นายธวัชชัย เฮงประเสริฐ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ตั้งสายงานการค้าชายแดนขึ้นมาใหม่ เพื่อขยายการค้า และการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากขณะนี้การค้าชายแดน ได้ขยายตัว และมีมูลค่าเพิ่มมาก ซึ่งการดำเนินงานของสายงานการค้าชายแดน จะส่งเสริมให้เกิดจับคู่ทางการค้า และการลงทุนกับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางสภาธุรกิจที่อยู่ภายใต้ ส.อ.ท. และคณะกรรมการ่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เช่น สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม ,ไทย-สปป.ลาว , ไทย-กัมพูชา และไทย-เมียนม่าร์ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าการส่งออกชายแดนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 10%"ส.อ.ท. จะประสานไปยังสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเลือกผู้ประกอบการที่มีคุณภาพทั้งจากประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาร่วมลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศเมียนม่าร์ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยเฉพาะเมียนมาร์ จะให้ความสำคัญป็นพิเศษ เพราะเป็นตลาดใหม่ และสามารถขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีการบริโภคเติบโตสูงมาก รวมทั้งจะทำหน้าที่ประสานงานอำนวยความสะดวกกับภาครัฐในต่างประเทศ และภาคเอกชน เพื่อให้ธุรกิจที่เกิดใหม่อยู่รอดและเติบโตได้ รวมทั้งจะขยายตลาดการค้าระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกประเทศ"นอกจากนี้ จะประสานความร่วมมือกับภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือก่อสร้างถนน และโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าให้ตรงเข้าสู่เมืองหลวง และหัวเมืองขนาดใหญ่ให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าไทย จะครองตลาดได้เฉพาะพื้นที่ที่ติดกับประเทศไทยเท่านั้น แต่ในเมืองหลวงยังไม่สามารถเจาะตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมียนมาร์ ที่เส้นทางขนส่งไปยังเมืองย่างกุ้ง ยังลำบากมาก สามารถส่งสินค้าเข้าไปได้เพียงวันเว้นวันเท่านั้น เพราะถนนเล็กไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ควรเข้าไปช่วยเหลือขยายถนนให้เป็น 4 ช่องจราจรทั้งนี้ แม้ว่าการเข้าไปช่วยเหลือสร้างถนนในประเทศเพื่อนบ้านจะใช้เงินลงทุนพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้ารวมเกือบ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งออกจากไทยเกือบ 600,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่า มีความคุ้มค่ามาก เพราะจะเพิ่มมูลค่าการค้าได้อีกหลายเท่าตัว เช่น หากสามารถส่งสินค้าเข้าไปยังเมืองย่างกุ้งได้ทุกวัน จะเพิ่มการค้าได้อีกกว่า 1 เท่าตัว ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ประเทศเพื่อนบ้าน จะขยายตัวเฉลี่ย 7-8% ทุกปี จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะขยายการค้าได้อีกมาก รวมทั้งยังเป็นช่องทางนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกในการผลิตสินค้าส่งไปยังตลาดโลกขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะมอบทุนการศึกษาดึงบุคลากรที่มีความสามารถในประเทศสปป.ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของไทย โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาตามแนวชายแดน เพื่อยกระดับทักษะความสามารถป้อนให้กับโรงงานของไทย ที่เข้าไปตั้งฐานการผลิต และส่งผู้เชี่ยวชาญจากไทยเข้าไปให้ความรู้ในประเทศเพื่อนบ้านส่วนโครงสร้างการทำงานของสายงานการค้าชายแดน จะตั้งคณะอนุกรรมการการค้าชายแดนในกลุ่มจังหวัดคลัสเตอร์ เช่น ชายแดนสปป.ลาว จะมีคลัสเตอร์กลุ่มจังหวัด 3 กลุ่ม เช่น กลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2 กลุ่ม กลุ่มอีสานล่าง 1 กลุ่ม ชายแดนประเทศกัมพูชา จะมีกลุ่มคลัสเตอร์จังหวัดอีสานล่าง 2 กลุ่ม และกลุ่มภาคตะวันออก ชายแดนประเทศเมียนมาร์ จะเป็นคลัสเตอร์กลุ่มจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และประจวบ และกลุ่มติด จ.เมียวดี ได้แก่ จ.ตาก และเชียงราย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ส.อ.ท.ตั้งทีมค้าชายแดน

Posts related