shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ราคาทอง12ก.พ.57 ปรับครั้งที่1 รูปพรรณขาย20,300บาท

วันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09:31 น. เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศครั้งที่ 1 โดยคงที่จากเดิม ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ รูปพรรณขายบาทละ 20,300 บาท รับซื้อ 19,510.92 บาท ทองแท่งขายบาทละ 19,900 บาท รับซื้อ 19,800 บาทราคาทองคำและครั้งที่ปรับราคาทองคำปรับครั้งที่ 1 คงที่ รูปพรรณขายบาทละ 20,300 บาท รับซื้อ 19,510.92 บาท ทองแท่งขาย 19,900 บาท รับซื้อ 19,800 บาท เวลา 09:31 น.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ราคาทอง12ก.พ.57 ปรับครั้งที่1 รูปพรรณขาย20,300บาท

Posts related

 














อยากมอบ’กุหลาบ’ให้สุเทพวาเลนไทน์

โพลหอการค้าฯ เผยคนอยากให้ดอกไม้วาเลนไทน์กำนันสุเทพ อันดับ 1 เหนือนายกฯ ปู ด้านดาราเป็น เจมส์ จิ นักร้อง ใบเตย อาร์สยาม พบคนไทยเปิดกว้างมีเซ็กซ์ก่อนแต่ง ชี้วัยรุ่น-วัยทำงาน นัดเสพสม 14 ก.พ. เลือกใช้บ้าน  ห้องเช่ารายวัน เป็นรังรักฉลอง ด้าน สธ.ทำแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า เลิฟ เซย์ เพลย์ เพิ่มทักษะเรื่องความรัก เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ช่วงวันวาเลนไทน์และมาฆบูชาจากประชาชน 1,200 ตัวอย่างว่า บุคคลที่ต้องการมอบดอกกุหลาบให้ในวันวาเลนไทน์มากที่สุด ในกลุ่มนักการเมือง อันดับ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. 10.1% รองลงมาเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 9.1% นายบรรหาร ศิลปอาชา 6% นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 5.8% และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์  ส่วนกลุ่มนักแสดงอันดับ 1 เจมส์ จิ 3.4% เคน ธีรเดช 3% หมาก-ปริญ 2.8% ญาญ่า 2.2% เจมส์ มาร์ 2.2% ขณะที่นักร้องอันดับ 1 ใบเตย อาร์สยาม 5.9% ตูน บอดี้สแลม 4.4% โตโน่ 3.6% กระแต 3.6% กัน เดอะสตาร์ 3.4%  ส่วนพฤติกรรมการฉลองวาเลนไทน์พบว่าคนไทยเปิดกว้างยอมรับรสนิยมชาวตะวันตกเพิ่มขึ้น ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน หรือยอมรับสามีและภรรยาที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน และยังพบว่ากลุ่มวัยทำงานที่ยังโสด น่าจะมีการฉลองสูงสุด รองลงมาเป็นกลุ่มนักศึกษา นักเรียน และคู่สมรส สำหรับสถานที่ที่มีการฉลองมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี นิยมเลือกในบ้านที่ไม่มีใครอยู่ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นอายุ 19 ปีขึ้นไป จนถึงวัยทำงานนิยมใช้ห้องพักรายวัน ขณะที่การทำบุญในวันมาฆบูชาปีนี้ พบว่าปีนี้คนหันมาทำบุญเพิ่มกับคู่รัก ครอบครัวมากขึ้นเนื่องจากตรงกับวันแห่งความรัก และบางส่วนยังใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี และการเมืองกับสังคมมีปัญหาวุ่นวาย อีกทั้งคนยังเริ่มหันนำเงินออมมาใช้ในการทำบุญเพิ่ม เนื่องจากรายได้มีไม่เพียงพอต่อรายจ่าย  ด้านกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณ สุข จัดแถลงข่าว มหกรรมวาเลนไทน์ วัยรุ่นไทยฉลาดรัก รู้จักป้องกันปัญหาทางเพศ หรือ เลิฟ เซย์ เพลย์ ภายหลังพิธีมอบโล่และเกียรติบัตรโรงเรียนที่ชนะเลิศและโรงเรียนที่เข้า แข่งขันวงดนตรีสร้างสรรค์ เพื่อรณรงค์ให้วัยรุ่นฉลาดรัก ปีที่ 2 ประจำปี 2556 โดยมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 400 คน จาก 36 โรงเรียน โดย นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาจากเรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและมีแบบไม่ปลอดภัย ในวัยรุ่นไทยรุนแรงขึ้น ปัญหาที่สะท้อนชัดเจน 2 เรื่องหลัก ประการแรกคือ อัตราการคลอดของแม่วัยใส อยู่ที่ 54 คนต่อการคลอด 1,000 คน สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ประการที่ 2 คือ การป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้นทุกปี มีสัดส่วนสูงกว่าวัยอื่น ๆ ตั้งแต่โรคไม่รุนแรง คือหนองใน ปีละกว่า 6,000 คน ส่วนโรคเอดส์ ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ ขณะนี้ 85% อายุ 15-45 ปี ซึ่งแสดงว่าติดเชื้อมาตั้งแต่วัยรุ่น จากข้อมูลทางวิชาการ พบวัยรุ่นเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าคนปกติ 3-9 เท่า โดยมีอัตราใช้ถุงยางอนามัยต่ำไม่ถึง 50% ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดทำแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า เลิฟ เซย์ เพลย์ เพื่อเพิ่มทักษะเรื่องความรักกับการให้ความรู้เรื่องเพศที่ถูกต้อง  ประกอบด้วยสาระสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ความแตกต่างระหว่างเพศ ธรรมชาติของวัยรุ่นและการปรับตัว 2. ความรักของหญิงชาย และความสัมพันธ์ในเชิงบวก 3.เพศศึกษาและการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและโรคติดต่อ  ทางเพศสัมพันธ์ และ 4.ทักษะชีวิตและทางออกเมื่อเผชิญปัญหา ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนา คาดว่าอีก 2  เดือนจะสมบูรณ์แบบ และสามารถดาวน์โหลดผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และไอแพด       วันเดียวกันที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดกิจกรรม โครงการเสริมสร้างค่านิยมอันดีและสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม “วัยใส ๆ หัวใจสีขาว” โดย น.ส.จันทร์สุดา รักษ์พลเมือง รองปลัด วธ. กล่าวว่า ในปีนี้วันสำคัญทางศาสนา และความเชื่อตามวิถีของตะวันออก และตะวันตกเวียนมาตรงกัน ในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ และวันมาฆบูชา วธ. จึงถือโอกาสส่งเสริมของการกระทำความดีต่อกัน และการแสดงออกทางความรักอย่างบริสุทธิ์ โดยใช้วัฒนธรรมที่แตกต่างกันของทั้งสองวิถีในการเสริมสร้างการเรียนรู้ที่ดี ให้แก่เยาวชนในเรื่องการทำความดี และความรักเชิงบวกทั้งที่มีต่อตนเอง ต่อคนในครอบครัว และต่อผู้อื่น.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อยากมอบ’กุหลาบ’ให้สุเทพวาเลนไทน์

แนะคุมอำนาจธุรกิจผูกขาดสลายคอร์รัปชั่นนักการเมือง

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้จัดงานสัมมนาการปฏิรูปประเทศไทย เรื่อง ’การคอร์รัปชั่นและการผูกขาดทางเศรษฐกิจ” โดยเชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพมาร่วมเสนอแนวคิด เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศในการขจัดปัญหาการคอร์รัปชั่นที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น เห็นได้จากการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของไทยที่ได้คะแนนเพียง 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และอยู่ในลำดับที่ 102 จาก 177 ประเทศ “เดือนเด่น นิคมบริรักษ์” ผู้อำนวยการวิจัยการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ บอกว่า  ระบบการผูกขาดเศรษฐกิจถือว่าเป็นการคอร์รัปชั่นที่น่าเป็นห่วงมากในไทย ซึ่งเป็นการหาเงินได้เร็วและมากด้วย เนื่องจากผู้ให้หรือผู้ดูแลสัมปทานอาจมีส่วนได้เสียกับกิจการที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบว่าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มทุจริตมากที่สุดเกี่ยวกับโครงการหรือการให้สัมปทาน คือ โทรคมนาคม รองลงมาเป็น พลังงานและสาธารณูปโภค, การเกษตร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง เพราะมีกลไกของภาครัฐเข้ามาแทรกแซงตลอดเวลา เช่น โครงการรับจำนำข้าว กิจการที่มีไม่กี่บริษัทประมูลข้าวได้ เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกันหามาตรการในการสลายระบบการผูกขาดเศรษฐกิจ เพราะหากดำเนินการได้จะทำให้การทุจริตคอร์รัปชั่นทยอยลดลงตามไปด้วย เช่น การออกกฎหมายที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นและครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ รวมถึงความเข้มข้น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการเพื่อให้ภาครัฐมีการเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ด้าน “ผาสุก  พงษ์ไพจิตร” อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวยอมรับว่า ประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศ ทั้งนักการเมือง และข้าราชการ มีการเชื่อมโยงกับการคอร์รัปชั่นเพราะเป็นการสะสมทุนและความมั่งคั่งแก่ครอบครัว เพราะนักการเมืองหรือข้าราชการเป็นนักธุรกิจเสียเอง หรือไม่ก็มีครอบครัวประกอบธุรกิจ ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าการทุจริตในเมืองไทยนั้นเกี่ยวข้องกับโครงการใหญ่ ๆ ที่มีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการ ให้สินบนกันจำนวนมาก และยังเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกรดเอ ทั้งคมนาคม, ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, เกษตรและสหกรณ์, ศึกษาธิการ, คลัง, มหาดไทย และตำรวจบางกลุ่ม เป็นต้น “จากการสำรวจในกลุ่มประชาชนที่ขึ้นโรงขึ้นศาลพบว่า 1 ใน 3 มีการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่เพื่อให้ชนะคดี โดยในกลุ่มที่ใช้เงินพบว่า 50% บอกว่าจ่ายเงินแล้วสามารถได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นในเมืองไทยมีอยู่ในทุกวงการทั้งหน่วยงานราชการและกระบวนการยุติธรรม”  เช่นเดียวกับ “สมเกียรติ  ตั้งกิจวานิชย์” ประธานทีดีอาร์ไอ ระบุว่า  ขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจเริ่มตื่นตัวมากกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น จากเดิมที่เฉย ๆ กับการคอร์รัปชั่นแต่ปัจจุบันเริ่มไม่เห็นด้วยมากขึ้น ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือคนในสังคมต้องผลักดันให้ภาคการเมืองเปลี่ยนแปลงทัศนคติในเรื่องนี้ ขณะที่ทีดีอาร์ไอกำลังเป็นห่วงการคอร์รัปชั่นที่ผูกขาดกับเศรษฐกิจเพราะหากไม่สามารถแก้ตรงนี้ได้เชื่อว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นยังมีต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด “อย่างไรก็ตามยอมรับว่างานของราชการที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโครงการเล็กน้อย ๆ ไม่ค่อยมีการทุจริตมากนัก เช่น เรื่องการทำบัตรประจำตัวประชาชน และการทำพาสปอร์ต ซึ่งปัจจุบันสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการอย่างมาก แต่ในส่วนของโครงการใหญ่ ๆ ตรงนี้ยอมรับว่ายังมีการทุจริตอยู่มาก” หันมาที่ภาคเอกชน “วิชัย อัศรัสกร” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นในไทยส่วนใหญ่เป็นการใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พรรคพวก รองลงมาเป็นการให้สินบน เพื่อให้ได้งานหรือโครงการ และการทุจริตเชิงนโยบายจากผู้มีอำนาจทางการเมือง ซึ่งเห็นได้ว่าปัญหาหลักในการคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ดังนั้นยอมรับว่าการรณรงค์ต่อต้านเรื่องนี้ในกลุ่มนักการเมืองทำได้ยากมาก ซึ่งบางคนก็มายืนแถวหน้าในการรณรงค์การต่อต้านกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น แต่เมื่อรณรงค์เสร็จแล้วบางรายก็กลับไปโกงต่อ ขณะที่ “บรรยง พงษ์พานิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน-ภัทร กล่าวว่า การแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชาชน นักธุรกิจ และนักการเมือง เพื่อให้ตื่นตัวกับการต่อต้านเรื่องนี้ และการแก้ปัญหาจำเป็นต้องอดทนเพราะไม่สามารถแก้ปัญหาให้เร็วได้ แต่ในเบื้องต้นควรหามาตรการในการลดอำนาจ ขนาด และบทบาทของภาครัฐลง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจทางการเมืองลงได้ ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องหาแนวทางกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้นด้วย เพราะจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้เงินได้มากขึ้น โดยแนวทางขจัดปัญหาคอร์รัปชั่นในไทย ต้องเริ่มจากการขับเคลื่อนจากประชาชนทั่วไปในการสร้างจิตสำนึก และกดดันคนทุจริตไม่ให้มีที่ยืนในสังคม เพราะหากให้นักการเมืองเป็นแกนนำ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้รับรองว่าวงจรนี้ไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทยแน่นอน. มนัส แวววันจิตร  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แนะคุมอำนาจธุรกิจผูกขาดสลายคอร์รัปชั่นนักการเมือง

Page 1052 of 1552:« First« 1049 1050 1051 1052 1053 1054 1055 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file