shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ลูกหนี้ลีสซิ่งส่อแววเบี้ยวหนี้อ้างการเมืองวุ่น

นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน ทำให้การชำระหนี้ของลูกค้าล่าช้า ออกไปจากปกติ โดยเฉพาะการชำระค่างวดรถยนต์ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการเช่าซื้อ และสถาบันการเงิน ได้เตรียมแผนรับมือกับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไว้แล้วซึ่งยอมรับว่าลูกค้าอาจจะชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลต่อรายได้ในอนาคต และทำให้ธุรกิจเช่าซื้อได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่วนกลุ่มลูกค้าเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบต่อการจำนำข้าว และอาจนำรถยนต์มาจำนำทะเบียนรถ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนนั้น ไม่ค่อยกังวลมากนัก เนื่องจากบริษัทฯมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทยนั้น เชื่อว่าจะได้รับผลดีจากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ทำให้อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ จำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงด้วยความระมัดระวังมากขึ้นและพิจารณากลุ่มเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นด้านนายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้กล่าวว่า เป็นห่วงหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี จะทำให้รายได้ของคนลดน้อยลง และมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้นการปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ จะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ที่กังวลคือสินเชื่อที่ปล่อยไปในช่วงของครึ่งปีแรกในปี 56 ที่ผ่านมามากกว่า เนื่องจากช่วงนั้นค่ายรถยนต์นำแคมเปญดาวน์น้อย ผ่อนนาน ออกมาใช้ ประกอบกับเศรษฐกิจชะลอตัวลง อาจมีผลต่อการชำระหนี้ของลูกหนี้ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เฉลี่ยอยู่ที่ 2% ซึ่งมีแผนปรับลดลงเหลือ 1.2-1.5%ส่วนนายรุ่งโรจน์ จรัสวิจิตรกุลผู้อำนวยการสายอาวุโส บริหารการขายทางกรุงเทพธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า ตัวเลขสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในเดือนม.ค.นี้คาดว่าจะลดลง 25-30% หากเทียบกับเดือนธ.ค.56 เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยบวกกับปัจจัยการเมือง ทำให้ประชาชนไม่มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยขณะที่นายธีรชาติจิรจรัสพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากเพิ่งผ่านไป 20 วันเท่านั้น จึงยังไม่สามารถประเมินได้ แต่โดยปกติแล้ว เดือนม.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงนอกฤดูกาล (โลว์ซีซั่น) ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งยอดการขอสินเชื่อจะลดลงอยู่แล้ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ลูกหนี้ลีสซิ่งส่อแววเบี้ยวหนี้อ้างการเมืองวุ่น

Posts related

 














ครม.ลักไก่ยัดไส้กู้1.3แสนล้าน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 57 ครั้งที่1 โดยมีหนี้สาธารณะลง5,168.92 ล้านบาท จากเดิม 1,321,499.76ล้านบาทเหลือ 1,316,330.84 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนที่ได้ปรับปรุงซึ่งล้วนเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการโดยมติ ครม.โดยหน่วยงานไว้ก่อนวัยที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขณะเดียวกันยังอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงิน วิธีการกู้เงินเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะที่ปรับปรุงนี้ซึ่งหากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆทั้งนี้ในการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวมีประเด็นสำคัญที่ได้ขอปรับเพิ่มวงเงินกู้2 รายการรวมเงิน 143,244ล้านบาท ได้แก่ เงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล13,244 ล้านบาทโดยวงเงินดังกล่าวเป็นเงินกู้เดิมที่ได้บรรจุในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ปีงบประมาณ 56แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กู้เงินไม่ทันวันที่ 30 ก.ย.56 จึงขอบรรจุวงเงินนี้ในแผนฯ เพิ่มเติมในปีงบประมาณ 57 ทั้งนี้เมื่อกระทรวงการคลังหาเงินกู้ครบจำนวนแล้วจะทำให้เงินกู้ที่ใช้เป็นทุนหมุนเวียนของโครงการอยู่ที่ 410,000 ล้านบาทรวมทั้งเงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี)ปีการผลิต 56/57จำนวน 130,000ล้านบาท ซึ่งครม.มีมติเมื่อวันที่3ก.ย.56 ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปีภายใต้กรอบวงเงินรับจำนำข้าวเปลือกของปีการผลิต56/57 จำนวน 270,000ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56และได้เริ่มแจกใบประทวนให้แก่เกษตรกรแล้วเป็นวงเงิน 100,000ล้านบาท และธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้แก่เกษตรกรแล้วจำนวนหนึ่งnจากสภาพคล่องปกติของธ.ก.ส.และพร้อมดำเนินการต่อเนื่องได้ถึงต้นเดือนม.ค.57 ทำให้ต้องการกู้เงินที่ดำเนินโครงการซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธ.ก.ส.และผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าเงินกู้ใหม่เพียง130,000 ล้านบาทเพียงพอสำหรับดำเนินโครงการแล้วโดยส่วนที่เหลือ ธ.ก.ส.จะบริหารจัดการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณรวมกับเงินที่ได้รับจากการระบายผลผลิตและอื่น ๆทั้งนี้ เพื่อรักษาวินัยการคลัง จึงเห็นควรนำเสนอครม.พิจารณาอนุมัติให้กำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมด ให้อยู่ภายใต้วงเงินกู้ไม่เกิน410,000ล้านบาท และเงินทุนของธ.ก.ส. ที่ไม่เกิน 90,000ล้านบาท อย่างช้าที่สุดวันที่31ธ.ค.57

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ครม.ลักไก่ยัดไส้กู้1.3แสนล้าน

เงินสะพัดเลือกตั้งลดเหลือแค่หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์ได้ปรับแนวโน้มการใช้จ่ายเงินในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในวันที่2 ก.พ. 56 ลงจากเดิมคาดว่าจะมีเงินสะพัด 40,000-50,000 ล้านบาท เหลือ ไม่เกิน10,000 ล้านบาท เนื่องจากบรรยากาศในการหาเสียงของพรรคการเมืองค่อนข้างที่ซบเซามากส่งผลให้พรรคการเมืองจ้างงานแก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอัตราต่ำ เช่น การจัดทำโปสเตอร์ สิ่งพิมพ์ การโฆษณาผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ รวมถึงจัดทำเสื้อผ้าสำหรับทีมงานในการหาเสียง เครื่องดื่ม การเช่ารถยนต์และจักรยานยนต์ในการหาเสียง เครื่องเสียงและการจัดอีเวนต์ต่าง ๆ ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งไม่คึกคักส่วนใหญ่บรรดาผู้สมัครส.ส. จากปกติที่บางรายมีการใช้เงินทั้งบนดินและใต้ดินประมาณ 20-30 ล้านบาทแต่ในครั้งนี้เฉลี่ยแค่ 1-2 ล้านบาทยกเว้นพื้นที่แข่งดุเดือดแต่คงมีไม่มาก  ขณะที่บางรายอาจใช้เงินไม่ถึงล้านด้วยซ้ำ เนื่องจากกังวลถึงความชัดเจนว่าในวันที่2 ก.พ. นี้จะมีการเลือกตั้งได้หรือไม่ “เห็นได้จากงบในการทำป้ายคงไม่มาก ส่วนในต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยมีการเปิดเวทีปราศรัย หรือไม่มีการแข่งขันกันรุนแรงทำให้การใช้จ่ายของพรรคการเมืองทั้งเรื่องของบุคลากร การเช่ารถยนต์การออกโฆษณาตามสื่อ หรือแม้แต่การซื้อเครื่องดื่มต่างๆ ก็จะมีปริมาณน้อยลงมาก” นายธนวรรธน์ กล่าวว่าปกติในช่วงก่อนการเลือกตั้ง1 เดือนสื่อต่าง ๆ จะประโคมข่าวของพรรคการเมืองต่าง ๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีคู่แข่งสำคัญ แต่มาครั้งนี้สื่อส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจเรื่องของการชุมนุมประท้วงเพื่อที่จะให้มีการปฎิรูปประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งมากเนื่องจากประชาชนทั่วโลกส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่น ๆ “ยอมรับว่าภาคการบริโภคในช่วงต้นปีนี้ต้องหดตัวแน่นอนเพราะนอกจากประชาชนจะประสบปัญหาค่าครองชีพที่แพงแล้วยังพบว่าเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศประสบปัญหาชะลอตัวต่อเนื่องและยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความชัดเจนก็ทำให้กดดันการใช้จ่ายประชาชนให้น้อยลงไปอีกขณะที่เม็ดเงินสะพัดจากการเลือกตั้งจากเดิมคาดว่าน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3-0.4%แต่ตอนนี้คงลำบากเพราะการใช้จ่ายตรงนี้ของพรรคการเมืองคงลดน้อยลง”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เงินสะพัดเลือกตั้งลดเหลือแค่หมื่นล้าน

Page 1134 of 1552:« First« 1131 1132 1133 1134 1135 1136 1137 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file