shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ที่กระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง.ได้เห็นชอบการปรับราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ภาคขนส่ง 0.63 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ 22 บาทต่อกก. เพื่อให้ราคาขึ้นมาเท่ากับแอลพีจี ภาคครัวเรือนที่ 22.63 บาทต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 21ต.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการลักลอบการใช้ผิดประเภทพร้อมกับเห็นชอบให้เพิ่มอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลอีก 0.70 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้กบง.ไม่ได้เรียกอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันลดราคาขายปลีกให้ประชาชนแทน เบื้องต้นพบว่า น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์อื่นๆ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85 อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้รัฐไม่ได้บังคับขึ้นอยู่กับว่าผู้ค้าน้ำมันจะตัดสินใจอย่างไรเป็นสำคัญ สำหรับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯครั้งนี้จะทำให้ดีเซลจากเดิมเก็บ 3.00 บาทต่อลิตร เป็น 3.70 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.นี้ โดยไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมัน ดีเซลแต่อย่างใด ซึ่งการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลนี้ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะกลับมาเป็นบวกภายใน 10 วันจากปัจจุบันที่ติดลบ 1,985 ล้านบาทนายณรงค์ชัย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) วันที่ 22 ต.ค.นี้ จะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนกลไกต้นทุนอีกครั้ง ส่วนจะเป็นประเภทใดคงไม่สามารถบอกได้ แต่หลักการทั้งน้ำมันแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เอ็นจีวีจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่วนน้ำมันก็จะปรับโครงสร้างเพื่อให้สะท้อนกลไกลตลาด โดยจะต้องมองในเรื่องของการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯและภาษีต่างๆให้เหมาะสมและมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่เท่ากัน“การเก็บดีเซลครั้งนี้เดิมกองทุนน้ำมันฯมีรายรับ 5,122 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 6,216 ล้านบาท/เดือน ซึ่งน้ำมันตลาดโลกมีทิศทางที่ยังลดลงช่วงนี้ก็จะดูจังหวะการเก็บเงินเข้าเพื่อสะสมไว้สำหรับเสถียรภาพราคาช่วงที่ตลาดโลกสูงแต่จะเป็นเท่าใดก็ยังบอกไม่ได้อยู่ที่ความพอใจ” นายณรงค์ชัย กล่าวส่วนกรณีการปรับราคาแอลพีจีให้สะท้อนต้นทุนโดยเฉพาะขนส่งและครัวเรือนที่ราคายังไม่สะท้อนต้นทุนหน้าโรงแยกก๊าซ ฯ ที่จะขึ้นไปสู่ระดับ 24.82 บาทต่อลิตร หรือจะยึดตามอิงต้นทุนรวมการจัดหาที่แท้จริง 27.85 บาทต่อกก.หรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องดูต้นทุนผสมกันระหว่างโรงแยกก๊าซ โรงกลั่น และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กบง.ได้เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งที่มี นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานมีหน้าที่จัดทำแผนเสนอแนะนโยบายมาตรการและแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในภาคขนส่งซึ่งคงจะต้องมาพิจารณาว่าชนิดน้ำมันใดที่ควรจะส่งเสริม โดยเฉพาะในปั๊มที่ขณะนี้มีหลายประเภท รายงานข่าวแจ้งว่า บมจ.ปตท.และบมจ.บางจาก ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.50 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85- แก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ราคาคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.นี้เป็นต้นไป หลังกบง. มีมติไม่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของกลุ่มเบนซินเรียกเก็บ เฉพาะดีเซล 0.70 บาทต่อลิตร ผลดังกล่าวทำให้ราคาที่เปลี่ยนแปลงเป็นดังนี้เบนซิน 95 เป็น 42.86 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 35.80 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 33.78 บาทต่อลิตร อี 20 คงเดิมที่ 32.48 บาทต่อลิตร อี 85 คงเดิมที่ 22.88 บาทต่อลิตร และดีเซลคงเดิมที่ 29.39 บาทต่อลิตรทั้งนี้ราคาใหม่ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาอี 20 เมื่อเทียบกับแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมที่เคยถูกกว่าลิตรละ3.82 บาทต่อลิตรก็จะถูกกว่าเป็น 3.32 บาทต่อลิตรและอี 85 เมื่อเทียบกับแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมที่เคยถูกกว่า 3.42 บาทต่อลิตรก็จะถูกกว่า 2.92 บาทต่อลิตร รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า สถานการณ์การใช้แอลพีจี 8 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.57) รวม 19.75 ล้านกก.ต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแยกเป็นภาคครัวเรือนอยู่ที่ 5.83 ล้านกก.ต่อวัน ลดลงประมาณ 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1.562 กก.ต่อวันลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แอลพีจีภาคขนส่ง 5.60 ล้านกก.ต่อวัน เพิ่มขึ้น 9.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แอลพีจีภาคปิโตรเคมี 6.75 ล้านกก.ต่อวัน ปรับขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน“ภาคครัวเรือนที่ลดมาจากเศรษฐกิจชะลอตัวอีกส่วนหนึ่งจากการที่รัฐเข้มงวดการจับกุมการลักลอบใช้ข้ามประเภทที่ผ่านมาขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ปัจจัยหลักน่าจะมีจากภาวะเศรษฐกิจและบางรายหันไปใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นแทน เพราะแอลพีจีอุตสาหกรรมมีราคาที่สูงขึ้น”.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง

Posts related

 














เรียกผู้อำนวยการถกแก้สลากฯเกินราคา

นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า  ได้เรียก พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ มารายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาการขายสลากฯเกินราคา  หลังมีนโยบายให้ปั้มตราสลาก 45 ล้านฉบับ รวมถึงการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานสลาก ลงพื้นที่เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ที่ขายสลากเกินราคามาตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ย.  แต่ที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ ยังไม่มีการรายงานถึงการตรวจสอบและยึดโควตาคืนจากผู้ค้าที่มีโควตาอย่างเป็นทางการว่าได้ดำเนินการตรวจสอบ เอาผิด และยึดโควตาคืนมาได้เท่าไร  ซึ่งเห็นว่ายังไม่สอดคล้องจากการซื้อสลากฯของประชาชน ที่ยังพบว่าหลายพื้นที่ยังขายสลากฯ สูงกว่าราคาที่ควบคุมไว้ใบละ 90 บาท ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่าการสั่งยึดโควตาไม่ได้เป็นการทำลายคนรายย่อย ที่ต้องตรวจจับและปรับเพราะต้องการจะสาวไปถึงต้นตอคนที่ได้โควตาสลากไป ซึ่งได้รับปากกับทางสำนักงานสลากฯ แล้วจะไปขายเอง แต่ปรากฎว่าแอบเอาไปขายให้ผู้ค้ารายย่อย คนกลุ่มนี้ก็ควรจะถูกยึดโควตาสลากคืนกลับมาเพราะทำผิดระเบียบของสำนักงานสลากฯ “ส่วนเรื่องทำไมสลากฯยังขายสลากฯเกินราคากันอยู่ต้องไปถาม พล.ต.ฉลองรัฐ ว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปแล้วบ้าง เพราะให้นโยบายไปแล้วว่าให้ปั้มตรา แล้วออกตรวจ ส่วนเรื่องที่จะมาเข้มงวดในเริ่มงวด 1 พ.ย. นี้ถามว่าทำไมไม่ทำเลย รออะไรอยู่ ส่วนเรื่องการจัดสัมมนาเพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงานคาดว่าจะจัดในช่วงปลายเดือนนี้” 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เรียกผู้อำนวยการถกแก้สลากฯเกินราคา

พาณิชย์ถกเครียดยุทธศาสตร์ส่งออกปี58

 รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 57 พล.อ.ฉัตรชัยสาริกัลยะ  รมว.พาณิชย์ได้เชิญฑูตพาณิชย์และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์มาร่วมประชุมกำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์การส่งออกปี 58  แต่ละประเทศเพื่อหาแนวทางในการสร้างความยั่งยืนการส่งออกไทยในอนาคต  เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญตลาดอาเซียนและตลาดใหม่มากขึ้นนอกเหนือตลาดเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่ต้องมียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทั้งระบบเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 58  “บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปด้วยความตึงเครียดบางครั้งถึงกับเงียบ ไม่มีใครกล้าพูด ซึ่งทูตพาณิชย์หลายๆ รายระบุว่าไม่เคยเห็นการประชุมที่บรรยากาศเป็นแบบนี้เพราะปกติจะเป็นการประเมินเป้าหมายการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี และเป้าหมายปีหน้าพร้อมกลยุทธ์ที่จะดำเนินการ ทำให้การประชุมครั้งนี้ จะเน้นให้ความสำคัญกับเป้าหมายเป็นรายตลาด”  ทั้งนี้ในส่วนของตลาดอาเซียนประเมินว่าการส่งออกในปี58 จะขยายตัว 7% โดยเน้นการขอความร่วมมือบริษัทขนาดใหญ่ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์, บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด(มหาชน), กลุ่มสหพัฒน์ , เครือเซ็นทรัลและบริษัทไทยอื่นๆที่อยู่ในอาเซียนในการช่วยกระจายสินค้าเอสเอ็มอีไทยในการทำตลาดประเทศต่างๆ ส่วนตลาดอื่นที่สำคัญเช่น  ตลาดจีนปี 57 คาดว่าส่งออกจะโต 1%  ปี 58 โต 1.5%   ,ตลาดเอเชียใต้ ปี 57 คาดว่าจะโต 3%  ปี 58 โต 5% , ตลาดยุโรปปี 57 คาดว่าโต 5% ปี 58 โต 5%  และ ตลาดญี่ปุ่นปี 57 คาดว่าโต 1%  ปี58 โต 2%  เป็นต้น  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์ถกเครียดยุทธศาสตร์ส่งออกปี58

Page 50 of 1552:« First« 47 48 49 50 51 52 53 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file