น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลัง(ก.ค..-ธ.ค.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกของปี(ม.ค.-มิ.ย.) เป็นผลมาจากการส่งออกของไทยจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ส่งออกขยายตัวถึง 9% ขณะที่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมบางสาขาปรับตัวดีขึ้น ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมาไทยนั้นยังขยายตัวดี ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านและจีน นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยเริ่มดีขึ้นคาดว่าเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนต่อเดือนจึงประเมินว่าจีดีพีปนี้จะโตประมาณ 3.5% สำหรับค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากเงินทุนไหลออก โดยที่ผ่านมาอ่อนค่าลงแล้วกว่า 12% และทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ “ ไตรมาส 1 เศรษฐกิจลงแรง โดยติดลบ 1.4% แต่จะกลับมามีเสถียรภาพในไตรมาส 2 คาดว่าจะโต 1.7% และไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.8% และไตรมาส 4 ขยายตัว 3.6% แม้ว่าไทยจะอยู่ในภาวะสุญญากาศทางการเมือง และยังไม่เห็นสัญญาณคลี่คลายลงได้ในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้การลงทุนภาครัฐล่าช้าออกไป ซึ่งเชื่อว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในไตรมาส 3 และใช้งบประมาณปกติในปี 58 กระตุ้นเศรษฐกิจได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้าหรือสิ้นสุดในเดือนมี.ค.58 โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาการชะงักงันด้านการใช้จ่ายของภาครัฐ” สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% ต่อเนื่องถึงสิ้นปี เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่า 2% และประชาชนยังมีความกังวลปัญหาการเมือง ซึ่งเห็นว่าหากลดดอกเบี้ยลงก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รายงานข่าวจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทยแจ้งว่า กนง.จะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินไปอีกระยะหนึ่งภายหลังการเมืองมีสัญญาณคลี่คลาย คล้ายกับธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่เลือกคงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยครึ่งหลังของปี 58 ปัจจัยที่กดดันให้นโยบายการเงินของไทย เช่น เงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลก และที่สำคัญที่สุดคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ซับไพรม์ ส่งผลให้สภาวะสภาพคล่องทั่วโลกกลับสู่แนวโน้มตึงตัว และถ้า กนง. ลดดอกเบี้ยจะสร้างความเสี่ยงเงินเฟ้อในประเทศอาจทะลุกรอบนโยบาย และทำให้เงินทุนข้ามชาติไหลออกจากไทย ซึ่งส่งผลกระทบเสถียรภาพในตลาดการเงิน และสร้างผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยด้วย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หวังบประมาณปี58กระตุ้นศก.ต่ออีก6เดือน
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs