shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

“กสท” รอความชัดเจนนโยบายควบรวม”ทีโอที”

วันนี้ (26 ก.ย.) นายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า การที่ นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) ได้มีการพิจารณาแผนการดำเนินงานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ กสท โดยอาจจะมีการควบรวมทั้ง 2 หน่วยงานหรือไม่ในฐานะรัฐวิสาหกิจในสังกัดไอซีที นั้น กสท จะต้องรอนโยบายที่ชัดเจนจากกระทรวงไอซีทีก่อน ซึ่งตามที่เข้าใจ คือ การควบรวมถือเป็นทางเลือกสุดท้ายตามที่ได้รับฟังข่าวมานั้น ซึ่งก็อาจจะไม่เกิดการควบรวมก็ได้ทั้งนี้หากมีการควบรวมหรือให้ทีโอทีและ กสท ดำเนินธุรกิจที่มีความซ้ำซ้อนกันก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในส่วนของการดำเนินธุรกิจที่มีลักษณะที่เหมือนกันใน 6 กลุ่ม ธุรกิจ โดยธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง(บรอดแบนด์) ที่ทั้งสององค์กรทำธุรกิจแข่งขันกันเอง ซึ่งอาจจะต้องมีการควบรวมหรือดำเนินธุรกิจร่วมกัน โดยอาจแบ่งเป็นให้ทีโอทีหาลูกค้าทั่วไป ส่วนลูกค้าองค์กรหรือการเช่าวงจรเชื่อมต่อออกต่างประเทศให้ กสท เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทุกแนวทางต้องรอความชัดเจนจากไอซีทีและรัฐบาลอีกครั้ง โดยในวันที่2ต.ค.นี้ รมว.ไอซีที จะเดินทางมาพบกับพนักงาน ผู้บริหาร และคณะกรรมการ(บอร์ด) และหารือถึงแผนการทำงาน โครงสร้างการบริหารที่ผ่านมาด้วยอย่างไรก็ตามจากการที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ได้สั่งให้ กสท ดำเนินธุรกิจโดยแยก 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 2.กลุ่มโครงสร้างเสาโทรคมนาคม 3.กลุ่มงานอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ และเคเบิ้ลใต้น้ำ 4.กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ 5.กลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์)และธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่ (ฟิกซ์ไลน์) และ 6.กลุ่มบริการไอที ไอดีซี และคลาวด์ ส่งให้ สคร.เช่นเดียวกับทีโอที โดยขณะนี้ กสท รอให้สคร.ตอบกลับความคิดเห็นกลับมานายวิโรจน์ กล่าวว่า ธุรกิจมือถือที่ กสท ดำเนินการเองและขายส่ง แบรนด์วิธ ให้แก่ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช นั้น คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ราว 27,000 ล้านบาท และรายได้จากบริการ “มาย”ของ กสท เอง มีรายได้ราว 900 ล้านบาท มีลูกค้าใช้งาน 300,000 ราย ส่วนรายได้รวมปีนี้ กสท คาดว่าจะอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรราว 600 ล้านบาท สำหรับงบดำเนินการงวด3เดือน สิ้นสุด31มี.ค.ที่ผ่านมามีรายได้แล้ว12,673 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย12,578ล้านบาท เหลือกำไรสุทธิ94.89ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “กสท” รอความชัดเจนนโยบายควบรวม”ทีโอที”

Posts related

 














