shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

นกแอร์ให้ใช้ไวไฟฟรีบนเครื่องบิน

พาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) และ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม ร่วมกันแถลงข่าว เนื่องในโอกาสที่ "นกแอร์" สายการบินพรีเมียมโลว์คอสต์อันดับหนึ่งของไทย ร่วมมือกับ บมจ.ไทยคม ผู้นำกิจการดาวเทียมและอวกาศของไทย เปิดให้บริการ Wi-Fi Onboard โดยเป็นการให้บริการไวไฟอินเตอร์เน็ตย่านความถี่เค-ยูแบนด์ ด้วยความเร็วระดับ3จี บนเครื่องบินแก่ผู้โดยสารโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นสายการบินแรกในเอเชียคุณพาทีมีแนวคิดอยากให้คนไทยได้ใช้บริการไวไฟฟรีแม้อยู่บนเครื่องบิน เพื่อการใช้งานอินเตอร์เน็ตและเพื่อการสื่อสาร เชื่อว่าสามารถดึงดูดผู้โดยสารรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบโซเชียลมีเดียไม่ให้พลาดทุกการเชื่อมต่อแม้อยู่บนความสูง 35,000 ฟุต ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะไวไฟสามารถต่อยอดไปทำอย่างอื่นได้อีกมากในอนาคตแต่ยังไม่ขอเปิดเผยด้านไทยคม คุณศุภจีเปิดเผยว่าได้ บริษัท โกลบอล อีเกิ้ล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาเป็นพันธมิตรในการร่วมกันพัฒนาอุปกรณ์และระบบการสื่อสาร จนสามารถเปิดให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมบนสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงบน Ku-Band เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแม้ในขณะเดินทางโดยเครื่องบินในงานแถลงข่าวมีการทดลองใช้บริการเฟซไทม์ติดต่อกับลูกเรือบนเที่ยวบินที่กำลังเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังได้พาคณะสื่อมวลชนร่วมเดินทางไป-กลับ สนามบินดอนเมือง-ภูเก็ต กับสายการบินนกแอร์ เพื่อเป็นการทดสอบการให้บริการไวไฟฟรีดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งจากการใช้งานจริงพบยังติดต่อสื่อสารติดขัดอยู่บ้าง เนื่องจากมีปริมาณผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางนกแอร์และไทยคมจะได้นำไปพัฒนาปรับปรุงก่อนใช้งานจริงต่อไปโดยบริการ Wi-Fi Onboard จะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บนเครื่องบิน "นกบุษราคัม" ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 รองรับผู้โดยสาร 189 ที่นั่ง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นกแอร์ให้ใช้ไวไฟฟรีบนเครื่องบิน

Posts related

 














เปิดใจผอ.สวทช.หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ไม่ควรเอาเนคเทคไปทั้งหมด

