รายงานข่าวจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3 -5% เพราะราคาสินค้าบางชนิดที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการเร่งทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าปลีกอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะภายหลังจากการชุมนุมทางการเมืองในบางพื้นที่ได้ยุติลง น่าจะช่วยประคองให้ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกยังคงขยายตัวได้ ส่วนกลยุทธ์ที่กระตุ้นลูกค้าที่ใช้รูปแบบเดิม เช่น ผ่านทางจุดขายที่เป็นช่องทางหลัก ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาสินค้า การผ่อนชำระ 0% นานขึ้น การออกแคมเปญแลกรับส่วนลดที่สูงขึ้นจากคะแนนสะสมในบัตรสมาชิกอาจไม่เพียงพอประคับประคองยอดขายได้ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้ประกอบการจะหาช่องทางในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด (มัลติ- ชาแนล มาร์เก็ตติ้ง) ที่หลากหลายมากขึ้นทั้งนี้ต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การขยายช่องทางการตลาดผ่านออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศยังคงไม่เป็นปกติ ซึ่งกดดันบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค รวมถึงความปลอดภัยในการเดินทาง ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านไอที และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ยังคงนิยมใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้น จะทำให้การซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกว่า “เอ็ม-คอมเมิร์ซ” จะเป็นช่องทางใหม่ที่มาแรง และเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยหนุนการเติบโตของการซื้อขายออนไลน์ นอกจากนี้ผู้ประกอบการอาจจัดงานอีเว้นท์กระตุ้นยอดขาย เช่น ลดราคาสินค้า หรือมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้บริโภคนอก ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยผู้ประกอบการอาจจะต้องทำการเลือกพื้นที่และเวลาที่เหมาะสมในการทำตลาด และเห็นว่า “มหกรรมลดราคาสินค้า” เป็นโปรโมชั่นที่สำคัญและช่วยดึงดูดผู้บริโภคในยามที่เผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งทำอีเว้นท์กระตุ้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการหรือร้านค้าที่เช่าพื้นที่ภายในร้านค้าปลีกให้มาเปิดบริการในพื้นที่ขอตนมากขึ้น ตลอดจนมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน“กำลังซื้อของผู้บริโภค ที่ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด และยังไม่มีปัจจัยหนุนใดที่จะมาช่วยเพิ่มรายได้หรือกำลังซื้อให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ส่วนใหญ่ในปีนี้ ยังมีแนวโน้มทรงตัวหรือมีทิศทางปรับลดลง ซึ่งยังคงกดดันรายได้ของเกษตรกร รวมถึงความคาดหวังจากแรงกระตุ้นของทางภาครัฐก็อาจจะไม่ได้ส่งผลบวกต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยถ้ามีมาตรการจากภาครัฐหลังความขัดแย้งทางการเมืองได้ข้อยุติ ก็น่าจะเน้นไปเพื่อการบรรเทาผลกระทบต่อผู้บริโภคเป็นหลักมากกว่า”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ค้าปลีกปรับช่องทางขายดันยอดขาย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs