shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

แท็กซี่ไฟฟ้า – 1001

ช่วงต้นสัปดาห์ก่อน มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมศูนย์ครีเอต (CREATE : Campus of Research Excellence And Technological Enterprise) ร่วมกับกรรมการบริหารหลักสูตรสาขาวิชาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (http://www.tip.grad.chula.ac.th/)  แนวคิดน่าสนใจของศูนย์ครีเอต คือ แม้ว่าศูนย์นี้จะตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัย NUS  (National University of Singapore) แต่เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยต่าง  ๆ ที่เน้นการทำวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรม อย่างเช่น ศูนย์ที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยและเยี่ยมชม คือ ศูนย์ที่ชื่อ ทูม-ครีเอต (TUM-CREATE http://www.tum-create.edu.sg/) เป็นความร่วมมือระหว่าง  Technische Universitไt Mnchen (TUM) จากเยอรมนี และ Nanyang Technological University (NTU) ของสิงคโปร์ ที่มุ่งเน้น “การวิจัยและการสร้าง” รถไฟฟ้า โดยมีโครงการหลัก คือ แท็กซี่ไฟฟ้า และมีจักรยานยนต์เป็นโครงการรอง  คำสองคำที่ผมเน้นในย่อหน้าข้างบน “การวิจัยและการสร้าง” เป็นคำสวยงามสองคำที่เขียนร่วมกันในเชิงหลักภาษาไทยก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ผิดหลักไวยากรณ์ เขียนร่วมกันในเชิงความหมายก็ดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ ไม่ผิดอะไรเช่นกัน แต่ที่ยากที่สุดก็เห็นจะเป็นการเขียนร่วมกันในเชิงการปฏิบัตินี่แหละครับที่ไม่ผิดอะไร แต่ยากนักถ้าจะเอาคำสองคำนี้รวมกันแล้วไปทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้  คณะเราโชคดีที่ได้มีโอกาสคุยกับผู้ช่วยนักวิจัยที่มีส่วนร่วมในการตะลุยสร้างรถแท็กซี่ไฟฟ้า (คันที่เห็นในภาพประกอบ) ซึ่งทำให้เราเข้าใจถึงวิธีคิดตั้งแต่การตั้งเป้าหมายจนถึงวิธีคิด วิธีทำ การลงมือทำ และการทำรายได้จากสิ่งที่ตัวเองทำ (ทั้งหมดนี้คือภาพร่างของกระบวนการสร้างนวัตกรรมในอุดมคติ) และต่อไปนี้ คือ รายละเอียดแนวคิด พร้อมทั้งสิ่งที่กำลังจะทำต่อไปของรถแท็กซี่ไฟฟ้าคันนี้ เฟลิกซ์   รูเมอร์ ผู้ช่วยนักวิจัยเล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไปของรถแท็กซี่ไฟฟ้าคันนี้ว่า ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก รถยนต์ส่วนบุคคลราคาแพง คนที่นี่ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน (เรียกว่า  MRT เหมือนบ้านเรา) เป็นหลัก