shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

แจงไต้ฝุ่นแฟซิฟิกยังแรง

      เมื่อวันที่ 10 ก.พ.57 ที่โรงแรมเมเปิ้ลถนนศรีนครินทร์ ได้มีการประชุมประจำปี ครั้งที่ 45ของคณะกรรมการไต้ฝุ่นภายใต้กรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกโดยครั้งนี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สาระหลักของการประชุมได้มีการรายงานสภาพพายุไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกว่า ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยเกิดขึ้นปีละ 25 ลูก แต่ละลูกจะคงอยู่ราว 5.6 วัน แต่ในปี 2556จำนวนพายุเพิ่มขึ้นเป็น 31 ลูก แต่ช่วงเวลาคงอยู่สั้นเพียง 4.2 วันหรือเท่ากับมีจำนวนมากแต่สร้างความเสียหายน้อยกว่า   รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีการ ขอให้ถอดชื่อไห่เยี่ยน ออกจากบัญชีพายุ เนื่องจากได้ก่อความเสียหายร้ายแรง ถือว่าไม่เหมาะสมเพราะถ้าเวียนมาอีกจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยนายสงกรานต์ อักษร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่าประเทศที่ได้รับความเสียหายสามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อได้   การประชุม กรรมการไต้ฝุ่นนอกจากรายงานสถานการณ์พายุ ยังนำเสนอการวิจัยเกี่ยวกับพายุต่างๆการพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านการพยากรณ์และเทคนิคต่างๆแก่ประเทศที่ยังขาดความพร้อม      

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แจงไต้ฝุ่นแฟซิฟิกยังแรง

Posts related

 