‘วีโก’ สมาร์ทโฟนหัวนอกบุกตลาดไทย

เอสไอเอส จับมือสมาร์ทโฟนยอดฮิตในฝรั่งเศส นำ “วีโก” เปิดตลาดในไทย ดันยอดขายมือถือ ประเดิม 7 รุ่น จับกลุ่มลูกค้าล่างถึงกลาง นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ปัจจุบันตลาดมือถือไทยมีประมาณ  18-19 ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือคนหันมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น จากเดิมในปี 2556 มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนประมาณ  9 ล้านเครื่อง   หรือ 50 %  ของตลาดรวมมือถือ แต่ปีนี้บริษัทวิจัยตลาดจีเอฟเค คาดว่ามีเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านเครื่อง หรือกว่า 60%  ของตลาดรวม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านเครื่องในปีหน้า นายสมชัย กล่าวว่า จากตลาดสมาร์ทโฟนที่มีขนาดใหญ่และเติบโตสูง เอสไอเอส ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีและคอมพิวเตอร์จึงร่วมมือกับวีโก โมบาย ประเทศฝรั่งเศส นำสมาร์ทโฟน “วีโก”(WIKO) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย    เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่   ซึ่งเอสไอเอสมีบริษัทในเครือคือ บริษัท คูล ดิสทริบิวชั่น  (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ  ทั้งนี้จากการเปิดตัววีโก ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่างถึงกลาง ทำให้เอสไอเอส ตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งตลาด 10% ของตลาดรวมสมาร์ทโฟนภายในปลายปี 2558 ด้านนายเดวิด กราเซีย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ วีโก โมบาย ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า สมาร์ทโฟนวีโก ใช้เวลาเพียง 2 ปีก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ยอดฮิตอันดับ  2 ของประเทศฝรั่งเศส และกลายเป็นโกลบอลแบรนด์ ที่ขยายตลาดครอบคลุมกว่า 10 ประเทศ  ด้วยนวัตกรรม  ดีไซน์ ฟังก์ชั่น และ ราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ประเทศไทยเป็นประเทศที่  2 รองจากเวียดนาม อย่างไรก็ดี วีโกได้ตั้งเป้าขยายตลาดไปยัง 50 ประเทศ ทั่วโลกภายในปี 2560 และมียอดขายรวม 50 ล้านเครื่อง สำหรับการเปิดตัววีโกครั้งแรกในไทย ได้เปิดพร้อมกัน 7 รุ่น ราคาตั้งแต่ 2,490-7,990 บาท โดยมี 2 รุ่นไฮไลต์  คือ รุ่น HIGNWAY SIGNS หน่วยประมวลผล 1.4 GHz OCTA Core ที่ทำงานพร้อมกันถึง 8 Core และรุ่น WAX4G ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่ใช้หน่วยประมวลผล NVIDIA Tegra 4i ที่โดดเด่นในการแสดงผลด้านกราฟิก ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี 4G LTE.  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘วีโก’ สมาร์ทโฟนหัวนอกบุกตลาดไทย