แต่รถไฟฟ้าใต้ดินก็ไม่ได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ของสิงคโปร์ ทำให้คนยังใช้บริการรถแท็กซี่ในสิงคโปร์กันอยู่มาก ประกอบกับสิงคโปร์เป็นประเทศในเขตร้อนทำให้ต้องออกแบบรถแท็กซี่ไฟฟ้าขึ้นเป็นพิเศษ บางท่านอาจเริ่มตั้งคำถามว่า คำว่าเป็นพิเศษ เป็นพิเศษอย่างไรบ้าง ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่ทุกท่านพอเข้าใจได้ ก็อย่างเช่น ในบริเวณที่ผู้โดยสารนั่งอยู่ทางด้านหลัง แน่นอนว่า ถ้าเราต้องการประหยัดพลังงาน (รถไฟฟ้าครับ ทำให้ต้องสงวนพลังงานไว้เพื่อการขับเคลื่อนเป็นหลัก) เราต้องลดการใช้เครื่องปรับอากาศให้ได้ ทำให้ทีมออกแบบ ต้องออกแบบให้มีพัดลมติดตั้งไว้เหนือศีรษะผู้โดยสารและใต้เบาะผู้โดยสารทางด้านหลัง เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายโดยไม่ต้องปรับแอร์ให้แรงขึ้น  ในเรื่องการชาร์จแบตเตอร่ี ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะการชาร์จหนึ่งครั้งไม่อาจทำให้รถแท็กซึ่งสามารถวิ่งได้ทั้งวัน ดังนั้นระหว่างวันจึงต้องมีการชาร์จแบตเตอร่ี ทีมวิจัยจะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ก็เลยสร้างวิธีการชาร์จเร็วแบบสุด ๆ (Super-fast charging) ให้สามารถชาร์จได้ภายใน 15 นาที  นอกจากนี้ยังต้องออกแบบรถให้มีน้ำหนักเบาด้วยการใช้ตัวถังเป็น Carbon Fibre Reinforced Polymer แต่บริเวณด้านหน้ารถมีโครงเหล็กเพื่อป้องกันในกรณีเกิดการชน เพราะ ความจำเป็นประการหนึ่งคือ รถคันนี้เป็นรถต้นแบบแห่งการวิจัยที่ต้องนำไปใช้บนถนนจริง ดังนั้นส่วนที่ป้องกันในกรณีเกิดการชนด้านหน้า จึงต้องเป็นเหล็กตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์  ผมถามเฟลิกซ์มากขึ้นในสิ่งผมอยากรู้ว่า งานวิจัยที่ต้องตีพิมพ์ของเฟลิกซ์คืออะไร เพราะหน้าที่หลักของนักเรียนปริญญาเอกในบ้านเราและหลายแห่งทั่วโลกใบนี้คือ บทความที่ต้องได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ในวารสารวิชาการ และดูเหมือนว่าหลายสิ่งหลายอย่างในรถคันนี้ ไม่ได้สร้างองค์ความรู้ที่เพียงพอสำหรับการเขียนบทความเพื่อตีพิมพ์  เฟลิกซ์ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบผมว่า  “เขาอาจจะจบช้าหน่อย เพราะภาระหลายอย่างที่ต้องทำเพิ่มเป็นเวลาที่เสียไปเพื่อสร้างสิ่งที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับรถคันนี้ และมันตีพิมพ์ไม่ได้ แต่อย่างน้อย สิ่งที่เขาจะตีพิมพ์ก็นำไปใช้ได้จริง…แน่นอน” สุกรี สินธุภิญโญ (sukree.s@chula.ac.th) ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แท็กซี่ไฟฟ้า – 1001

