ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมธุรกิจ ดีแทค กล่าวว่า แผนงานต่อจากนี้ไปเรามีบิสสิเนสโมเดลในการเป็นStrategic Partner ให้เงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง และช่วยทำตลาดเชิงพาณิชย์และทำการโปรโมทให้แอพพลิเคชั่นของทั้ง 5 ทีม เพื่อให้มีลูกค้าเข้ามาดาวน์โหลดและรายได้เข้ามาโดยคาดว่าจะมี 2-3 ทีมที่พร้อมทำตลาดในปลายปีนี้ และต้นปีหน้าและดีแทคจะช่วยขยายตลาดสำหรับแอพพลิเคชั่นที่เหมาะกับตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขยายการเติบโตไปสู่ลูกค้าของเทเลนอร์ที่มีอยู่ใน 13 ประเทศทั่วโลกและคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ดีแทค แอคเซลเลอเรท 2014” ทีมPiggipo คว้าสิทธิ์ไปซิลิคอล วัลล์เล่

Page 172 of 805:« First« 169 170 171 172 173 174 175 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file