shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

‘มอลฯ’ตั้งเป้าบัตรเติมเงินโตตามเกมออนไลน์

 ตลาดเกมออนไลน์โต “มอลฯ” ตั้งเป้าปีนี้อย่างน้อย 30% เตรียมจับมือพาร์ทเนอร์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง หลังล่าสุดจับมือไลน์ออกบัตรเติมเงินได้รับผลตอบรับดี นายปรีชา  ไพรภัทรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอล แอ็คเซสพอร์ทัล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบัตรเติมเงินเกมออนไลน์ เปิดเผยว่า ตลาดเกมออนไลน์ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากปีที่แล้วที่มีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้ไว้ที่ 30% โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์บัตรเติมเงินใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาได้ร่วมกับไลน์ ออกบัตรเติมเงินเพื่อใช้ซื้อสติกเกอร์ไลน์ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมทั้งเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ให้หลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายแบบอีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ของ มอลฯ ร้านอินเทอร์เน็ตที่เป็นเครือข่าย และผ่านเทสโก้โลตัส ร้านนายอินทร์ รวมถึงร่วมกับเอไอเอสทำบัตรเติมเงินฯลฯ “ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของบริษัทมีอายุระหว่าง 13-70 ปี แต่กลุ่มสำคัญที่มีการเติมเงินอย่างต่อเนื่องคือช่วงอายุ 18-24 ปี โดยอัตราการเติมเงินเฉลี่ยสำหรับเกมประเภทเอ็มเอ็มโออาร์พีจีอยู่ที่ประมาณ  2,000 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนเกมประเภทแคชชวล อยู่ประมาณ 300-600 บาทต่อคนต่อเดือน โดยการเติมเงินส่วนใหญ่จะมาจากเกมประเภทเอ็มเอ็มโออาร์พีจีกว่า 50% ที่เหลือเป็น โซเชียล เกม และเกมบนเฟซบุ๊ก” อย่างไรก็ตามธุรกิจของมอลฯในไทยสามารถทำรายได้สูงเป็นอันดับสองจาก 12 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทเข้าไปทำธุรกิจ เป็นรองแค่มาเลเซียที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่และเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘มอลฯ’ตั้งเป้าบัตรเติมเงินโตตามเกมออนไลน์

Posts related

 














ไอบีเอ็มเผย 5 นวัตกรรมเปลี่ยนชีวิต

 ไอบีเอ็มเผยรายงานประจำปี “ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ (IBM 5 in 5)” ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ทั่วโลกติดต่อกันมาเป็นปีที่ 8 แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่มีแนวโน้มเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการทำงาน และการติดต่อสื่อสารของเราในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า  โดยศึกษาจากแนวโน้มของตลาดและสังคม ประกอบกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการทั่วโลกของไอบีเอ็ม ซึ่งส่งผลให้นวัตกรรมเกิดขึ้นและใช้งานได้จริง นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ ในปีนี้เน้นการศึกษาต่อยอดจากแนวคิดที่ว่าในอนาคตทุกสิ่งจะสามารถเรียนรู้ได้ โดยเชื่อว่าขณะนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบต่าง ๆ มีความสามารถในการเข้าใจ ได้รับการฝึกฝนและสื่อสารกับเราได้ใกล้เคียงกับการสื่อสารของมนุษย์มากขึ้น  ยิ่งไปกว่านั้นยังเฉพาะเจาะจงถึงระดับปัจเจกบุคคลมากขึ้นด้วย ซึ่งเบื้องหลังความสามารถเหล่านี้ขับเคลื่อนมาจากการผสมผสานของทั้งคลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ผลขั้นสูง ระบบเพื่อสร้างการเรียนรู้ ตลอดจนระบบความปลอดภัยที่เข้มแข็ง  ทั้งนี้ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ไอบีเอ็มคาดว่านวัตกรรมทั้ง 5 ต่อไปนี้ จะมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในระดับปัจเจกบุคคล โดยนวัตกรรมแรกก็คือ ห้องเรียนจะรู้จักนักเรียน ในอนาคตอันใกล้นี้ห้องเรียนจะรู้จักนักเรียนแต่ละคนจากข้อมูลประจำตัวต่าง ๆ เช่น ผลการสอบ การเข้าเรียน และพฤติกรรมการเรียนผ่านอีเลิร์นนิ่ง โดยเมื่อข้อมูลทั้งหลายได้รับการวิเคราะห์เชิงลึก โดยผู้สอนจะสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่านักเรียนคนใดมีปัญหา อะไรคือข้อบกพร่อง  รวมไปถึงเสนอหลักสูตรที่เหมาะสมกับเป้าหมายของนักเรียนแต่ละคนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงเข้าทำงาน  นวัตกรรมต่อมาคือ การชอปปิงที่ร้านจะกลับมาชนะการชอปปิงออนไลน์ แม้ว่ายอดการชอปปิงออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา แต่ในอนาคตการชอปปิงตามห้างร้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้งโดยอาศัยความรวดเร็วและความใกล้ชิดกับลูกค้าเป็นข้อได้เปรียบ และในอีก 5 ปีข้างหน้าร้านค้าจะใช้เทคโนโลยีที่มีความสามารถในการประมวลผลขั้นสูงจากข้อมูลมหาศาลมาช่วยให้ผู้ขายมีความเชี่ยวชาญในสินค้าทุกชิ้นของร้าน เมื่อประกอบกับข้อมูลพฤติกรรมการซื้อและข้อมูลย้อนหลังต่าง ๆ ที่ถูกประมวลขึ้นมาผ่านอุปกรณ์โมบาย ผู้ขายจะรู้จักลูกค้าทันทีเมื่อลูกค้าก้าวเข้ามาในร้านเสมือนนำประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์มาไว้ในที่ซึ่งลูกค้าสามารถจับต้องสินค้าได้ จึงช่วยขยายประสบการณ์การจับจ่ายของลูกค้าและทำให้ร้านค้าสามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลได้ตรงใจ นวัตกรรมที่สาม คือ หมอจะใช้ดีเอ็นเอของผู้ป่วยในการรักษา   อย่างเช่น โรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกถึงปีละ 8.1 ล้านคน หากการบำบัดรักษาได้รับการออกแบบให้เหมาะสมจากการวิเคราะห์เชิงลึกถึงดีเอ็นเอ ข้อมูลทางพันธุกรรม รวมถึงการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย จะสร้างความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น   ซึ่งในอีก 5 ปี ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบิ๊ก ดาต้าและการประมวลผลขั้นสูง คลาวด์คอมพิวติ้ง ผนวกกับการศึกษาทางพันธุกรรม จะช่วยให้หมอวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดมะเร็งและออกแบบการรักษาได้เฉพาะเจาะจงต่อผู้ป่วยแต่ละคนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบคลาวด์-เบสยังจะช่วยให้หมอเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการรักษาได้อย่างกว้างขวาง  นวัตกรรมที่สี่คือ ผู้คุ้มครองดิจิทัลจะปกป้องคุณในโลกออนไลน์   ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 2012 รวมผู้เสียหายจากมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ในอเมริกาเพียงประเทศเดียวมียอดถึง 12 ล้านคน การรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่เราเคยใช้ เช่น พาสเวิร์ด โปรแกรมป้องกันไวรัส และไฟร์ วอลล์ จึงอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะวิธีดังกล่าวเป็นการป้องกันการคุกคามที่เรารู้จักมันมาก่อนและสามารถหาหนทางในการป้องกันได้แล้ว แต่ในอนาคตเราจะมีผู้คุ้มครองดิจิทัลดูแลแต่ละคนเพื่อลดความเสี่ยงในการท่องโลกออนไลน์ โดยผู้คุ้มครองดิจิทัลนี้จะใช้เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเราทุกบริบท แต่ละสถานการณ์ ในทุกอุปกรณ์การเชื่อมต่อ ดังนั้นมันจะรู้ว่ากิจกรรมใดสมเหตุสมผลและอันใดที่ไม่ใช่ จากนั้นมันให้คำแนะนำกับเราได้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อเกิดกิจกรรมที่ไม่น่าไว้ใจ  และนวัตกรรมที่ห้า เมืองจะตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย จากการคาดการณ์ว่า ภายในปี  ค.ศ. 2030 คน 80 เปอร์เซ็นต์จะอาศัยในเมืองใหญ่ ในประเทศที่กำลังพัฒนาและในปี  ค.ศ. 2050 ประชากร 7 ใน 10 คน จะเป็นผู้อยู่อาศัยในเมือง เมืองอันชาญฉลาดในอีก 5 ปีข้างหน้าจะรับรู้เหตุการณ์นับล้านที่เกิดขึ้นในเมืองแบบเรียลไทม์ เข้าใจว่าคนต้องการอะไร ชอบหรือไม่พอใจอะไร รวมถึงพวกเขาใช้เส้นทางกันอย่างไร โดยข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากผู้อยู่อาศัยเองจากทั้งอุปกรณ์มือถือและการปฏิสัมพันธ์ในโลกโซเชียลต่าง ๆ ดังนั้นผู้นำของเมืองจะตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นว่าเมืองต้องการอะไร ที่ไหนและเมื่อไร ทำให้การพัฒนาเมืองสนองตอบความต้องการของผู้คนจริง ๆ อีกทั้งยังสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในเมืองและผู้นำอีกด้วย.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไอบีเอ็มเผย 5 นวัตกรรมเปลี่ยนชีวิต