ดร.ทวีศักดิ์  กออนันตกูล  ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  (สวทช.)  เปิดเผยในบทความสัมภาษณ์เกี่ยวการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล ที่เผยแพร่แก่สื่อมวลชนว่า แม้ประเทศไทยจะกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ทั้งด้านเทคโนโลยีและบริการต่าง  ๆ  แต่ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นทางด้านความปลอดภัย  หากประเทศไทยยัง ไม่รู้เท่าทันเรื่องของความเสี่ยงเหล่านี้    ที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยจะเริ่มเดินหน้าในการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลมาพอสมควร โดยมีการจัดตั้งกระทรวงไอซีทีขึ้นตั้งแต่ปี 2545 และมีแผนแม่บทไอซีทีฉบับแรกของประเทศ ซึ่งตนเองเป็นประธานในการยกร่างขึ้น แต่ยอมรับว่ายังไปได้ไม่ถึงไหน   ซึ่งการเมืองถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเดินหน้าช้าลง   โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตราคาถูกของพื้นที่ชนบทห่างไกล  ที่วันนี้ ประเทศเพื่อนบ้านนำไปหมดแล้ว  แม้แต่เวียดนามที่เริ่มหลังไทยหลายปีก็ตาม ดร.ทวีศักดิ์  กล่าวว่า  การเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมั่นคง    ควรต้องมีการปรับปรุงประเทศในหลายด้าน  เช่น การพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ  และราคาถูก  การลงทุนทำฐานข้อมูลเพื่อบริการประชาชน และการทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐโดยไม่ต้องไปถึงที่สำนักงานของรัฐมากนัก และที่สำคัญถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐควรที่จะต้องยกเลิกการขอสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านจากประชาชนเสียที ทั้งนี้สวทช.เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2535   โดยเสนอให้ครม.สร้างระบบอีดีไอ( Electronic Data Interchange)  ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วยให้ผู้นำเข้าส่งออกสินค้าต่างๆ สามารถผ่านด่านศุลกากรโดยไม่ต้องส่งเอกสารที่เป็นกระดาษ จนปัจจุบันไทยมีระบบรัฐบาลอิเล็กทรอกนิกส์หลายเรื่อง ซึ่งหน่วยงานที่เริ่มทำเรื่องต่าง ๆ นี้ก็มาจากสวทช.  ดร.ทวีศักดิ์  กล่าวอีกว่า  มองเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ของกระทรวงเดียว แต่ต้องร่วมมือกันเป็นกระบวนการระหว่างกระทรวง ซึ่งสวทช.ยินดีที่จะทำงานวิจัยและส่งต่อผลงานสำคัญให้กระทรวงที่ดูแลเศรษฐกิจ ดิจิทัลเอาไปขยายผล สำหรับกรณีกระทรวงไอซีทีอยากโอนย้ายเนคเทคไปอยู่ด้วยนั้น  ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า สวทช.ยินดีสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหากแผนการจัดตั้งกระทรวงใหม่มีความชัดเจนในภารกิจ หน้าที่ความรับผิดชอบ โครงสร้างและรูปแบบขององค์กรแล้ว เชื่อว่าจะมีพนักงานส่วนหนึ่งสนใจที่จะไปร่วมงานด้วยอยู่แล้ว ซึ่งก็พร้อมสนับสนุน “แต่ ณ วันนี้ ขอเรียนว่า ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งท่านรัฐมนตรีว่าการ และท่านปลัดฯ หรือ สวทช. ยังไม่เคยมีการหารือร่วมกันเป็นทางการในเรื่องนี้กับทางกระทรวง ไอซีทีแต่อย่างใด ว่าภารกิจใดมีความจำเป็นต้องเกิดขึ้นในกระทรวงไอซีที และต้องการทีมงานแบบใดไปทำงาน”  อย่างไรก็ดี เห็นว่าไม่ควรที่จะโอนย้ายเนคเทคไปทั้งหมดทั้งคนและทรัพย์สิน แต่ควรเป็นรูปแบบอื่น ๆ เช่น การตั้งหน่วยงานใหม่ที่ดีๆ ในกระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัล และให้พนักงานสวทช. ที่สนใจสมัครใจตัดสินใจขอย้ายไปเอง แต่หน่วยงานใหม่ก็คงจะต้องพิจารณาคัดเลือกด้วย ไม่ได้รับทุกคนที่แสดงความประสงค์จะไป  “ผมมองว่า  การมีเนคเทค อยู่ที่สวทช. ยังมีความจำเป็น เพราะหลายเรื่องที่เนคเทคทำ โดยเฉพาะส่วนงานวิจัยต้นน้ำ ทั้งที่เป็น Goal-Oriented Basic Research หรือเป็น Platform Technology ยังควรอยู่ภายในสวทช. เพื่อร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกับเทคโนโลยีแขนงอื่นเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศในภาพรวม เช่นเดียวกับที่หน่วยงานแบบเดียวกับสวทช. ในต่างประเทศ  ส่วนงานบางเรื่องที่ใกล้ตลาดหรืออยู่ปลายน้ำ ถ้าคิดว่า การไปดำเนินการภายใต้กระทรวง ไอซีทีหรือกระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัล จะสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ผลกระทบที่คาดหวังได้แรงกว่า ก็เป็นสิ่งที่จะต้องมาคุยกันในระดับบริหารของทั้งสองกระทรวง ให้ได้ข้อสรุปที่เห็นชอบร่วมกันก่อนที่จะดำเนินการ”  ดร.ทวีศักดิ์  กล่าว  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดใจผอ.สวทช.หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ไม่ควรเอาเนคเทคไปทั้งหมด

รมว.ไอซีที ย้ำ รวม “ทีโอที-กสท” เป็นตัวเลือกสุดท้าย

วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายพรชัย รุจิประภารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงไอซีที และกระทรวงงการคลัง ร่วมกำหนดแนวทางการทำงานของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้น100% ซึ่งอาจจะเป็นการพิจารณาแนวทางการสนับสนุนหรือการส่งเสริมธุรกิจร่วมกันหลังสัมปทานที่ให้กับเอกชน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.2558 อย่างไรก็ตามทั้งกระทรวงไอซีทีและกระทรวงการคลังได้มีการหารือแผนดำเนินธุรกิจของ ทีโอที และกสท อย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจให้มีผลกำไรซึ่งปีนี้รายได้จากสัมปทานมือถือจะต้องส่งให้กับกระทรวงการคลังทั้งหมด โดยจะไม่นำมาเป็นรายได้ของทั้ง2 องค์กรอีกต่อไป ส่วนการจะรวมทั้ง 2 องค์กรไว้ด้วยกันหรือไม่นั้น จะต้องหารือกับกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ทีโอที และกสท แต่ยังยืนยันว่าการควบรวมจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายทั้งนี้ หลังจากสรุปแนวทางได้ กระทรวงไอซีที จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบต่อไป   “กระทรวงไอซีที และกระทรวงการคลังจะต้องทำงานร่วมกันเพราะทั้ง 2 องค์กร ถือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เมื่อรายได้สัมปทานมือถือไม่มี และสิ้นสุดสัญญาสัมปทานการดำเนินงานของทั้ง 2 องค์กรจะต้องเป็นอย่างไร เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเอกชนได้”นายพรชัย กล่าว  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รมว.ไอซีที ย้ำ รวม “ทีโอที-กสท” เป็นตัวเลือกสุดท้าย

Page 83 of 805:« First« 80 81 82 83 84 85 86 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file