อนาคต Smart Watch – 1001

ผมเขียนเรื่องนาฬิกาฉลาด (Smart Watch) มาถึงสองตอนแล้ว และได้ซื้อนาฬิกาใหม่มาสองเรือน บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ได้เปิดตัว Smart Watch ในปีนี้ เพื่อเตรียมทำตลาดในช่วงปลายปีกันอย่างคึกคัก อุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ (เดี๋ยวนี้มีศัพท์ใหม่ เรียก Wearable) กำลังเข้าสู่ตลาดและเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ก็ถือได้ว่าเป็นแค่ระยะเริ่มต้น ลองถูกลองผิด และพัฒนาของใหม่ ๆ เพื่อดูว่า ผู้บริโภคจะซื้อแบบไหนกันแน่ ผมเองเลิกใส่นาฬิกาข้อมือไปหลายปี ยังเอานาฬิกาในกรุของพ่อมาปัดฝุ่นใส่ใหม่ และลองใส่นาฬิกาสมัยใหม่เพื่อเข้าสู่ยุค Wearable นี้กับเขาด้วย ผมพบว่าทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนของนาฬิกาฉลาดแยกเป็นสองแนวทางด้วยกัน กระแสหลักที่พยายามผลักดันกันอยู่ คือ ทำให้เป็นคู่หูกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ใช้โทรศัพท์ได้สะดวกขึ้น สามารถเห็นการแจ้งเตือน และข้อความต่าง ๆ บนนาฬิกาข้อมือ โดยไม่ต้องควักโทรศัพท์ออกมา และบวกหน้าที่วัดและกระตุ้นการออกกำลัง เพื่อให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพดี   อีกกระแสหนึ่ง คือ เป็นกำไลข้อมือฟิตเนส บันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหว ถ่ายโอนข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์เป็นระยะ ๆ เพื่อเก็บสถิติ และสร้างการ “รู้ตัว” หรือ “กระตุ้น” ให้ผู้สวมใส่ออกกำลังกายให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ  อันนี้เป็นการพัฒนามาจากเครื่องวัดก้าวเดินที่เคยนิยมเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เพื่อสุขภาพที่ดี เช่น ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น แนะนำว่า ควรเดินให้ได้วันละหมื่นก้าว หรือการออกกำลังกายอย่างง่ายที่สุดที่ชาวจีนทำมาเป็นศตวรรษแล้ว คือ การแกว่งแขน เป็นต้น ก็สามารถวัดระดับกิจกรรมจากอุปกรณ์เหล่านี้ได้ง่าย นาฬิกาฉลาดในกระแสหลักยังไม่ถูกใจผมหลายประการ (แต่เขาก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเอาใจผม) ด้วยนิสัยที่ชอบคิดโน่นคิดนี่ ก็อดจะแสดงความเห็นในเชิงผู้ใช้ และในเชิงวิศวกรคนหนึ่งไม่ได้ โดยหวังว่า การช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวหน้า เยาวชนสนใจสร้างนวัตกรรมจนทำรายได้ เป็นเศรษฐีกันเยอะ ๆ นายทุนก็กล้าที่จะสนับสนุน ผมขอสามอย่างจากนาฬิกาฉลาด 1. สวย สวมใส่แล้วดูเท่หรือแสดงบุคลิก (หรูหรา น่ารัก หรือเอาการเอางาน) 2. ใช้งานได้ดี แบตเตอรี่อยู่ได้นาน และ 3.กันน้ำได้ตามควร ฟังแล้วไม่น่าจะทำยากเลยใช่ไหมครับ ไม่น่าเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในขณะนี้จะทำเรื่องแค่นี้ได้ไม่ดี เรื่องแรก ความสวย เนื่องจากบริษัทที่ทำนาฬิกาฉลาดเกือบทั้งหมดมาจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ จึงอาจจะต้องเรียนรู้อีกพักใหญ่ ๆ ว่าจะทำนาฬิกาให้สวยได้อย่างไร เพราะคู่แข่ง คือ นาฬิกาข้อมือในท้องตลาดให้เปรียบเทียบนั้นมีอยู่มากมาย แต่ก็มีข่าวดีอยู่บ้างว่าผู้ผลิตนาฬิกาธรรมดา ก็เริ่มใส่ “ความฉลาด” เข้าไปในผลิตภัณฑ์ของตนเองเช่นกัน ไม่รู้ว่าใครจะเรียนรู้ได้เร็วกว่ากัน เรื่องที่สอง คือ การใช้งาน ขอแยกเป็นสองประเด็น คือ ใช้งานได้ดี และใช้งานง่าย ผมคิดว่า การพยายามเอาความสามารถของโทรศัพท์มือถือมายัดใส่นาฬิกาข้อมือ ไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไรในสถานภาพของเทคโนโลยีขณะนี้ การทำเช่นนั้น เท่ากับว่า ต้อง “ย่อส่วน” โทรศัพท์มือถือให้เล็กลงมาจนเป็นนาฬิกาข้อมือสวย ๆ  นอกจากจะมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ไม่เพียงพอใช้งานแล้ว ขนาดจอยังเล็กจิ๋ว มองไม่ถนัดอีกด้วย (กลับไปสู่ยุคโทรศัพท์มือถือจอ 1 นิ้วหรือ 2 นิ้ว) การพยายามทำนาฬิกาฉลาดบนฐานของโทรศัพท์มือถือ เช่น ทุกคนอยากได้แอพเยอะ ๆ ทำงานได้สารพัดอย่าง ไม่ตรงกับลักษณะของนาฬิกาข้อมือเลย แถมซอฟต์แวร์อย่างนั้นกินแบตเตอรี่อย่างมากมายอีกด้วย ดูได้จากโทรศัพท์มือถือปัจจุบัน จอโตขึ้นและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก แต่หลายคนยังต้องพกแบตเตอรี่เสริมเพื่อใช้งานในตอนหลังเลิกงาน ลองมาเปรียบเทียบกับนาฬิกาไม่ฉลาดที่ผมซื้อใหม่มาสองเรือน เรือนแรกแบบวัยรุ่น จอใหญ่ หนา ทั้งตัวทำด้วยพลาสติก ทนการกระแทก กันน้ำ 100 เมตร ผมใส่ว่ายน้ำมาแล้ว ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีเข็มสั้นและเข็มยาวบอกเวลา จับเวลาได้ มีหน้า ปัดบอกเวลาได้สองประเทศ ตอนกลางคืน มันจะหลับเพื่อประหยัดแบตเตอรี่  (ไม่ต้องเสียบชาร์จไฟ) ตอนเช้าเมื่อมีแสงมันจะตื่น ใส่เดินรับแสงอาทิตย์อยู่นอกบ้านสัก 8 นาที จะเติมแบตเตอรี่เต็ม ผมซื้อมาไม่ต้องตั้งเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น แกะจากกล่อง คาดข้อมือ เดินเข้าห้องบรรยายไปสอน พอหันมาดูอีกที นาฬิกาตื่นแล้ว เข็มชี้เวลาถูกต้อง ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้อง login กรอกรหัสผ่าน หรือซิงค์ข้อมูลกับผู้ให้บริการ (นึกถึง gmail) เรือนที่สอง เป็นนาฬิกาพลาสติกของสวิส กันน้ำได้ 200 เมตร มีเม็ดมะยมตั้งเวลา ผมใช้จับเวลาในการว่ายน้ำ โดยหมุนหน้าปัด กลไก ให้ขีดหลักมาตรงกับเข็มวินาที แล้วเริ่มพุ่งตัวออกจากแท่นสตาร์ต พอแตะขอบสระ รีบเหลือบดูว่า ทำเวลาได้เท่าไร กลไกล้วน ๆ ไม่ต้องอ่านคู่มือในการใช้งานใด ๆ ทั้งสิ้น ทนสุดยอด เผลอลืมอยู่ในเครื่องซักผ้า ซักผ้าจนเสร็จ นาฬิกายังใช้งานได้ปกติ มีบทเรียนมากมายที่นาฬิกาฉลาดในอนาคตจะเรียนรู้จากสองตัวอย่างนี้ได้ ผมเป็นวิศวกรที่ปรึกษา ทำงานออกแบบคอมพิวเตอร์ประหยัดไฟขนาดจิ๋ว ร่วมกับวิศวกรของบริษัทไมโครอิเล็กทรอนิกส์ของคนไทยล้วน ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อกำหนดให้คอมพิวเตอร์ใช้กระแสไฟฟ้าไม่เกิน  0.00001 (หนึ่งในหมื่น) แอมป์ ขณะทำงาน การทำนาฬิกาฉลาดให้แบตเตอรี่ทนทานใช้งานหลายวันหรือเป็นเดือน ทำได้ครับ แต่ไม่ใช่อยู่บนพื้นฐานซอฟต์แวร์โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือในปัจจุบันประหยัดพลังงานมาก ใช้แสงอาทิตย์บ้าง ใช้กลไกลูกตุ้ม หมุนลาน หรือชาร์จประจุแบตเตอรี่บ้าง ก็ทำอยู่หลายรุ่นที่ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และไม่ต้องชาร์จไฟทุกวัน เหมือนโทรศัพท์มือถือ ตลาดนาฬิกาฉลาดยังเปิดอยู่ นวัตกรรมใหม่ ๆ ยังรอให้เยาวชนไทย คิดค้น ไขว่คว้า แสวงหาความสำเร็จ งานไฮเทคไม่ได้ยากเหมือนที่คิด การผสมผสานกันระหว่างศาสตร์กับศิลปะ เป็นเรื่องที่คนไทยทำได้ดี ผมขอเชียร์ครับ ความคิดในบทความนี้เอาไปใช้ได้ฟรี ไม่ติดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น. ประภาส จงสถิตย์วัฒนา ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อนาคต Smart Watch – 1001

Page 77 of 805:« First« 74 75 76 77 78 79 80 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file