Posts related

 














อีซี่ แท็กซี่ตั้งเป้าสิ้นปียอดโหลดในไทยทะลุล้าน

“อีซี่ แท็กซี่” ขยายบริการเข้าสู่ไทย ชูจุดเด่น ใช้ได้ 32 ประเทศทั่วโลก คาดสิ้นปีมียอดดาวน์โหลดในไทยเพิ่มเป็น 1 ล้านครั้ง  พร้อมตั้งเป้าเป็นแอพพลิเคชั่นเรียกใช้บริการแท็กซี่อันดับ 1 ในไทย นายเฟลิปเป้ คาซินสกี้ ซีอีโอ อีซี่ แท็กซี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า แอพพลิเคชั่นอีซี่ แท็กซี่ เกิดจากกลุ่มสตาร์ตอัพ ประเทศบราซิล เมื่อปี ค.ศ.2011 ปัจจุบันเปิดให้บริการใน 32 ประเทศทั่วโลก และได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนแล้วประมาณ 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายคือ ประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเชีย   โดยจุดเด่นของ อีซี่แท็กซี่ ที่แตกต่างจากแอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ทั่วไป คือ ดาวน์โหลดลงเครื่องเพียงครั้งเดียวสามารถนำไปใช้ในประเทศอื่น ๆ ที่มีบริการได้ทั่วโลก ข้อมูลจะปรับเปลี่ยนไปตามพื้นที่นั้น ๆ ด้วยการจับพิกัดจีพีเอส และสามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส  แอนดรอยด์ วินโดว์สโฟน และแบล็คเบอร์รี่  และในอีก 2 เดือนข้างหน้าเตรียมจะเปิดให้ชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตได้  ซึ่งปัจจุบันอีซี่ แท็กซี่ถือเป็นแอพพลิเคชั่นเรียกใช้บริการแท็กซี่อันดับหนึ่งของโลก โดยมีแท็กซี่ลงทะเบียนแล้ว 185,000 คัน นายณัฐภัค อติชาติการ กรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ อีซี่ แท็กซี่ ประเทศไทย กล่าวว่า ในไทยอีซี่ แท็กซี่เปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 10 เดือน มีแท็กซี่ ที่เข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว 8,000 คัน สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 28,000 คัน  ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นประมาณ 5 แสนครั้ง คาดสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1 ล้านครั้ง โดยบริษัทมีแผนเพิ่มพันธมิตรธุรกิจชั้นนำให้มากขึ้น และเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ ๆ รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ให้บริการในต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต ขอนแก่น ฯลฯ โดยตั้งเป้าเป็นแอพพลิเคชั่นเรียกใช้บริการแท็กซี่อันดับ 1 ในไทยด้วย  “ผู้ใช้บริการที่เรียกแท็กซี่จะมีค่าบริการเพิ่มขึ้นอีก 20 บาทจากราคามิเตอร์ โดยส่วนนี้จะเป็นรายได้ของคนขับแท็กซี่ บริษัทไม่ได้หักไว้ เนื่องจากต้องการขยายฐานจำนวนแท็กซี่ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนขับจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากการใช้แอพพลิเคชั่น เพราะไม่ต้องขับรถหาลูกค้าช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง และมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของผู้โดยสารและคนขับ  เนื่องจากมีการลงทะเบียนก่อนใช้งาน  อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้บริษัทจะมาจากค่าโฆษณาบนแอพพลิเคชั่น” นายณัฐภัค กล่าว.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อีซี่ แท็กซี่ตั้งเป้าสิ้นปียอดโหลดในไทยทะลุล้าน

จับจริงใช้มือถือขณะขับรถดีต่อธุรกิจหูฟังบลูทูธ

               นายสรศักดิ์วงศ์ชินศรีสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทเจนเนอเรชั่นเอส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์แอคเซสซอรีโทรศัพท์มือถือแท็บเล็ต ฯลฯ เปิดเผยว่า มูลค่าของตลาดหูฟังในประเทศโดยรวมประมาณ 500 ล้านบาท  กลุ่มสินค้าประเภทพรีเมียมที่มีมูลค่าพันบาทขึ้นไปจนถึงหลักแสนบาทก็มีจำนวนหนึ่งและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นตามสัดส่วนการใช้งานสมาร์ทโฟน                 ภาพของธุรกิจปีนี้หลังจากจากลดลงในไตรมาส 1 และ 2 ก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 3 เป็นไปคาดว่าช่วงปลายปีจะกลับมาดีเหมือนเดิม โดยดูจากจำนวนการสั่งสินค้าของดีลเลอร์ภายในประเทศที่เริ่มกลับมาสั่งของเพิ่มมากขึ้น  อย่างไรก็ตามนโยบายจับปรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ  น่าจะส่งผลดีต่อหูฟังประเภทบลูทูธ และแฮนด์ฟรีในช่วงนี้                 ล่าสุดเจนเนอเรชั่นเอสได้เป็นตัวแทนจำหน่ายลำโพงขนาดเล็ก รุ่น เคเอ็มซี 1 และหูฟังแบรนด์คลิปช์ หรือ  Klipsch  จากสหรัฐอเมริกา ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาทขึ้นไปโดยเฉพาะในกลุ่มเอ็กซ์ซีรีส์ ซึ่งเบาและเล็กที่สุดในโลก  มีจุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงและการออกแบบ  รวมถึงรุ่น อาร์ 6 และอาร์ 6 ไอ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับจริงใช้มือถือขณะขับรถดีต่อธุรกิจหูฟังบลูทูธ

Page 196 of 805:« First« 193 194 195 196 197 198 199 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file