เคล็ด(ไม่)ลับถ่ายเซลฟีให้ดูดี

  เทรนด์หนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมกันทั่วโลก   รวมถึงคนไทยที่รักการถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเป็นชีวิตจิตใจ  คือ การถ่ายภาพตัวเองและอัพโหลดขึ้นโซเชียลมีเดียหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า “เซลฟี่” (Selfies) ลองถามตัวเองว่า ถ่ายรูปเซลฟี่แล้วอัพลงเฟซบุ๊คครั้งล่าสุดเมื่อไหร่  ผลสำรวจจากOpinium บริษัท ออนไลน์ รีเสิร์ชจากลอนดอน  ระบุว่า  ผู้ตอบแบบสอบถาม  51 % เคยถ่ายเซลฟี่ ซึ่งเมื่อนำตัวเลขมาคำนวณแล้วในแต่ละเดือนมีผู้ถ่ายภาพเซลฟี่มากถึง 35ล้านภาพ ภาพเซลฟี่ประมาณ  48 %  จะแชร์ลงเฟซบุ้ก   มีเพียง 13 % ที่ถ่ายแล้วส่งให้คนรู้จักชมภาพผ่าน วอชแอพ (what’sapp )    อีก9  % ถ่ายลงทวิตเตอร์ (  Twitter )    และ 8  % ถ่ายลงอินสตราแกรม(  Instagram )                 เลอโนโว  ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนได้แนะนำเคล็ดลับถ่ายภาพตัวเอง หรือเซลฟี่ ให้สวยงาม  ในสถานการณ์ต่าง ๆ   เช่น    ถ่ายเซลฟี่กลางแจ้ง      วิวหาดทรายสะท้อนแสงแดดระยิบระยับและวิวภูเขากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาคงเป็นวิวที่คุ้นเคยกันอยู่บ่อยๆเวลาถ่ายภาพ   แต่จะถ่ายให้ออกมาได้สวยในที่กลางแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโทรศัพท์นั้นไม่ง่าย  เพราะแสงจ้าทำให้ภาพดูซีดจาง เป็นเงาและยังต้องหรี่ตาทำหน้ายู่ยี่สู้แสง ทิปง่ายๆเพื่อแก้ปัญหาเมื่อต้องถ่ายภาพกลางแจ้งคือ ในสถานการณ์ที่ต้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวกลางแจ้ง  ควรหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพใต้แสงอาทิตย์โดยตรงโดยมองหามุมที่ร่ม ถ้าไม่ได้จริงๆ   ให้ใช้วัตถุรอบตัวเช่นร่ม หมวก มือหรือแม้กระทั่งใส่แว่นกันแดด เพื่อจะได้ไม่ต้องหรี่ตาเวลาถ่ายภาพ หรือหาพร็อพเช่น ดอกไม้สีสดมาประดับเพื่อดึงดูดความสนใจไปที่วัตถุแทน    ถ้าถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมที่แบ็คกราวด์ด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหว ก่อนถ่ายควรลองหามุม โดยขยับกล้องไปในหลายๆ ทิศเพื่อให้ได้มุมที่เป็นธรรมชาติภาพไม่แข็งทื่อ อาจลองถือโทรศัพท์ถ่ายในมุมย้อนขึ้นหรือถือเครื่องในมุมสูงเหนือศีรษะ และถ่ายย้อนลงอย่าลืมว่ารูปที่ถ่ายในแต่ละมุมจะถ่ายทอดแสง เงาตกกระทบและสีสันรวมถึงความรู้สึกที่ต่างกัน การถ่ายภาพนอกสถานที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ที่มีแสงจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะหน้าจอโทรศัพท์ กลางแจ้งนั้น มองไม่ค่อยเห็น   ไม่สามารถคำนวณได้ว่า ภาพที่ถ่ายนั้นมีสว่างหรือมืดเกินไปหรือไม่  แต่ในระยะหลัง  จอสมาร์ทโฟนคุณภาพ ดี ๆ  เช่น จอไอพีเอส กอริลล่า กลาส  นอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนยังสามารถมองกลางแจ้งได้คมชัดขึ้น  