shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

จับตาเอ็นพีแอลยอดรูดปื๊ดพุ่ง

นายชาติชาย  พยุหนาวีชัย   รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย  เปิดเผยถึง กรณีที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)มีความเป็นห่วงว่าถ้าการเมืองยืดเยื้อจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศซบเซา และอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ว่า  ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในช่วงนี้ยังไม่กังวลมากนักเนื่องจากเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.1-0.2% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่รับความเสี่ยงได้แต่ต้องติดตามสถานการณืใกล้ชิดว่าปัญหาการเมืองจะออกมาในรูปแบบใด   ส่วนหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารเฉพลี่ยอยู่ที่1% ขณะที่ตลาดรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 2% นอกจากนี้สินเชื่อบัตรเครดิตโดยรวมอยู่ที่270,000-280,000ล้านบาท ถือว่ามีสัดส่วนเพียง 2-3% หากเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบที่มีอยู่ประมาณ11-12 ล้านล้านบาท   นายปิยศักดิ์เตชะเสน  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือเคทีซี กล่าวว่า  บริษัทมีความระมัดระวังหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลอยู่แล้วซึ่งตัวเลขหนี้เสียอยู่ภาวะทรงตัว โดยไตรมาส3/56 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.3%แต่ปีนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเท่าไหร่ เพราะอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน     สำหรับยอใดช้จ่ายบัตรเครดิตในช่วงไตรมาส1/57คาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากผู้บริโภคเกิดความกังวลสถานการณ์ด้านการเมืองมีผลทำให้ยอดการใช้จ่ายลดลงเพราะในเดือนธ.ค. 56 ที่ผ่านมาปกติการใช้จ่ายจะปรับตัวสูงขึ้น  เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลปีใหม่แต่กลับน้อยกว่าที่ประมาณการณ์ไว้และถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน   ดังนั้นต้องรอดูตัวเลขในช่วงตรุษจีนนี้อีกครั้งว่าจะลดลงหรือไม่   “ในช่วงที่กำลังซื้อลดบริษัทได้จัดทำแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค  ซึ่งจะมีแคมเปญใหม่ออกมาสม่ำเสมอส่วนกลุ่มเป้าหมายของบริษัทยังเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับบนเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้ามีปริมาณมากกว่ากลุ่มระดับล่างและความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.5 ล้านรายและปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 15-20%”    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับตาเอ็นพีแอลยอดรูดปื๊ดพุ่ง

Posts related

 














สลากฯลุยเพิ่มโควตาคนพิการ

พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานสลากฯได้ปิดรับลงทะเบียนการจัดสรรสลากให้คนพิการที่ต้องการจะรับสลากไปจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นมีผู้สมัครผ่านทางเว็ปไซต์สำนักงานสลากฯ 100,000 ราย ซึ่งหลังจากนี้ จะตรวจสอบคุณสมบัติกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ของผู้สมัครอีกครั้ง ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ พิจารณาการพิมพ์สลาก และจัดสรรสลากฯ ในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้“ที่ผ่านมา มีกลุ่มอาชีพค้าสลากจำนวนมาก อ้างว่าได้รับความเดือดร้อน เพราะได้รับสลากไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ทำให้สำนักงานสลากฯ ต้องเปิดให้คนพิการลงทะเบียน เข้ารับการจัดสรรสลากเพิ่มเติม ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ คือ เป็นคนพิการที่ขึ้นทะเบียนกับพม. มีเอกสารรองรับจากหน่วยงานราชการ อายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี ประกอบอาชีพค้าสลากได้ด้วยตนเอง และต้องไม่มีโควตาสลากกับสำนักงานสลากฯหรือมีโควตาสลากอยู่แล้ว แต่ได้รับไม่ถึง 6 เล่ม”ทั้งนี้ เชื่อว่าการดำเนินนโยบายเพิ่มโควตาสลากครั้งนี้ จะช่วยลดปัญหาให้ผู้พิการที่ยังไม่ได้รับโควตาในการจำหน่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน รวมทั้งอาจช่วยลดปัญหาขายสลากเกินราคาให้ลดลงบ้าง เนื่องจากมีผู้จำหน่ายและสลากที่มีมากขึ้นอย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผู้สมัครมีจำนวนมาก ซึ่งสัดส่วนที่จะพิมพ์สลากเท่าไรนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอให้ขั้นตอนของการตรวจสอบครบถ้วนก่อน ถึงจะคำนวณสลากฯ เนื่องจากต้องคำนึง ไม่ให้กระทบตลาดที่มีอยู่ปัจจุบันด้วย ขณะที่การจัดสรรโตวตานั้น คาดว่าจะให้หน่วยงานที่มีความเหมาะสมเข้ามาช่วยดำเนินการ รวมทั้งเชิญ ผู้สื่อข่าว และผู้แทนจากสมาคมต่างๆ เข้าร่วมในการจัดสรรอีกด้วยพร้อมกันนี้ได้กันขอให้ผู้พิการ ติดตามขั้นตอนการดำเนินงานอื่น ที่เกี่ยวข้องผ่านการประกาศจากสำนักงานสลากฯ เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรือความสับสน โดยสอบถามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลข่าวสารและเรื่องร้องทุกข์ โทร.0-2345-1466ในวันเวลาราชการตั้งแต่เวลา 07.30-15.30 น. เป็นต้นไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สลากฯลุยเพิ่มโควตาคนพิการ

ผู้ส่งออกขอเลื่อนส่งสินค้า

นายนพพร เทพสิทธาประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกได้เตรียมแผนรับมือการส่งสินค้าจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยการขอเจรจากับลูกค้าต่างประเทศด้วยการขอเลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปเพื่อป้องกันกรณีที่เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงจนไม่สามารถส่งสินค้าตามตามกำหนดเนื่องจากการส่งสินค้าตรงหรือไม่ตรงเวลาจะเป็นความน่าเชื่อถือสำคัญในการทำธุรกิจ “วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศครั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรกดังนั้นผู้ส่งออกต่างก็มีประสบการณ์ในการเตรียมการรับมือบวกมาแล้ว โดยเฉพาะประสบการณ์เหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ซึ่งมาตรการที่ใช้เช่น เลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตามความเหมาะสมของแต่ละสินค้าและผู้สั่งซื้อ” อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้ผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีความกังวลและได้สอบถามเข้ามาว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดที่ตกลงไว้หรือไม่ซึ่งผู้ส่งออกไทยยืนยันว่าจะส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดแต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ซื้อในต่างประเทศบางรายอยู่ในภาวะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทำให้บางรายอาจลดความเสี่ยงด้วยการกระจายแหล่งซื้อสินค้าไปยังประเทศคู่แข่งของไทยได้ใน 3กลุ่มสินค้าคือ อาหาร สิ่งทอและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถนำเข้าทดแทนจากคู่แข่งได้ นายนพพร กล่าวว่า สภาฯ ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้4ระดับ ระดับแรกการชุมนุมเริ่มส่งผลต่อการขนส่งสินค้าและการทำธุรกรรมให้ชะลอลงหรือหยุดชะงัก ชั่วคราว  ระดับ 2ผลกระทบต่อการส่งออกให้หายไปในทันทีทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นแต่เป็นระยะสั้น  ส่วนระดับ3มีปัญหาจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้การส่งออกเริ่มมีปัญหามากขึ้นเพราะกฎระเบียบบางอย่างต้องพึ่งพานโยบายภาครัฐและระดับ 4การชุมนุมไม่มีทีท่าว่าจะจบและมีแนวโน้มยืดเยื้อจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หรือมีรัฐบาลแล้วก็ยังคงมีปัญหาจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงที่สุดแต่ขณะนี้ประเมินสถานการณ์อยู่ระดับ1 นายอัทธ์ พิศาลวานิชคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกไทยในไตรมาสที่1ปี 57คาดว่าจะมีมูลค่า55,800-57,800 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน1.5-1.9%ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง4ไตรมาสติดต่อกันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่เต็มที่และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนการส่งออกตลอดทั้งปี57คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ3.88%หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 233,000– 241,000ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยในไตรมาส 2ส่งออกขยายตัวเป็นบวก4%ในไตรมาส 3 ขยายตัว 7% และ ขยายตัว10%ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการประเมินบนพื้นฐานเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในไตรมาส2 การชุมนุมทางการเมืองและมีรัฐบาลในไตรมาส2 ค่า บาทอ่อนค่าไม่เกิน34บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกอยู่ระหว่าง95-104ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่า4% “ภาพรวมส่งออกปี 57จะดีขึ้นกว่าปี56ที่ติดลบ0.25% และโดยคาดว่าปี57จะขยายตัวช่วง2.06-5.60%ซึ่งมีโอกาสมากสุดที่จะขยายตัว3.88% หรือมีมูลค่า237,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย ปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกปีนี้อันดับแรกคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกความผันผวนของค่าเงินเงินเฟ้อตลาดโลกและปัญหาการเมืองกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภคลงทุน และท่องเที่ยวลดลง”  แม้ว่าสถานการณ์การเมืองภายในประเทศจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้าทำให้เกิดความกังวลต่อการส่งสินค้าของประเทศไทยว่าจะสามารถทำได้ตามกำหนดหรือไม่และคู่ค้าอาจปรับเปลี่ยนคำสั่งซื้อสินค้ากับประเทศอื่นๆในอาเซียนแทน ทั้งนี้ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ความสามารถในการส่งออกสินค้าไทยให้กับประเทศคู่ค้ามั่นใจในการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องและหากไม่มีสถานการณ์ทางการเมืองเชื่อว่าการส่งออกของไทยจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น สำหรับปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนให้กับการส่งออกไทยมากนักเนื่องจากเป็นการอ่อนค่าตามภูมิภาคและประเทศคู่แข่งบางประเทศของไทยค่าเงินอ่อนค่าลงมากกว่าประเทศไทยดังนั้นคาดว่าปี 57ค่าเงินบาทของไทยจะอยู่ในช่วง32.07- 34.24 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 33.16บาทต่อเหรียญสหรัฐอ่อนสุดในรอบ 5ปี อ่อนค่าลง7.90%จากปีที่ผ่านมา “โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาอยู่ในช่วง32.95-35.35บาทต่อเหรียญสหรัฐหรือเฉลี่ยอยู่ที่ 34.15บาทต่อเหรียญสหรัฐและมีโอกาสอ่อนค่าลงไปแตะที่ระดับ35บาทต่อเหรียญสหรัฐได้”                

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ผู้ส่งออกขอเลื่อนส่งสินค้า

Page 1207 of 1552:« First« 1204 1205 1206 1207 1208 1209 1210 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file