shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ครม.ลักไก่ยัดใส้กู้1.3แสนล้าน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 57 ครั้งที่1 โดยมีหนี้สาธารณะลง5,168.92 ล้านบาท จากเดิม 1,321,499.76ล้านบาทเหลือ 1,316,330.84 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนที่ได้ปรับปรุงซึ่งล้วนเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการโดยมติ ครม.โดยหน่วยงานไว้ก่อนวัยที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขณะเดียวกันยังอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงิน วิธีการกู้เงินเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะที่ปรับปรุงนี้ซึ่งหากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆทั้งนี้ในการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวมีประเด็นสำคัญที่ได้ขอปรับเพิ่มวงเงินกู้2 รายการรวมเงิน 143,244ล้านบาท ได้แก่ เงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล13,244 ล้านบาทโดยวงเงินดังกล่าวเป็นเงินกู้เดิมที่ได้บรรจุในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ปีงบประมาณ 56แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กู้เงินไม่ทันวันที่ 30 ก.ย.56 จึงขอบรรจุวงเงินนี้ในแผนฯ เพิ่มเติมในปีงบประมาณ 57 ทั้งนี้เมื่อกระทรวงการคลังหาเงินกู้ครบจำนวนแล้วจะทำให้เงินกู้ที่ใช้เป็นทุนหมุนเวียนของโครงการอยู่ที่ 410,000 ล้านบาทรวมทั้งเงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี)ปีการผลิต 56/57จำนวน 130,000ล้านบาท ซึ่งครม.มีมติเมื่อวันที่3ก.ย.56 ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปีภายใต้กรอบวงเงินรับจำนำข้าวเปลือกของปีการผลิต56/57 จำนวน 270,000ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56และได้เริ่มแจกใบประทวนให้แก่เกษตรกรแล้วเป็นวงเงิน 100,000ล้านบาท และธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้แก่เกษตรกรแล้วจำนวนหนึ่งnจากสภาพคล่องปกติของธ.ก.ส.และพร้อมดำเนินการต่อเนื่องได้ถึงต้นเดือนม.ค.57 ทำให้ต้องการกู้เงินที่ดำเนินโครงการซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธ.ก.ส.และผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าเงินกู้ใหม่เพียง130,000 ล้านบาทเพียงพอสำหรับดำเนินโครงการแล้วโดยส่วนที่เหลือ ธ.ก.ส.จะบริหารจัดการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณรวมกับเงินที่ได้รับจากการระบายผลผลิตและอื่น ๆทั้งนี้ เพื่อรักษาวินัยการคลัง จึงเห็นควรนำเสนอครม.พิจารณาอนุมัติให้กำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมด ให้อยู่ภายใต้วงเงินกู้ไม่เกิน410,000ล้านบาท และเงินทุนของธ.ก.ส. ที่ไม่เกิน 90,000ล้านบาท อย่างช้าที่สุดวันที่31ธ.ค.57

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ครม.ลักไก่ยัดใส้กู้1.3แสนล้าน

Posts related

 














ปรับสนามบินเชียงใหม่รับทัวร์จีน

นาวาอากาศโท หลักชัย เฉลยปราชญ์ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เตรียมพัฒนาสนามบิน เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นโดยในปีงบประมาณ 57 ได้รับงบประมาณ 5.7 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างหลุมจอดขนาดใหญ่ 1หลุมจอด เพิ่มจากเดิม 7 หลุมจอด เป็น 8 หลุมจอด รวมถึงขยายพื้นที่ห้องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศอีก2,000 ตารางเมตร จากเดิมมีพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ตลอดจนปรับปรุงพื้นที่ว่างบริเวณลานจอดรถยนต์ให้เป็นศูนย์โอทอป โดยมีเวลาดำเนินการ150 วัน นอกจากนี้ยังขยายเวลาเปิดให้บริการท่าอากาศยานเป็น 24 ชั่วโมง จากเดิมที่เปิดให้บริการระหว่างเวลา 6.00–24.00น.ซึ่งหลังจากโครงการพัฒนาฯ แล้วเสร็จเชื่อว่าจะทำให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งสนามบินเชียงใหม่ยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง8 ล้านคนต่อปี “การพัฒนาสนามบินครั้งนี้ เพื่อไว้รองรับจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมาตั้งแต่ปี 53 หลังจากมีสายการบินต้นทุนต่ำทยอยเปิดตัวเข้ามาในธุรกิจการบินทำให้ผู้คนหันมาโดยสารทางอากาศมากขึ้น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวจีน ที่เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน” สำหรับสถิติผู้ใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ในปี56 มีผู้โดยสาร 5.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21.67%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคาดว่าปี 57 นี้ สนามบินเชียงใหม่จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น6.2 ล้านคน โดยปัจจุบัน สนามบินเชียงใหม่มีสายการบินที่ทำการบินภายในประเทศ8 สายการบินใน 14 เส้นทาง และสายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ 19 สายการบินใน 18เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางบินตรงเชื่อมกับเมืองใหญ่ของประเทศจีนถึง 10 เส้นทาง ทั้งนี้ สนามบินเชียงใหม่เป็น 1 ใน 6ท่าอากาศยานภายใต้การกำกับดูแลของ ทอท. มีรันเวย์ ขนาด 3,400 เมตรสามารถรองรับอากาศยานได้สูงสุด 24 เที่ยวบินต่อชั่วโมง มีหลุมจอดอากาศยานขนาดใหญ่7 หลุมจอด และหลุมจอดอากาศยานขนาดเล็ก 3 หลุมจอด และอาคารผู้โดยสารมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยได้ได้สูงสุด8 ล้านคนต่อปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ปรับสนามบินเชียงใหม่รับทัวร์จีน

ยางพาราหายใจรดต้นคอข้าว

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา ปฏิบัติหน้าที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมครม.รักษาการณ์รับทราบผลสำมะโนการเกษตรประจำปี 56ตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เสนอ โดยพบว่าล่าสุดในปี 56มีประชาชนถือครองพื้นที่ทำการเกษตรทั้งสิ้น 5.9 ล้านรายหรือ 25.9 % ของครัวเรือนทั้งประเทศมีเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรทั้งสิ้น 114.6 ล้านไร่ หรือครอบครองเฉลี่ยคนละ 19.4 ไร่เพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อน 1.7% นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่ที่ถือครองนั้นมีมากถึง 51.3% เป็นพื้นที่ปลูกข้าวรองลงมาคือพืชไร่ 22.3% อันดับสามคือยางพารา 14.6%  แต่ปรากฎว่าจำนวนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนั้นกลับลดลงในช่วง10 ปีที่ผ่านมาจากเดิมที่เคยปลูก 4ล้านรายเหลือเพียง 3.8 ล้านราย ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวเพิ่มจาก 68.4 ล้านไร่ เป็น 72.8 ล้านไร่โดยที่นาปรังเพิ่มขึ้นมากที่สุด ขณะที่ผู้ปลูกยางพาราเพิ่มขึ้นจาก 6.1 แสนรายเป็น 1.16ล้านรายและพื้นที่เพาะปลูกยางพาราเพิ่มจาก 9.6 ล้านไร่เป็น 16.3 ล้านไร่ ครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคใต้และพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ปลูกยางพาราเพิ่มมากขึ้นเกือบ7เท่า คือจาก 2 แสนไร่เป็น 4.3 ล้านไร่ทีเดียว ทั้งนี้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ถือครองและเนื้อที่ถือครองเพื่อทำการเกษตรมากที่สุดคือ2.8 ล้านราย ถือครองพื้นที่ 53.5 ล้านไร่ขณะที่ภาคกลางมีจำนวนผู้ถือครองและเนื้อที่ถือครองน้อยที่สุด โดยมีเพียง 8 แสนราย ซึ่งมีเนื้อที่ถือครองเพียง 19.2 ล้านไร่เท่านั้น ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนผู้ถือครองทำการเกษตรมากที่สุดคือจังหวัดนคราราชสีมา ถือครอง 2.6แสนรายรองลงมาคืออุบลราชธานี 2.29 แสนราย และศรีสะเกษ 2.03 แสนรายซึ่งทั้ง 3 จังหวัดมีผู้ถือครองทำการเกษตรเกิน 2 แสนราย นอกจากนี้ จากการสำมะโนยังพบว่าผู้ถือครองที่ดินส่วนใหญ่มีรายได้จากผลผลิตทางการเกษตรเกิน1แสนบาทขึ้นไปมากที่สุดถึง 28.6% เพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อน 18.9%และในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่ง เป็นครัวเรือนที่มีหนี้สิน และพบว่าเป็นหนี้สินทางการเกษตร36.9%  หรือเฉลี่ยครัวเรือนละ124,604 บาทและส่วนใหญ่กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) 70.9%

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ยางพาราหายใจรดต้นคอข้าว

Page 1135 of 1552:« First« 1132 1133 1134 1135 1136 1137 1138 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file