นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกาลางและขนาดย่อมหรือสสว. ออกแพกเกจปล่อยกู้ช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ซึ่งมีทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วยโรงแรม-ที่พัก ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจนำเที่ยว-สปา ธุรกิจบริการรถเช่า -เรือเช่า ธุรกิจขายของฝากและของที่ระลึก(ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน)ขอสินเชื่อได้สุงสุด 10 ล้านบาท โดยได้จัดสรรวงเงินไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท “ พอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคาร มีลูกค้าเอสเอ็มอีอยู่ในพื้นที่ชุมนุมในกรุงเทพฯ 17,500 ราย มีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ 500 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 3,500 ล้านบาท หรือ 0.72 % ของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มีอยู่ 520,000 ล้านบาท” สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารที่อยู่ในต่างจังหวัด และทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับชาวนา เช่น ค้าขายปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ หรือธุรกิจค้าขายทั่วไป เริ่มได้รับผลกระทบหลังจากชาวนาไม่ได้รับเงินจำนำข้าวตั้งแต่เดือนต.ค. 56 เป็นต้นมา ทำให้ไม่มีเงินเข้ามาในระบบ ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าขาย เริ่มสะดุดไม่สามารถชำระหนี้ได้ และหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะมีปัญหาเครดิตทางการค้าจึงได้ช่วยเหลือเป็นรายกรณี เช่น ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อไม่ให้ลูกหนี้เป็นปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล ปัจจุบันอยู่ที่ 2.8% จากเดิมที่ 3.2% นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประมาณ 80% ซึ่งหากมีแหล่งเงินทุนจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพสินค้ารองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีได้ และที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง โดยยอมรับว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อไปถึงไตรมาส 2/57 นักท่องเที่ยวจะหายไป 1.8 ล้านคน หรือสูญรายได้ประมาณ 82,000 ล้านบาท ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์รุนแรงถ้าทุกคนรักประเทศต้องทำเพื่อประเทศ แต่ปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้ท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.3 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวในประเทศ 700,000 ล้านบาท “เหตุการณ์การเมืองทำให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติไม่มีอารมณ์เดินทางมาเที่ยว ซึ่งอยากให้จบโดยเร็ว ถ้าเทียบการชุมนุมการเมืองปีนี้กับปีก่อนหน้าถือว่าไม่ได้รุนแรงมาก โดยมีสถานเอกอัคราชฑูต 40 ประเทศที่ยกระดับการเตือนอยู่ที่ 2 และ 3 แต่ในปี 53 มี 100 ประเทศที่ยกระดับการเตือนเป็นระดับสูงสุด”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสิกรไทยออกแพกเกจปล่อยกู้ท่องเที่ยว
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs