shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

‘กล้วยไม้ไทย’ ผู้นำไม้ตัดดอก

“ขณะนี้ประเทศอื่น ๆ กำลังประสบปัญหาเรื่องอากาศที่เย็นเกินไป จึงถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่ควรจะรีบคว้าเอาไว้ เพราะอย่างจีนช่วงนี้ทั้งดอกไม้และผลไม้เจออากาศหนาวเย็นจนไม่มีผลผลิต” คุณเจตน์ มีญาณเยี่ยม นายกสมาคมผู้ส่งออกดอกกล้วยไม้ไทย และผู้บริหารสวนกล้วยไม้ไทย ณ จังหวัดราชบุรี บอกระหว่างงานสัมมนาสัญจรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพืชพรรณ ผัก ผลไม้ ดอกไม้ และกล้วยไม้ แม้ว่ากล้วยไม้ของไทยจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศได้ง่าย ๆ เพราะพืชอย่างกล้วยไม้เป็นพืชที่สวยงามจึงต้องมีความพิถีพิถันในการเลี้ยง ต้องมีใจรัก และดอกกล้วยไม้ยังมีความอ่อนไหวต่อการดูแลของเจ้าของ เจ้าของจะต้องให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งข้อจำกัดอันละเอียดอ่อนนี้ประกอบกับสภาพอากาศที่ดูจะเอื้อกว่าอย่างเมืองไทย จึงทำให้ประเทศอื่นจะก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งได้ไม่ง่ายนัก “ที่ผ่านมาเคยมีคนเวียดนามเข้ามาขอดูงาน เพราะเค้าสนใจในเรื่องของดอกไม้มาก แต่หากจะพัฒนาให้เท่าไทยก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง บ้านเราจึงต้องตื่นตัวเพราะจะอาศัยแค่ภูมิปัญญาอย่างเดียวไม่ได้แล้ว จะต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจด้วย แต่เงินทุนก็ยังเป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนึ่งในผู้นำด้านการส่งออกไม้ตัดดอกอย่างสวนกล้วยไม้ไทย คิดที่จะพัฒนาไปถึงระดับการสร้างกรีนเฮ้าส์ที่มีระบบควบคุมเรื่องน้ำและอาหารของต้นอย่างครบวงจร ที่สำคัญคือการแก้ปัญหาเรื่องโรคเชื้อราและเพลี้ยไฟซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสวนกล้วยไม้ เพราะการใช้ยาเพื่อแก้ปัญหานั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก เมื่อโรคและแมลงมีการพัฒนาเพื่อสู้กับยาที่ชาวสวนใช้ด้วยเช่นกัน รศ.จิตราพรรณ เทียมปโยธร ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้วยไม้ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ ระบุว่า แม้วันนี้กล้วยไม้ไทยจะพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถผสมพันธุ์เพื่อให้เกิดสีสันใหม่ ๆ หรือมีเทคนิคการปั่นตาเพื่อเพิ่มผลผลิตของจำนวนต้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องโรคอย่างเชื้อราและเพลี้ยไฟก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก เพราะยาที่นำมาใช้บางชนิดอาจใช้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจเกิดอาการดื้อยา และยาแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อก็มีเทคนิคการใช้งานและผลที่ได้รับแตกต่างกันด้วย “ไทยมีศักยภาพในการผลิตกล้วยไม้ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสมต่อการให้ผลผลิต และเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วเรายังมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยกว่า และมีการปรับปรุงพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่นอกจากขายไม้ตัดดอกแล้ว ขณะนี้ตลาดใหม่ของ  ไทยก็คือจีนที่นำต้นไปเป็นส่วนผสมของยา ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของอุตสาหกรรมกล้วยไม้ไทยด้วย”  ตลาดหลักของกล้วยไม้อันดับหนึ่งคือ ญี่ปุ่น ตามมาด้วยสหรัฐ อเมริกาและยุโรป โดยมีกล้วยไม้สกุลหวายเป็นตัวเอก และสียอดฮิตก็หนีไม่พ้นแดง ขาว ชมพู จะมีแซมเขียวมาบ้างสำหรับญี่ปุ่นที่ต้องการความแตกต่าง โดยในปี 2556 ที่ผ่านมายอดการส่งออกกล้วยไม้ของไทยลดลงราวร้อยละ 3 ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสสำคัญ “ปีนี้เราคาดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากับยุโรปน่าจะดีขึ้น ส่วนญี่ปุ่นถ้าอากาศหนาวยังลากต่อไปอีกยาวก็จะเป็นโอกาสของไทย เพราะถ้าอากาศหนาวดอกไม้ก็จะไม่ออกดอกเช่นกัน จึงต้องอาศัยใช้ดอกไม้นำเข้าแทน ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 2,300 ล้านหรืออาจจะมากกว่านั้น”  นายกสมาคมผู้ส่งออกดอกกล้วยไม้ไทย ระบุ ขณะที่ คุณลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า การจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรได้นั้น เกษตรกรเองต้องมีการปรับตัว เพราะการแข่งขันไม่ใช่เชิงราคาอีกต่อไปแต่ต้องเน้น   ที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก การจะก้าวไปแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเมื่อเปิดเออีซีในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า จะต้องเตรียมความพร้อมที่จะปรับตัว เพิ่มผลผลิต และมาตรฐานของตนเอง เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการจัดงานสัมมนาสัญจรในวันนี้ก็เป็นเวทีหนึ่งในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น จึงอยากเชิญให้ไปร่วมงาน Horti Asia 2014 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ระหว่างวันที่  8-10 พฤษภาคมนี้ เพื่อชมความก้าวหน้าของนวัตกรรมการเกษตรแล้วนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-8670-0900 ต่อ 107 หรืออีเมล hortiasia@vnuexhibitionsap.com หรือ www.facebook.com/Horti.ASIA.Page.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘กล้วยไม้ไทย’ ผู้นำไม้ตัดดอก

