shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

ตั้ง ‘พันธ์ศักดิ์’ สางปัญหา-ฟื้นธุรกิจ ‘กสท’

กสท ตั้ง “ดร.พันธ์ศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาองค์กรที่เกี่ยวข้องกับแผนพลิกฟื้นธุรกิจของ กสทนายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บอร์ด กสท ได้แต่งตั้ง ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ กรรมการบอร์ด กสท เป็นประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ โดยมีหน้าที่กำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาองค์กรที่เกี่ยวข้องกับแผนพลิกฟื้นธุรกิจ ในเรื่องที่ยังค้างต่าง ๆ อาทิ โครงการ FTTx จำนวน 12 สัญญา ข้อพิพาทกับทีโอทีและหน่วยงานอื่น ๆนอกจากนี้ ยังรวมถึงการดำเนินธุรกิจร่วมกันระหว่าง กสท และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่จะขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ตามกรอบนโยบายที่รับมอบจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งทั้งผู้แทนคณะกรรมการ กสท และ ทีโอที ได้ปรึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานในเบื้องต้นแล้ว และจะได้นัดหมายหารือเพิ่มเติมเป็นระยะต่อไปทั้งนี้ บอร์ดยังเห็นชอบแนว ทางแก้ไขปัญหาการส่งมอบเครื่องและอุปกรณ์ของบริษัท TAC ที่หมดอายุการใช้งานแต่ยังค้างการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ กสท จนถึงปัจจุบัน มูลค่าเงินประมาณ 21,815 ล้านบาท ที่ กสท และ TAC มีข้อสรุปร่วมกัน โดยจ้างบริษัทที่ปรึกษาประเมินมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อให้ TAC ชดเชยแก่ กสท โดยขณะนี้ยังไม่ได้สรุปตัวเลขวงเงินที่ชัดเจน“บอร์ด ยังให้ชะลอการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปี 57 (มกราคม- มิถุนายน) ให้แก่กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้น แต่จะนำส่งเงินปันผลสำหรับงวดสิ้นปี 57 เป็นครั้งเดียว” นายวิโรจน์ กล่าว.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ตั้ง ‘พันธ์ศักดิ์’ สางปัญหา-ฟื้นธุรกิจ ‘กสท’

Posts related

 














‘MSeed Asia’เพาะเมล็ดพันธุ์นักพัฒนาเกมไทย – ฉลาดสุดๆ

ปัจจุบันมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมเกมระดับโลกมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ!!เกมจึงถือเป็นธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ประเทศไทยกลับมีส่วนแบ่งในตลาดโลกน้อย เนื่องจากเกมที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทยสามารถ “โกอินเตอร์” ไปประสบความสำเร็จในตลาดโลกยังมีน้อยอยู่บริษัท เอ็มซีด เอเชีย จำกัด (MSeed Asia) ในเครือ บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอ็มลิ้งค์ เห็นถึงโอกาสของธุรกิจเกมของไทย จึงได้จัดโครงการ เอ็มซีด แอคเซลเลอเรเทอร์ ( MSeed Accelerator) เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาเกมไทยรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ให้สามารถพัฒนาเกมออกให้บริการ สร้างรายได้ทั้งในไทยและดึงเงินตราจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศอีกทางหนึ่งโดยได้จัดงาน เดโม่เดย์ เปิดโอกาสให้ 5 ทีมสุดท้าย จากโครงการได้นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกทีมนักพัฒนาเกมของไทยที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดทีมเดียว รับรางวัลเข้าร่วมงาน Game Developer Conference 2015 (GDC2015) ที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เปิดโอกาสให้ได้พบกับนักพัฒนาเกม นักลงทุนจากทั่วโลกและโอกาสในการจับคู่ธุรกิจในช่วงกลางปี 2558สำหรับ 5 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อนำเสนอผลงานประกอบด้วย1. ทีม Infinito ผลงาน Little Guardians 2. ทีม Snooze fox ผลงาน Chaos Sphere 3. ทีม Lunarcraft ผลงาน Veggie Dog Story 4. ทีม Zaferlab ผลงาน Color Ninja และ 5. ทีม Three Stand ผลงาน Han Gusso ซึ่งหลังจากได้นำเสนอผลงานกับคณะกรรมการแล้วปรากฏว่า ทีม Snooze fox เป็นผู้ได้รับการเลือกให้ได้รับรางวัลเข้าร่วมงาน GDC 2015 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานายสกลกรย์ สระกวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มซีด เอเชีย จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นการช่วยให้นักพัฒนาเกมไทย ที่มีความสามารถได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุน คำปรึกษา ด้านธุรกิจและการตลาด ซึ่งบริษัทได้เข้าไปลงทุนสนับสนุนเงินทุนให้ทั้ง 5 ทีม ทีมละ 500,000 บาท เพื่อพัฒนาเกมให้สำเร็จและให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต ขณะนี้ผลงานของแต่ละทีมพัฒนาแล้วเสร็จกว่า 80% และคาดว่าจะมี 2-3 ทีม สามารถนำผลงานออกสู่ตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะเริ่มทำให้มีรายได้กลับเข้ามา“งานเดโม่เดย์ ได้มีการเชิญคณะกรรมการ และนักลงทุนที่มีประสบการณ์มาให้คำแนะนำแก่ทั้ง 5 ทีม ซึ่ง 1 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ไปร่วมงาน GDC 2015 มีโอกาสพบนักพัฒนาเกมและนักลงทุนจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีแผนพาทั้ง 5 ทีมนำผลงานไปเสนอและพบกับนักลงทุนทั้งจากเอเชีย ยุโรป ซึ่งบริษัทมีคอนเน็คชั่นอยู่ อย่างล่าสุดทางไลน์ก็ขอดูผลงานศึกษาความเป็นไปได้และโอกาสที่จะนำเกมเหล่านี้ไปให้บริการ ซึ่งทางบริษัทเชื่อว่าจะสามารถผลักดันผลงานของนักพัฒนาไทยออกสู่ตลาดโลกได้ในอนาคต”นายสกลกรย์ กล่าวต่อว่า นักพัฒนาเกมไทยถือว่ามีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ที่ดี แต่ยังขาดโอกาสและเงินทุน เนื่องจากในอดีตการพัฒนาเกมบนแพล็ตฟอร์มพีซีหรือเล่นกับคอมพิวเตอร์ มีขั้นตอนที่ซับซ้อนใช้เวลาพัฒนานานและใช้งบประมาณมาก แต่ปัจจุบันเกมบนโทรศัพท์มือถือกำลังได้รับความนิยมจากการเติบโตของสมาร์ทโฟน จึงถือเป็นโอกาสของนักพัฒนาไทย เนื่องจากโมบายเกมเป็นแพล็ตฟอร์มที่พัฒนาง่าย และใช้งบประมาณไม่มาก ขอเพียงให้มีไอเดียที่ดีก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างไรก็ตามในปีหน้าเตรียมยกระดับโครงการให้ใหญ่ขึ้น โดยขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือ ซิป้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เข้ามาร่วมสนับสนุนเพื่อจัดงานเป็นประจำทุกปี ให้กลายเป็นเวทีปั้นนักพัฒนาเกมไทยไปสู่ระดับโลกด้าน รามิล ซาลฮานี ตัวแทนทีม Snooze fox กล่าวว่า เกม Chaos Sphere ที่พัฒนาขึ้นเป็นแนว RPG เล่นแบบ Puzzle โดยให้ดาวน์โหลดฟรีแล้วขายไอเท็มในเกม ตัวระบบส่วนใหญ่จะคล้ายเกม Wonder flick โดยตัวเกมจะมีการเดินลุย Dungeon, ทำเควส, เล่นมินิเกม ส่วนการเล่นจะคล้าย เกม Magicka โดยการต่อสู้จะใช้การผสมลูกแก้วธาตุเพื่อทำการโจมตี ซึ่งการผสมลูกแก้วจะมีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับอาชีพของผู้เล่น รองรับทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส และแอนดรอยด์ ตอนนี้พัฒนาได้มากกว่า 50% จากเมื่อ 3 เดือนก่อนที่ยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น คาดว่าจะพัฒนาเสร็จและนำออกสู่ตลาดได้ในช่วงต้นปีหน้า“สมาชิกในทีมเป็นการรวมกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เคยทำงานบริษัทพัฒนาเกมมาด้วยกันแล้วลาออกมาเพื่อร่วมโครงการนี้และเตรียมตั้งเป็นบริษัทของตัวเองเพื่อพัฒนาผลงานออกสู่ตลาดให้ได้จริง การร่วมโครงการนี้ถือว่าได้รับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ในวงการ ทั้งในเรื่องการผลิตเกม การทำตลาด และรูปแบบธุรกิจ การได้ไปร่วมงาน GDC 2015 ในปีหน้า ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะไปเรียนรู้และพบกับนักพัฒนาและนักลงทุนจากทั่วโลกจึงวางแผนเตรียมผลงานและทีมให้ดีที่สุด”ทั้ง 5 ทีมถือเป็นเมล็ดพันธุ์นักพัฒนาคนไทยที่พร้อมเติบโตในวงการเกมทั้งไทยและต่างประเทศแล้ว หลังจากได้รับการบ่มเพาะจากโครงการนี้.จิราวัฒน์ จารุพันธ์
JirawatJ@dailynews.co.th

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘MSeed Asia’เพาะเมล็ดพันธุ์นักพัฒนาเกมไทย – ฉลาดสุดๆ

แลกคูปองทีวีดิจิตอลวันแรกคึกคักเผยข้อร้องเรียนเฉียดหมื่นราย

วันนี้( 20 ต.ค.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดรับแลกคูปองว่า ยอดล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 15.30 น. มีประชาชนใน 21 จังหวัด นำคูปองมาใช้สิทธิ์แลกอุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลประมาณ 3,239 ราย โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มีประชาชนมาใช้สิทธิ์เยอะมากสุดจำนวน 1,141 ราย รองลงมาคือ ปทุมธานี จำนวน 376 ราย นนทบุรีจำนวน 368 ราย และชัยนาทมีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยสุดจำนวน 8 ราย โดยภาพรวมมีประชาชนมาแลกค่อนข้างคึกคักให้ความร่วมมือเตรียมเอกสาร และคาดว่าจากนี้ในช่วงหลังเลิกงานหรือวันหยุดประชาชนจะทยอยมาใช้สิทธิ์อย่างต่อเนื่องโดยคูปองจะมีอายุถึงวันที่ 31 พ.ค. 58 นอกจากนี้พบว่ามีประชาชนโทรเข้ามาร้องเรียนจำนวน กว่า 9,800 รายโดยร้องเรียนมากสุดคือ คูปองชำรุด คูปองหาย เลขรหัสบนคูปองไม่ตรง ใช้เอกสารอะไรในการแลก จุดให้บริการแลกคูปอง ยังไม่ได้รับคูปอง และไปรษณีย์ไทยมาตั้งโต๊ะรับแลกคูปองซึ่งจากนี้จะหารือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยในวันพรุ่งนี้(21 ต.ค.) ต่อไป นายฐากร กล่าวต่อว่า กสทช.เตรียมพัฒนาระบบใช้รูปแบบกานำบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดมาแลกรับกล่องที่จุดรับแลกได้เลยซึ่งถือเป็นโครงการต้นแบบ ดิจิทัล อีโคโนมี ของรัฐบาลที่ต้องการนำไอทีเข้ามาช่วยบริการภาคประชาชนในด้านต่างๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณการจัดพิมพ์คูปอง 1.80 บาทต่อใบและงบการจัดส่งผ่านไปรษณีย์อีกใบละ 10 บาท รวม 11.80 บาทต่อใบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบดังกล่าวโดยพัฒนาเพิ่มเติมจากระบบติดตามข้อมูลการแจกคูปองแบบเรียลไทม์ใช้งบประมาณเพิ่ม 1-2 ล้านบาทอย่างไรก็ตามกสทช. ลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่า ร้านค้าโมเดิร์นเทรดได้เตรียมความพร้อมอำนวยจุดรับแลกคูปองให้กับประชาชน โดยตรวจสอบเทสโก้ โลตัส เป็นแห่งแรก มีกล่องดิจิตอลที่สามารถแลกได้ 12 ยี่ห้อจาก 42 ยี่ห้อ โดยในขณะนี้เปิดให้บริการจำนวน 76 สาขา ใน 21 จังหวัดและเตรียมขยายเพิ่มอีกจำนวน 40 สาขา ประมาณเดือนพ.ย. 57 เพื่อรองรับการแจกคูปองในระยะที่ 2 ของกสทช. รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อนำมารับแลกที่โลตัสเอ็กซ์เพรส เป็นบางสาขา จากจำนวนที่มีอยู่ 1,500 สาขาทั่วประเทศหลังจากนั้นไปตรวจ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์โดยประชาชนสามารถแลกทุกสาขา ได้แก่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี เอ็กตร้าและบิ๊กซี จัมโบ้ จำนวน 124 สาขา บิ๊กซีมาร์เก็ต จำนวน 33 สาขา และมินิบิ๊กซี จำนวน 300 สาขา ทั้งนี้บิ๊กซีนำกล่องที่เข้าร่วมโครงการมารับแลกจำนวน 23 ยี่ห้อ โดยพบว่ารุ่นที่ขายดีที่สุดคือ 690 บาทในขณะที่โฮมโปร มีกล่องดิจิตอลที่ร่วมโครงการจำนวน 5 ยี่ห้อ โดยประชาชนสามารถนำคูปองไปแลกได้ทุกสาขาที่มีจำนวน 70 สาขาทั่วประเทศ ส่วนร้านเซเว่นอิเลฟเว่น มีกล่องดิจิตอลร่วมโครงการจำนวน 4 ยี่ห้อ โดยช่วงแรกเปิดรับแลกใน 21 จังหวัด จำนวน 4,000 สาขาจากจำนวน 7,000 สาขาทั่วประเทศ.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แลกคูปองทีวีดิจิตอลวันแรกคึกคักเผยข้อร้องเรียนเฉียดหมื่นราย

Page 25 of 805:« First« 22 23 24 25 26 27 28 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file