เวลาถ่ายภาพกลางแจ้งให้สนใจรายละเอียดของแสงและเงา  ก็จะได้ภาพสวยๆ อีกอารมณ์ ถ่ายเซลฟี่หลังตื่นนอน   เชื่อว่าหลายคนทำแบบนี้บ่อย ๆ  การถ่ายภาพเซลฟี่โชว์ความสวยหล่อแบบธรรมชาติหลังตื่นนอนในคืนที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่นั้นคงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก     แต่หากต้องถ่ายภาพเซลฟี่หลังจากตะลุยปาร์ตี้ทำให้นอนไม่เต็มอิ่มล่ะ เคล็ดลับก็คือ ใช้มือขย้ำผมฟูๆแสนเซ็กซี่หลังตื่นนอนให้ฟูยิ่งขึ้นไปอีก  เพราะผมฟูๆจะช่วยให้หน้า ดูบวมน้อยลงทั้งยังช่วยดึงดูดความสนใจไปที่ผมแทน   เพิ่มเลือดฟาดสีชมพูระเรื่อบนใบหน้าด้วยการหยิกที่แก้มเบาๆแล้วฉีกยิ้ม    จากนั้นก็ถ่ายแล้วแชร์ภาพเซลฟี่หลังตื่นนอนแบบสวยธรรมชาติ ถ้าจะให้เก๋กว่าเดิมก็อย่าลืมใส่hashtag ใต้ภาพอย่าง #ตื่นมาก็เซ็กซี่เลยหรือ #สวยแบบไม่ปรุงแต่ง ถ้าวิธีแรกยังไม่ได้ผล ให้ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย   โหลดแอพลิเคชั่นเกี่ยวกับการตกแต่งภาพที่มีมากมายแค่นี้ก็สวยด้วยแอพ  ได้ ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้ช่างภาพมืออาชีพยังต้องกังวลคือการถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยและเป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งหากใช้กล้องมือถือด้วยแล้ว การถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยยิ่งยากเป็นสองเท่าวันนี้เรามีเคล็ดลับการถ่ายเซลฟี่ในที่ที่แสงน้อยมาบอกกัน หากแสงน้อย ต้องใช้แฟลชมั๊ย   คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป   หากยืนอยู่ไกลจากเวทีคอนเสิร์ต และมีคนนับร้อยใช้แฟลชถ่ายภาพเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะใช้แฟลชหรือไม่ภาพที่ออกมาก็ไม่ต่างกัน   ดีไม่ดีอาจทำให้เกิดเงาสะท้อนในภาพ ถ้าถ่ายไปโดนสติกเกอร์หรือป้ายที่สะท้อนแสง    ในทางกลับกันหากคุณยืนอยู่ใกล้เวทีและใช้แฟลชถ่ายภาพแฟลชจะทำให้ศิลปินหรือจุดกลางของภาพสว่างขึ้นแต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้แบ็คกรานวด์ด้านหลังภาพดำจนเกินไปจนมองไม่เห็นบรรยากาศโดยรอบ คำแนะนำคือ  หากอยู่ในผับ หรืองานคอนเสิร์ต ให้พึ่งแสงสว่างจากสปอตไลท์ ยิ่งเข้าไปใกล้ศิลปินเพื่อให้กล้องสามารถโฟกัสได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ภาพออกมาได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมีมุมที่สวยงามมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายเป็นเคล็ดลับถ่ายภาพตัวเองที่ผู้หญิงต้องจำให้แม่น  การเลือกแบ็คกราวน์ในการถ่ายภาพ    อย่าให้มีสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นแบ็คกราวด์อยู่ในภาพของเรา ผู้หญิงที่สวยกว่า   ผู้หญิงที่สูงกว่า    และผู้หญิงที่เซ็กซี่กว่า   อาจจะดูใจร้ายแต่มันจำเป็น                                                                           @DPrathana

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เคล็ด(ไม่)ลับถ่ายเซลฟีให้ดูดี

โรค‘เซลฟี่’โจ๋ไทยเสพติด โพสต์รูปแลกกดไลค์ แฉขาดความมั่นใจ

วานนี้ (9ก.พ.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้คนทั่วโลกนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำรวจการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในปี 2556 พบว่า ทั่วโลกมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน ใช้งานอินสตาแกรมมากกว่า 1 ร้อยล้านคนต่อเดือน ส่วนในประเทศไทยพบว่ามีประชาชน ใช้เฟซบุ๊กถึง 19 ล้านคน ใช้อินสตาแกรม ถึง 8 แสนคนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นเดือนละ 10 ล้านคน พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า เรื่องที่น่าห่วงขณะนี้ พบว่าประชาชนทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะวัยรุ่นนักเรียน นักศึกษา นิยมพฤติกรรมที่เรียกว่า เซลฟี่ (selfie) กันมาก คือถ่ายรูปตัวเองในอิริยาบถต่าง ๆ แล้วนำไปเผยแพร่บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน หรือกินอะไร เพื่อให้เพื่อนในสังคมออนไลน์ทั้งที่รู้จักจริง และรู้จักในสังคมออนไลน์ได้รับรู้มากดไลค์ (Like) ถูกใจในรูปภาพ พฤติกรรมเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพจิตในอนาคตได้โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นหรือความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่ออนาคต การงาน และการพัฒนาประเทศอย่างคาดไม่ถึง “เซลฟี่ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การลงรูปเพราะอยากได้การตอบรับจากสังคม และการได้ยอดกดไลค์ ถือว่าเป็นรางวัล ซึ่งเป็นหลักปกติของมนุษย์ทั่วไป ถ้าอะไรที่ทำแล้วได้รางวัลก็จะทำซ้ำแต่ว่ารางวัลของแต่ละบุคคลมีผลกระทบต่อความรู้สึกไม่เท่ากันบางคนลงรูปไปแล้วได้แค่สองไลค์เขาก็มีความสุขแล้วเพราะถือว่าพอแล้ว แต่บางคนต้องให้มียอดคนกดไลค์มาก ๆ พอมากแล้วก็ยิ่งติดเพราะถือว่าเป็นรางวัล ในทางตรงกันข้ามหากได้รับการตอบรับน้อยไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ ทำใหม่แล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจะส่งผลต่อความคิดของตัวเอง บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจและส่งผลต่อทัศนคติด้านลบของตัวเองได้ เช่น ไม่ชอบตัวเอง ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง แต่หากบุคคลนั้นสามารถรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้เป็นปกติได้ เซลฟี่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต” พญ.พรรณพิมล กล่าวพญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า นักจิตวิทยาในสหรัฐอเมริกาได้ให้ข้อคิดว่า เซลฟี่ สามารถกัดกร่อนความมั่นใจความภาคภูมิใจในตัวเองได้ หากถ่ายรูปตัวเองเผยแพร่บนโลกออนไลน์เป็นบางโอกาส ถือเป็นการมีส่วนร่วมในสังคมออนไลน์ แต่หากมากไปและคาดหวังจดจ่อว่าจะมีใครเข้าดู เข้ามาแสดงความคิดเห็น แสดงว่าเซลฟี่กำลังสร้างปัญหา และเป็นสัญญาณหนึ่งบอกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง ล่าสุดสาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ออกมาประกาศว่า อาการเสพติดโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง ในแต่ละปีมีชาวอังกฤษเข้ารับการบำบัดมาก กว่า 100 ราย พญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกคน เพราะจะทำให้คนพอใจในตัวเอง มีความสุข มีสมาธิ ไม่กังวล ไม่โหยหาความรักและความสนใจจากคนอื่น ๆ กล้าทำในสิ่งใหม่ที่เหมาะสม มีความเป็นผู้นำกล้าเผชิญความจริง มีบุคลิกภาพดีเป็นมิตรกับคนทุกคน หากขาดความมั่นใจในตนเองแล้วจะเกิดความกังวล ลังเล ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อมีความคิดสะสมไปเรื่อย ๆ อาจมีความผิดปกติทางจิตใจอารมณ์ได้ง่าย เช่น หวาดกลัวหวาดระแวง เครียดอิจฉา ชอบจับผิดคนอื่น ซึมเศร้า อาจทำพฤติกรรมแปลก ๆ มีลักษณะตรงข้ามกับความมั่นใจตัวเอง เช่น การแต่งกาย การใช้คำพูด หรือประชดชีวิต เช่น ดื่มสุรา ใช้ยาเสพติด เป็นต้น รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่าหากเยาวชนไทยเป็นผู้ที่ขาดความมั่นใจ จะทำให้ไม่กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ในชีวิต มักทำตามคนอื่น เป็นผู้ลอกเลียนแบบ หรือทำซ้ำ ๆ ในสิ่งที่ทำมาแล้ว พัฒนาตนเองยาก มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ทำให้จำนวนผู้นำน้อยลง ครอบครัวขาดเสาหลักที่มั่นคง โอกาสการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ เป็นไปได้ยากขึ้น ส่วนวิธีป้องกันการเสพติดเซลฟี่ และการสร้างความมั่นใจตัวเองบนโลกความเป็นจริง ต้องให้ความสำคัญกับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน หากิจกรรมยามว่างทำกับคนในครอบครัว เพื่อน ๆ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง และข้อสำคัญให้ยอมรับในความแตกต่างของคน ที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน และที่สำคัญต้องฝึกความอดทนให้กับตัวเอง เพราะการถ่ายเซลฟี่ไม่สามารถที่จะทำได้ตลอดเวลา ครั้งไหนที่ทำไม่ได้ต้องยอมฝืนใจที่จะไม่ทำ หากผ่านจุดนั้นไปได้ ในครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะสามารถควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ได้เช่นกัน.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : โรค‘เซลฟี่’โจ๋ไทยเสพติด โพสต์รูปแลกกดไลค์ แฉขาดความมั่นใจ

Page 563 of 805:« First« 560 561 562 563 564 565 566 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file