ประชุมบอร์ด กสท.พรุ่งนี้พิจารณาต่อใบอนุญาตทีวีดาวเทียม

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันที่20ม.ค.57ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เตรียมพิจารณาต่อใบอนุญาตทีวีช่องทีวีดาวเทียม หรือ กิจการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ ในการยื่นคำขออนุญาตใหม่กรณีที่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุดลง1ปี โดยคณะอนุกรรมการกิจการไม่ใช้คลื่นความถี่ ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมฯ พิจารณาตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555และประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2556เห็นว่าให้มีการต่อใบอนุญาต แบบ2ปี ทั้งแบบมีและไม่มีเงื่อนไข โดยดูจากเรื่องร้องเรียนที่เข้ามาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน และยังไม่ปรากฏข้อยุติ รวมทั้งการต่อใบอนุญาตแบบ1ปี สำหรับช่องที่มีคำสั่งลงโทษทางปกครองอย่างไรก็ตาม อยากเสนอที่ประชุมว่า ให้ชะลอการต่อใบอนุญาตออกไปก่อนสำหรับสถานีที่เคยถูกเตือนปรับ หรือถูกดำเนินคดีกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จนกว่าสถานีนั้นๆจะไปขออนุญาตการโฆษณาให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อนถึงค่อยต่อใบอนุญาตเพราะถือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยหากเราต่อใบอนุญาตไปโดยไม่มีเงื่อนไขอาจทำให้ยากต่อการแก้ไขปัญหานี้ต่อไปส่วนความคืบหน้าเรื่องทีวีดิจิทัลที่ประชุมได้เตรียมพิจารณาวาระบันทึกความเข้าใจ เรื่องแผนการดำเนินการเพื่อให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลระยะที่1ระหว่างสำนักงานกสทช.กองทัพบก(สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก) บริษัทอสมท จำกัด (มหาชน) กรมประชาสัมพันธ์และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันร่วมรับผิดชอบ ศึกษา วิเคราะห์และเสนอแนะกรอบแนวทางการขยายโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการขยายโครงข่ายให้สามารถครอบคลุมครัวเรือนทั้งประเทศอย่างน้อย ร้อยละ50ครัวเรือนภายใน1ปีร้อยละ80ภายใน2ปีร้อยละ90ภายใน3ปีและร้อยละ95ภายใน4ปีนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตและรวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์จากทีวีดิจิทัลด้วยนอกจากนี้ยังมีวาระสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและแนวทางการดำเนินการต่อ(ร่าง)ประกาศกสทช.เรื่องกำหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(ฉบับที่2)พ.ศ…. โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดประเภทหรือให้นิยามใหม่เพิ่มเติมของกิจการ(การให้บริการแบบประยุกต์)ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ทั้งนี้ นิยามเดิมคือการให้บริการแบบประยุกต์หมายความว่า การให้บริการข้อมูลการให้บริการสื่อประสมหรือการให้บริการอื่นทำนองเดียวกันที่ผ่านทางการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์หรือการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ซึ่งไม่ใช่บริการโทรคมนาคมและให้รวมถึงการให้บริการสำรวจความนิยมในกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ไม่ว่าจะมีการเรียกเก็บค่าบริการค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดหรือไม่ก็ตามโดยจะต้องจับตานิยามใหม่ในประกาศด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ประชุมบอร์ด กสท.พรุ่งนี้พิจารณาต่อใบอนุญาตทีวีดาวเทียม

Page 596 of 805:« First« 593 594 595 596 597 598 599 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file