ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีชาวนาในภาคกลางเริ่มทะยอยนำใบประทวนจากโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต 56/57 ไปจำนำหรือไปขายให้กับผู้ประกอบการโรงสี หรือ เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบในราคาตันละ 8,000 – 9,000 บาท เนื่องจากหลายรายที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำ ยังไม่ได้รับเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั้ง ๆ ที่ชาวนานำข้าวไปจำนำตามขั้นตอนปกติ ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลเร่งกลไกที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินให้ชาวนาเพื่อลดความเดือดร้อน ทั้งนี้ยอมรับว่าชาวนาส่วนใหญ่ต้องการเงินด่วนเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเร่งจ่ายหนี้เงินกู้ทั้งในและนอกระบบ โดยเฉพาะเงินกู้เงินนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยเป็นรายเดือนในอัตราที่สูง หากยิ่งนำเงินไปชำระล่าช้าก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนมหาศาล “ชาวนาต้องมีภาระเรื่องของเจ้าของที่นาทวงค่าเช่าที่นา ค่าปุ๋ย ค่าทำนา และค่าดอกเบี้ย โดยเฉพาะเรื่องของเงินกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง ดังนั้นจึงนำไปขายใบประทวนกับเจ้าของเงินกู้นอกระบบที่ตนเองกู้มาเพื่อต้องการตัดปัญหาดอกเบี้ยที่แพง ส่วนผู้ที่กู้ ธ.ก.ส. ก็คงเดือดร้อนน้อยกว่าคนกู้นอกระบบ” ว่าที่ร.อ.จิตร์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีหลายฝ่ายออกมาเสนอแนะว่าเป็นโครงการที่สร้างภาระงบประมาณแก่ประเทศชาติ และยังเป็นการทำลายวงการข้าวของไทยทั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่เมื่อรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าแล้ว ต้องเร่งหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำโดยเร็วไม่ว่าด้วยวิธีใด ทั้งการกู้หรือการใช้งบประมาณ เพราะหากวงเงินไม่ถึงชาวนาก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคกลางได้ลำบาก “ในไตรมาส 4 นี้ เศรษฐกิจของภาคกลางยังชะลอตัว ซึ่งนอกจากการวิตกเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว ยังพบว่า โครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของภาคกลางยังไม่สามารถทำงานได้ เพราะชาวนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับเงินครบตามจำนวนได้นำข้าวไปจำนำไว้ เนื่องจากรัฐบาลประสบปัญหาเรื่องของเงินและส่วนหนึ่งคงรอเงินจากการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์” ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่เกษตรกรยังไม่ได้เงินในโครงการรับจำนำข้าวนั้นเป็นเรื่องของ ธ.ก.ส. ที่ไม่จ่ายเงินตามกำหนดเวลา ซึ่งต้องไปสอบถาม ธ.ก.ส. ถึงสาเหตุการหยุดจ่ายเงิน เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ดูแลเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการ ขณะนี้ได้มีการประชุมเชิงปฎิบัติการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) ซึ่งคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ ก.ส.ล. จะเร่งรัดพัฒนาให้การซื้อขายเกษตรล่วงหน้า หรือ เอเฟท เพื่อให้เป็นเครื่องมือ และเป็นแนวทางแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องมาซื้อสินค้าเกษตร โดยที่ผ่านมาการขายข้าวในตลาดเอเฟทอาจจะแผ่วลงไปบ้าง แต่ก็เคยประสบความสำเร็จในการขายยางพารา จึงจำเป้นต้องมาหารือ เพื่อหาแนวทางให้ระบายข้าวในช่งทางนี้เพิ่มมากขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สุดอั้น ชาวนาแห่นำใบประทวนจำนำข้าวกู้เงินนอกระบบ
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs