shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

หุ้นไทยวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ปิดพุ่ง 18.53 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่3 ก.พ. ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นทันทีที่เปิดตลาด จากนั้นก็แกว่งตัวยืนบวกคึกคักตลอดทั้งวันตามแรงซื้อกลับกระจายในหุ้นกลุ่มต่างๆ ทั้งสื่อสาร พลังงาน และธนาคารพาณิชย์หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาไม่มีเหตุรุนแรงเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ซึ่งสวนกระแสตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปิดลบ โดยระหว่างวันหุ้นไทยทะยานขึ้นสูงสุดที่1,295.13 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,280.90 จุดจนมาปิดตลาดที่ 1,292.81 จุด เพิ่มขึ้น 18.53 จุด หรือ 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25,817.79 ล้านบาท สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด5 อันดับแรก1.  เอไอเอส ปิดที่ 215.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท2. จัสมิน ปิดที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท3. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 170.50 บาทเพิ่มขึ้น 0.50 บาท4. ธ.กรุงไทย ปิดที่ 16.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท5. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 176.00 บาทเพิ่มขึ้น 4.50 บาท     

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หุ้นไทยวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ปิดพุ่ง 18.53 จุด

Posts related

 














สตง.ส่งหนังสือถึงนายกฯยุติรับจำนำข้าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิสรา ได้เผยแพร่เอกสารของน.ส.ประพีร์ อังกินันทน์ รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ส่งหนังสือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ลงวันที่ 30 ม.ค.57 เสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาทบทวน และยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการ หรือแนวทางการช่วยเหลือในลักษณะอื่นแทน เช่น การสนับสนุนปัจจัยการผลิต และให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรยากจน หรือมีรายได้น้อยเป็นลำดับแรก ส่วนกรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรนั้น ให้พิจารณาจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงิน ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงานที่ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกำหนดมาตรการเยียวยา เพื่อบรรเทาผลกระทบและความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย รวมทั้งให้นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อจัดทำรายงานปิดบัญชี และรายงานผลการดำเนินงานในทุกโครงการตั้งแต่ปีการผลิต 47/48 เป็นต้นมา ส่งให้สตง.ตรวจสอบและเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารจัดการข้าว ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่าย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการแก้ปัญหาการผลิตข้าวที่แท้จริง คือปัญหาด้านการผลิต และปัญหาด้านการตลาด ควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล โดยพิจารณาให้บูรณาการแก้ปัญหาหารกผลิตข้าวอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ภายใต้กิจกรรมการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การยกระดับมาตรฐานคุณภาพการผลิตสินค้าข้าวไทย เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการพัฒนาตลาด การวิจัยมูลค่าเพิ่มของสินค้าข้าว ทั้งนี้สตง.ระบุว่า ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลตั้งแต่ ปีการผลิต 54/55 เป็นต้นมา พบว่าการดำเนินงานโครงการมีจุดอ่อน หรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร จนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำ และการทุจริต โดยสตง.ได้สรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญ แจ้งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาให้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโครงการ ตามหนังสือที่เคยแจ้งถึงนายกรัฐมนตรี มาแล้ว 3 ฉบับ นอกจากนี้ ยังระบุว่าผลกระทบจากการดำเนินโครงการ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน และเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน เนื่องจากการดำเนินโครงการมีผลขาดทุนสูงมาก จากการรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของรัฐบาล โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเลือกตามนโยบายรัฐบาล โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 54/55 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี การผลิต 55/56 (ครั้งที่ 1 ) พบว่า สิ้นสุด วันที่ 31 พ.ค. 56 มีผลขาดทุน 332,372.32 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสูงกว่ายอดการปิดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.56 ซึ่งมีผลขาดทุน 220,968.78 ล้านบาท มากถึง 111,403.54 ล้านบาท ชี้ให้เห็นแนวโน้มผลการขาดทุนสูงขึ้น ขณะเดียวกันสตง.ได้ทำหนังสือถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาการจ่ายเงินให้ชาวนาล่าช้า โดยระบุว่า การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี) ปีการผลิต 56/57 จากแหล่งใด ๆ ก็ตาม ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่ขัดหรือแย้ง ต่อบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงานที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องโดยเคร่งครัด และรอบคอบ เพราะหากการดำเนินการดังกล่าว เข้าสู่การวินิจฉัยชี้ขาด โดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แล้วปรากฏว่าการดำเนินการไม่ถูกต้อง ผู้อนุมัติและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สตง.ส่งหนังสือถึงนายกฯยุติรับจำนำข้าว

ยอดตั้งโรงงานม.ค.ยังหดตัวต่อเนื่อง

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ยอดตั้งโรงงานเดือน ม.ค. 57 มีปริมาณที่ลดลงชัดเจนและต่อเนื่องเป็นเดือนที่2ต่อกันจากเดือน ธ.ค. 56 แสดงให้เห็นว่าผลกระทบทางการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจตั้งโรงงานใหม่มาก โดยในเดือน ม.ค. อยู่ที่  254แห่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  23.26%  เป็นการลดลงทุกกิจการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์จากพืช ซึ่งเป็นกิจการที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ลงทุนมากที่สุด ส่วนการจ้างงานอยู่ที่ 5,905 คน ลดลง 6.77% และมูลค่าการลงทุน  8,547 ล้านบาท ลดลง 28.82% ขณะที่ยอดขยายกิจการจากการลงทุน ที่มีอยู่เดิม 30 แห่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.78% จ้างงานเพียง 1,877 คน ลดลง82.22% ทั้งนี้ภาคกลางไม่รวมกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงเป็นภาคที่ลงทุนและขยายกิจการมากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ใกล้สนามบิน ท่าเรือ “ตัวเลขที่ลดลงน่าจะมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ จุดให้บริการของกรมโรงานถูกปิด ทำให้นักลงทุนจำนวนมากไม่สามารถขอใบอนุญาตได้ ประกอบกับความเชื่อมั่นในการตั้งโรงงานที่ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์และความชัดเจนอย่างใกล้ชิด” ขณะที่ยอดการเลิกกิจการเดือน ม.ค. อยู่ที่ 54 แห่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 120 แห่ง หรือลดลง55% เลิกจ้างงาน 1,167 คน ลดลง 81.62% นายณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบ โดยเฉพาะกิจการของเอสเอ็มอี โดยเปิดช่องทางรับข้อมูลปัญหาของผู้ประกอบการเพื่อพิจารณาช่วยเหลือ แต่ยังคงเชื่อว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม ไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมกปปส.มากนัก เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการผลิต แต่อาจมีผลกระทบต่อการขายสินค้าจนกระทบต่อภารการผลิต จึงต้องติดตามผลกระทบต่อไปในระดับหนึ่ง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ยอดตั้งโรงงานม.ค.ยังหดตัวต่อเนื่อง

Page 1088 of 1552:« First« 1085 1086 1087 1088 1089 1090 1091 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file