shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ทุ่มหมื่นล้านผุดคอนโดฯกลางเมือง

นายธารธร อักษรานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามนุวัตร จำกัด ในเครืออักษรากรุ๊ป ผู้พัฒนาคอนโด ภายใต้แบรนด์ วิช ซิกเนเจอร์ ,วิชแอท และเวอร์ทีค เปิดเผยว่า เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท พัฒนาคอนโด 2 โครงการ ในย่านราชเทวีและอโศก สูง 30-40 ชั้น บนพื้นที่ 2-3 ไร่ เพื่อเจาะกลุ่มคนยุคใหม่ที่รายได้ระดับกลางถึงบน ที่ต้องการที่พักอาศัยกลางใจเมือง ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะได้สะดวก เนื่องจากมองว่าคนไทยยังมีกำลังซื้อที่ดีอยู่ ประกอบกับความต้องการที่พักอาศัยในละแวกนี้ยังมีสูง“บริษัทจะเน้นพัฒนาคอนโดในย่านใจกลางเมืองเป็นหลัก ขายในราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และเข้าถึงง่าย ซึ่งจะเน้นทำห้องขนาดเล็กและกลาง ตั้งแต่ 27 ตร.ม. ถึง 37ตร.ม. เพราะเป็นราคาที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย สังเกตจากโครงการวิช ซิกเนเจอร์ มิดทาวน์ สยาม ซึ่งเป็นโครงการล่าสุด ที่มีขนาดห้องตั้งแต่ 27-68 ตร.ม. ก็ปิดการขายได้ภายใน 3 เดือนเท่านั้น”นอกจากเพื่อเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 ที่คาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คึกคักยิ่งขึ้น จากการที่ประชากรของประเทศสมาชิกไหลเข้ามา โดยมีแผนที่จะหาพันธมิตรในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 7,800 ล้านบาท ที่มีทั้งโรงแรม และคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 30% และ 70% บนพื้นที่ 4-5 ไร่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเลือกพันธมิตรอยู่สำหรับภาพรวมรายได้ปีนี้คาดว่าจะถึง 1,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยช่วงที่ผ่านมา ทำรายได้แล้ว 700 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าปีหน้าจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท เช่นกัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ทุ่มหมื่นล้านผุดคอนโดฯกลางเมือง

Posts related

 














11แบงก์โกยกำไร5.42หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารทั้งสิ้น 11 แห่ง พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 54,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,897 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.63% เนื่องจากมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากค่าธรรมเนียม ที่เติบโตสูงกว่า 6% รวมทั้งมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยลดลง เพราะเงินฝากที่มีดอกเบี้ยในอัตราสูง ต่างทยอยครบกำหนด ขณะเดียวกัน ยังพบว่าภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของธนาคารด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยภาพรวมแล้วทั้ง 11 แห่งจะมีผลการดำเนินงานที่มีกำไร แต่พบว่ามีธนาคาร 6 แห่งที่มีผลกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อีก 5 แห่งมีผลกำไรลดลง โดยธนาคารที่มีผลกำไรสูงสุดได้แก่ ไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิ 13,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 531 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.2% รองลงมาได้แก่ กสิกรไทย มีกำไรสุทธิที่ 12,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.84% อันดับ 3 คือกรุงเทพ มีกำไรสุทธิ 9,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 620 ล้านบาท หรือ 6.9% อันดับ 4 กรุงไทย มีกำไรสุทธิ 9,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.2% อันดับ 5 กรุงศรีอยุธยา มีกำไรสุทธิ 3,507 ล้านบาท แต่เป็นอัตราที่ลดลง จากปีก่อน 279 ล้านบาท ลดลง 6.4%ส่วนธนาคารที่มีผลกำไรเป็นอันดับที่ 6 คือทหารไทย มีกำไรสุทธิ 2,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 517 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.6% อันดับ 7 คือธนชาติ มีกำไรสุทธิ 1,202 ล้านบาท แต่เป็นกำไรที่ลดลงจากปีก่อน 459 ล้านบาทหรือ 27.6% ส่วน ทิสโก้ เป็นอันดับ 8 มีกำไร 1,089 ล้านบาท ลดลง 43 ล้านบาท หรือลดลง 3.8 % อันดับ 9 ได้แก่ เกียรตินาคิน มีกำไรสุทธิ 847 ล้านบาท ลดลง 142 ล้านบาท หรือลดลง 14.4% อันดับ 10 คือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 120.7% สุดท้ายคือซีไอเอ็มบีไทย มีกำไรสุทธิ 274 ล้านบาท ลดลง 142 ล้านบาทน.ส. วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ค่อนข้างทรงตัว เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลของธุรกิจกลุ่มธนาคาร โดยสินเชื่อที่ยังเติบโตในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ซึ่งยังคงเป็นธนาคารขนาดใหญ่ ที่สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้เป็นอย่างดี แต่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังเป็นสินเชื่อที่มีหนี้ที่ไม่ก่อ ให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ในระดับสูง“ไตรมาส 4 นี้ จะถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจธนาคาร และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในระดับสูง โดยเฉพาะงบประชาสัมพันธ์การเข้าซื้อกองทุนต่าง ๆ การแข่งขันด้านโปรแกรมส่งเสริมการขาย ซึ่งทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4 น่าจะเติบโตได้แบบทั่วถึง”นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการสายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3 ถือว่าออกมาดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันของแต่ละแห่งเติบโต แต่ในส่วนของบางธนาคารที่ไม่เติบโตนั้น อาจเกิดจากการตั้งสำรองมากขึ้น หลังจากกังวลหนี้ภาคครัวเรือน โดยไตรมาส 4 นี้คาดว่ากลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ ในแง่กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากภาคการบริโภคปรับตัวได้ดีรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รายได้จากค่าธรรมเนียมของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 6.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง และดีกว่าที่คาด เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าขายหลักทรัพย์เติบโตดี เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่วนรายได้จากดอกเบี้ยอยู่ในระดับทรงตัวเพิ่มขึ้น2%

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : 11แบงก์โกยกำไร5.42หมื่นล้าน

ชง “นครแม่สอด” นำร่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงผลการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า ที่ประชุมมีมติให้ใช้ร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ที่เสนอให้เทศบาล ต.แม่สอด เป็นพื้นที่นำร่องทดลองการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภายใต้ ชื่อนครแม่สอด โดยเตรียมจัดระเบียบบริหารแบบใหม่ รวมทั้งจะให้อำนาจในการอนุมัติ ออกใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตั้งธุรกิจและโรงงาน“เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดนี้ จะกำหนดโซนนิ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ไม่ใช่การประกาศครอบคลุมทั้งอำเภอ โดยหลังจากนี้กระทรวงมหาดไทยจะนำร่างกฎหมายตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเ ข้าสู่ที่ประชุมครม. จากนั้นจะส่งกลับไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะส่งกลับมาที่ ครม. และส่งไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาและประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป”ส่วนการพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ.2548 เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานของ กนอ. เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเพิ่มบทบาทให้ กนอ. ออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ มีอำนาจในการก่อสร้างดำเนินกิจการท่าเรื่ออุตสาหกรรม สาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่จำเป็นในนิคมฯ และเปิดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมที่เป็นคนต่างด้าว สามารถถือกรรมสิทธิ์อาคารชุดได้ ตามที่คณะกรรมการ กนอ. เห็นสมควร ซึ่งขอบข่ายทั้งหมดจะจำกัดอยู่เฉพาะภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยไม่รวมในส่วนของพื้นที่พาณิชย์ และที่อยู่อาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณา 60-90 วัน จากนั้นก็จะเสนอให้ ครม. พิจารณาสำหรับยอดรวมการขาย หรือเช่าที่ดินในนิคมฯปีนี้อยู่ที่ 3,900 ไร่ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3,500 ไร่ มีมูลค่า 4,950 ล้านบาท ส่วนปี 58 ตั้งเป้าหมายว่าจะขายที่ดินให้ได้ 4,000 ไร่ มีรายได้เพิ่ม 5% หรือมีมูลค่า 5,250 ล้านบาท โดยจะส่งเสริมการตั้งนิคมอุตสาหกรรมในรูปแบบ กนอ. ร่วมดำเนินงานกับเอกชนให้ได้ 10 นิคมฯ และจะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรม 7 กลุ่ม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมยางพารา ที่ จ.สงขลา , นิคมฯอากาศยาน และศูนย์ซ่อมอากาศยาน จ.นครราชสีมา , นิคมฯบริการเพิ่มรองรับอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงครบวงจร โดยจะประกาศเชิญชวนเอกชนเสนอพื้นที่ใน จ.สมุทรปราการ และปทุมธานี , นิคมฯบริการโลจิสติกส์ นิคมบริการเพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเทียวและบริการ ,นิคมฯด้านสิ่งแวดล้อมหรือพลังงาน และนิคมฯป้องกันประเทศ“ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนในกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กนอ. ยังจะส่งเสริมการพัฒนานิคมภายใต้กลุ่มจังหวัด เช่น โครงการจัดตั้งนิคมฯในเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 5 จังหวัดเป้าหมาย และตั้งนิคมฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เหลืออีก 5 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น ,นครพนม ,สกลนคร ,อุบลราชธานี ,และมุกดาหารและจะเดินหน้าโครงการจัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อตอบสนองการลงทุนในต่างประเทศ”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชง “นครแม่สอด” นำร่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ

Page 45 of 1552:« First« 42 43 44 45 46 47 48 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file