Posts related

 














ไมโครซอฟท์ จับมือ ส.อ.ท.เตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีไทยสู่เออีซี

ไมโครซอฟท์มอบออฟฟิศ 365 ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางในไทย เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นายฮาเรซ คูบจันดานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘We Make 70 Million Lives Better’ ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นทำตามคำมั่นสัญญาที่จะยกระดับภาคธุรกิจของไทยให้มีความพร้อมในการแข่งขันบนเวทีโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไมโครซอฟท์ได้ให้การช่วยเหลือในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งไม่ได้มีเพียงสภาอุตสาหกรรมไทยเท่านั้นหากแต่สมาชิกของสภาอุตสาหกรรมที่อยู่ทั่วประเทศก็จะได้รับประโยชน์ในครั้งนี้ด้วย วันนี้เอสเอ็มอีไทยสามารถเข้าถึงเครื่องมือและการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการซึ่งจะช่วยให้ความร่วมมือและการสื่อสารระหว่างกันสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับเอสเอ็มอีไทย และหากภาคธุรกิจเอสเอ็มอีไทยมีความแข็งแกร่งก็จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจของอาเซียนอีกด้วย ไมโครซอฟท์ได้ให้การสนับสนุนสภาอุตสาหกรรมส่วนกลาง และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ 74 จังหวัด ด้วยโปรแกรม Microsoft Office 365 Small Business Premium ประกอบด้วยชุดโปรแกรม ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เต็มรูปแบบ ซึ่งสามารถบริหารจัดการบริการต่าง ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านไอทีซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ทำงานบนคลาวด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะร่วมกันจัดสัมมนาและฝึกอบรมให้ความรู้กับเอสเอ็มอีในไทย ในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไมโครซอฟท์ จับมือ ส.อ.ท.เตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีไทยสู่เออีซี

พาณิชย์โวขายข้าวได้ 7-8 พันล้านบาท

นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดขายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศ 14 ราย รวม 7 แสนตันว่า คาดว่าจะได้เงินชำระค่าข้าวครบทั้งหมด 7-8 พันล้านบาทภายในสิ้นก.พ.นี้แน่นอน โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องรอให้นายนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์อนุมัติก่อน จากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสาร หากได้รับการอนุมัติ กรมฯจะเร่งรัดให้ผู้ส่งออก ที่ได้รับการอนุมัติมารับมอบข้าวภายใน15วัน โดยเริ่มชำระเงินได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปสำหรับปริมาณข้าว 7 แสนตันที่ยื่นซื้อครั้งนี้ เป็นข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำทั้งปีเก่าและปีใหม่หลายชนิดข้าว ทั้งปลายข้าว ข้าวขาว และข้าวหอมมะลิราคาเฉลี่ยที่เสนอซื้อเข้ามาตันละ 10,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดจะเร่งส่งคืนกระทรวงการคลังโดยเร็ว ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ส่งเงินจากการะบายข้าวสต๊อกรัฐบาลเพิ่มไปอีก 6-7 พันล้านบาท“เงินที่ส่งคืนกระทรวงการคลัง ก็จะเร่งนำไปจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนาที่นำข้าวเปลือกเข้าโครงการรับจำนำ ซึ่งแหล่งเงินจะมาจาก 2ส่วนทั้งเงินระบายข้าวและเงินกู้ตามแผนกระทรวงการคลัง”สำหรับแผนการระบายข้าวในปีนี้นั้น จะเร่งดำเนินการหลายช่องทาง โดยในช่วงที่การระบายข้าวผ่านรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตใหม่ ไม่สามารถดำเนินการได้ ก็จะเปิดประมูลข้าวเป็นการทั่วไป 5แสนตัน และให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ยื่นเสนอซื้อเข้ามาเพิ่มเติม รวมทั้งผลักดันให้เอกชนร่วมประมูลข้าวกับรัฐบาลต่างประเทศที่เปิดประมูลเช่น ฟิลิปปินส์ จะเปิดประมูลข้าวเร็ว ๆ นี้ 1 แสนตันนายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าแผนการคืนเงินให้กระทรวงการคลังจ ากการระบายข้าวในปีนี้ อาจคาดเคลื่อนไปจากเป้าหมายเดิม 20%จากที่กำหนดจะคืนเงินค่าข้าวในปีนี้ 1.3-1.4 แสนล้านบาท เพราะติดปัญหาที่การระบายบางช่องทางยังไม่สามารถดำเนินการได้ต้องรอรัฐบาลใหม่ก่อน แต่เชื่อว่าการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ยังคงส่งออกได้ตามเป้าหมาย8.5 ล้านตันแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)โดยสอบถามถึงกรณีการขายข้าวจีทูจี ที่มีปัญหา ถูกปปช.แจ้งข้อกล่าวหาในสมัยของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ว่าสามารถส่งมอบข้าวได้หรือไม่หรือจะให้ชะลอไว้ก่อน เพราะได้ส่งมอบข้าวไปแล้วมากกว่าครึ่งแล้ว ซึ่งต้องรอคำตอบจากปปช.ก่อน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์โวขายข้าวได้ 7-8 พันล้านบาท

Page 1109 of 1552:« First« 1106 1107 1108 1109 1110 1111 1112 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file