นายลักษณ์ วจนานวัชผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส.ได้มีมาตราการช่วยเหลือเกษตรกรผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 57/58 ลง 3% ต่อปีวงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาทเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยปรากฏว่ามีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้าเข้ามาขอใช้บริการสินเชื่อผ่านธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อนำไปเพาะปลูกข้าวแล้ว 2 ล้านรายอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่ามีเกษตรกรยังขาดความเข้าใจในการใช้สิทธิดังกล่าวโดยเฉพาะขั้นตอนสำคัญคือเกษตรกรต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอหรือเกษตรจังหวัดในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้นจะรวบรวมข้อมูลไปยังกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนจะส่งรายชื่อผู้ได้รับสิทธิมาให้กับ ธ.ก.ส. ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า และที่ไม่เป็นลูกค้าธนาคารรวมถึงเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสหกรณ์การเกษตรเร่งไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับหน่วยงานดังกล่าวเพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมที่เกษตรกรเคยกู้ลง3%ขณะที่มาตรการประกันภัยนาข้าวนาปี ปีการผลิต 57 มีเกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ7,000 ราย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 200,000 ไร่ จากเป้าหมาย 1.5 ล้านไร่ซึ่งมาตรการประกันภัยถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งนับวันจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยอัตราค่าเบี้ยประกันภัยจะแบ่งตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่ตั้งแต่ 129.47 – 510.39 บาทต่อไร่ แต่เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพียง60-100 บาทต่อไร่ เท่านั้น เพราะที่เหลือรัฐจะเป็นผู้อุดหนุนแทนเกษตรกรและธนาคารยังร่วมอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยอีกไร่ละ 10 บาท กรณีเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ทำให้เกษตรกรจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 50-90 บาทต่อไร่ทั้งนี้การประกันภัยดังกล่าวจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก น้ำท่วมภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บและไฟไหม้ โดยได้รับชดเชย1,111 บาทต่อไร่ยกเว้นศัตรูพืชและโรคระบาด ได้รับการชดเชย 555 บาทต่อไร่ดังนั้นในกรณีประสบภัยเกษตรกรจะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐไร่ละ 1,113 บาทต่อไร่ เมื่อรวมกับประกันภัยที่เกษตรกรซื้อไว้อีก 1,111 บาทต่อไร่ เท่ากับว่าเกษตรกรได้รับเงินชดเชยไร่ละ 2,224 บาทช่วยให้เกษตรกรมีต้นทุนที่สามารถเริ่มต้นการเพาะปลูกในรอบถัดไปได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมเงินเพิ่มและเป็นการบรรเทาความเสี่ยงที่เกิดขึ้นสามารถสอบถามข้อมูลและซื้อประกันภัยได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.57 ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธ.ก.ส.เผยเกษตรกรขอสินเชื่อทำนาแล้ว2ล้านราย
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs