shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

แบงก์ยันปีหน้าจีดีพีโตไม่ถึง 6%

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาทางวิชาการ ธปท.ว่ากรณีที่มีผู้คาดการณ์ว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตได้ถึง 6% นั้นคงเป็นไปได้ยาก คงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่แน่นอนส่วนยุโรปและญี่ปุ่นยังชะลอตัวขณะที่เศรษฐกิจไทยจะต้านทานผลกระทบเหล่านั้นได้บางส่วนจากการเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งธปท.มองว่าปีหน้าจีดีพีไทยคงโตได้ 4.8% และยังมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าหรือน้อยกว่านั้น“สิ่งที่ธปท.อยากเห็น คือการเติบโตแบบมีเสถียรภาพซึ่งค่ากลางที่ธปท.ประเมินจีดีพีปีหน้าไว้ 4.8% หมายความว่าเป็นไปได้ทั้งทางสูงและทางต่ำแต่ก็ไม่คิดว่าจะไปถึง 6% ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจและธปท.ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด คือความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก ที่จะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินให้ผันผวนได้ สำหรับประเทศไทยต้องเสริมศักยภาพของเศรษฐกิจในระดับมหภาคให้อยู่ในระดับสมดุลเพื่อที่จะเป็นภูมิต้านทานกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ส่วนโรคอีโบล่านั้นมองว่าผลกระทบทางตรงต่อเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้มากนัก แต่สิ่งที่อยากจะเตือนคือเรื่องการสร้างความกลัวไม่ควรจะสร้างมากไปจนเกินเลยเพราะจะกระทบทางด้านจิตวิทยา”ส่วนกรณีที่รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ1,000 บาทนั้น สิ่งที่ต้องมองคือไม่ใช่การถกเถียงว่าทำโครงการประชานิยมหรือไม่ เพราะไม่มีประโยชน์แต่สิ่งที่รัฐบาลทำนี้ เป็นการช่วยลดความเดือดร้อนฉับพลันระยะสั้นให้ชาวนาโดยไม่สร้างภาระผูกพัน และการแจกเงินก็ไม่ได้ไปกระทบส่วนอื่นจึงไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาด เนื่องจากเป็นการจ่ายตรงถึงมือชาวนาซึ่งมองว่าเป็นการช่วยเสริมด้านรายได้ให้กับชาวนา“กรณีการนำหนี้ดอกเบี้ยต่ำไปแทนหนี้ดอกเบี้ยสูงนั้นเหมือนกับการกินยาแก้ปวด คือช่วยได้แค่ระยะสั้นเท่านั้น ถามว่าแล้วช่วงรอผ่าตัดต้องกินยาแก้ปวดไหม บางครั้งก็จำเป็น แต่ไม่ควรเป็นข้ออ้างว่าต้องกินยาแก้ปวดไปตลอดทั้งชีวิตมันทำให้เลื่อนการแก้ปัญหาที่แท้จริงออกไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากประชาชนมีรายได้ดีขึ้นรู้จักการออม น่าจะเป็นเรื่องที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แบงก์ยันปีหน้าจีดีพีโตไม่ถึง 6%

Posts related

 














“หม่อมอุ๋ย” ชี้ 2 ปัจจัยทำเศรษฐกิจไทยทรุด

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานทิศทางประเทศไทย เรื่องเศรษฐกิจไทย จะไปรุ่งหรือไปยุ่งจัดโดยมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 57 จะไม่ขยายตัวเกิน 2% อย่างแน่นอนเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศในช่วงต้นปีทำให้ปัจจัยที่คอยสนับสนุนเศรษฐกิจหลายอย่างไม่สามารถเดินหน้าได้ขณะเดียวกันยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่วนปี 58 เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้4% เนื่องจากรัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเต็มที่ควบคู่กับการลงทุนภาคเอกชนที่กำลังฟื้นตัวแม้ว่าภาคการส่งออกจะไม่ได้ปรับตัวสูงเหมือนในช่วงที่ผ่านมา“หากไม่มีวิกฤตสองอย่างทั้งปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งโลก เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็โต 3-4% ได้สบายซึ่งช่วงที่ชะลอตัวนี้ รัฐบาลก็จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเครื่องยนต์เย็นมานานให้เครื่องร้อนขึ้นให้ออกมาโดยใช้สามัญสำนึกทั้งงานซ่อมแซม สร้างงาน ใช้จ่ายงบประมาณและแถมการช่วยเหลือชาวนาที่มีที่นาไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งเดิมไม่เคยได้อะไรจากโครงการรับจำนำข้าวเลย ส่วนปีหน้ายังไงก็ดีขึ้นหลังจากเราหยุดทำงานกันมานาน และจะทำเต็มที่ช่วงมีรัฐบาลทั้งการใช้จ่ายงบรัฐเต็มมือ รวมทั้งการพิจารณาคำขอส่งเสริมการลงทุนที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน”ส่วนทิศทางการบริหารงานของรัฐบาลจากนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทั้งงานเดิมที่ทำไว้แล้ว เป็นสิ่งที่ที่จะต้องทำต่อและสิ่งที่เห็นว่าสมควรทำ เริ่มต้นด้วยการดูแลภาคการเกษตร ทั้งยางพาราซึ่งคาดว่าในปีหน้าทิศทางราคาน่าจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากความต้องการซื้อมีจำนวนมากเช่นเดียวกับข้าว คาดว่าในสิ้นปีนี้จะสามารถส่งออกได้ประมาณ 10 ล้านตันส่งผลให้ประเทศไทย กลับมาทวงแชมป์การส่งออกคืนเป็นที่ 1 ของโลกได้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “หม่อมอุ๋ย” ชี้ 2 ปัจจัยทำเศรษฐกิจไทยทรุด

“ประสาร”แนะเพิ่มรายได้แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า  การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบต้องแก้ด้วยการสร้างรายได้   ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำมาจ่ายเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เพราะถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ   และถ้าให้เงินหรือยกหนี้ให้เปรียบเสมือนการกินยาแก้ปวดที่สามารถช่วยบรรเทากาอาการปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น  แต่การแก้ปัญหาด้วยความยั่งยืนจะต้องผ่าตัดไม่ใช่กินยาแก้ปวดไปตลอดชีวิต  หลังจากนั้นต้องให้รู้จักแบ่งรายได้เพื่อเก็บเก็บออมและใช้จ่ายอย่างพอเพียง  สำหรับสาเหตุที่ประชาชนหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบส่วนหนึ่งเกิดจากฐานรายได้ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยจากข้อมูลในปี 56 พบว่า ภาคครัวเรือนเข้าถึงสินเชื่อไม่ถึง 40% “ กรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร ชาวอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผาตัวเอง หลังมาร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนจากหนี้สินนั้น  เป็นปัญหาสาหัสในชีวิต เพราะการที่ยอดหนี้ 400,000 บาทเพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาทนั้น แสดงว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง  และสะท้อนว่าประชาชนไม่มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย จึงไปกู้หนี้นอกระบบ  แต่การแก้ปัญหาเพิ่มรายได้ยอมรับว่า เป็นปัญหาโครงสร้างต้องใช้เวลาไม่สามารถแก้ได้ใน 2-3 เดือน   และกลไกลตลาดต้องไม่บิดเบือน หรือสร้างภาพลวงตา” ส่วนกรณีที่รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อครัวเรือนว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยลดความเดือดร้อนของเกษตรกรและเงินถึงมือชาวนาโดยตรง  ซึ่งไม่ควรมาถกเถียงว่าเป็นโครงการประชานิยมหรือไม่เพราะเถียงกันก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่การช่วยเหลือต้องไม่สร้างภาระผูกพันในระยะยาว และต้องรัดกุมในเรื่องการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้มีการคดโกงตัวเลข

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ประสาร”แนะเพิ่มรายได้แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

Page 65 of 1552:« First« 62 63 64 65 66 67 68 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file