วันที่ 3 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15:53 น. เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศครั้งที่ 5 โดยลดลงจากเดิม 50 บาท ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ รูปพรรณขายบาทละ 19,650 บาท รับซื้อ 18,874.20 บาท ทองแท่งขายบาทละ 19,250 บาท รับซื้อ 19,150 บาท
ราคาทองคำและครั้งที่ปรับ
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 5 ลด 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,650 บาท รับซื้อ 18,874.20 บาท ทองแท่งขาย 19,250 บาท รับซื้อ 19,150 บาท เวลา 15:53 น.
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 4 ขึ้น 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,700 บาท รับซื้อ 18,919.68 บาท ทองแท่งขาย 19,300 บาท รับซื้อ 19,200 บาท เวลา 13:37 น.
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 3 ขึ้น 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,650 บาท รับซื้อ 18,874.20 บาท ทองแท่งขาย 19,250 บาท รับซื้อ 19,150 บาท เวลา 12:36 น.
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 2 ลด 50 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,600 บาท รับซื้อ 18,828.72 บาท ทองแท่งขาย 19,200 บาท รับซื้อ 19,100 บาท เวลา 11:04 น.
ราคาทองคำปรับครั้งที่ 1 ขึ้น 200 บาท รูปพรรณขายบาทละ 19,650 บาท รับซื้อ 18,874.20 บาท ทองแท่งขาย 19,250 บาท รับซื้อ 19,150 บาท เวลา 09:22 น.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ราคาทองคำ 3 ม.ค.57 ปรับครั้งที่ 5 รูปพรรณขายบาทละ 19,650 บาท
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องการปรับลดโครงสร้างหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 1 ปีงบประมาณ 57 ด้วยการลดวงเงินก่อหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจลง5,000 ล้านบาท รวมทั้งได้มอบหมายให้ฝ่ายประจำดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการบริหารหนี้สาธารณะเพิ่มเติม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศยังมีความผันผวน โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในประเทศถือปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้สบน. เพิ่มการพิจารณาแผนการชำระหนี้เงินตราสกุลต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทั้งค่าเงินบาท และค่าเงินสกุลหลัก โดยเฉพาะเงินเยนที่มีการปรับตัวอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 48% ของจีดีพี ไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง หรือใกล้กับกรอบวินัยทางการคลังที่ 60% ของจีดีพีจนเกินไป น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ภาพรวมแผนก่อหนี้ลดลงแม้จะมีการกู้เงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส) . อีก 130,000 ล้านบาท เพื่อใช้จำนำข้าวฤดูกาลผลิต 56/57 เนื่องจากตามแผนก่อหนี้เดิมรวมโครงการเงินกู้เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทไว้ โดยระบุว่าในปีงบ 57 ต้องกู้เพื่อมาลงทุนในระยะแรกจำนวน 120,000 ล้านบาท แต่เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประกอบกับต้องรอให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจจึงได้ตัดการก่อหนี้ส่วนนี้ออกไป นอกจากนี้มีรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่กู้น้อยลงจึงทำให้การก่อหนี้ภาพรวมลดลงด้วย “วงเงินกู้ที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว 143,000 ล้านบาท มาจากวงเงินกู้ใหม่ 130,000 ล้านบาท และวงเงินกู้เดิมที่ยังกู้ไม่เต็มวงเงินเหลืออยู่ 13,000 ล้านบาทนั้น เชื่อว่าเพียงพอในการบริหารจัดการ ซึ่งเรื่องนี้ครม.ต้องหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าจะสามารถกู้เงินนี้ได้หรือไม่” 
เมื่อวันที่ 3ม.ค.57 ที่กรมการขนส่งทางบกนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์รักษาการ รมว.คมนาคมเปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจราจรเร่งด่วนในเขตกรุงเทพมหานครว่าได้ร่วมประชุมกับตำรวจตัวแทนจากกรุงเทพมหานครจัดทำแผนรับมือและบรรเทาผลกระทบด้านการจราจร หลังกปปส.เตรียมปิดถนนกรุงเทพฯ20 จุดโดยคาดว่าจะทดสอบระบบขนส่งเพื่อรับมือได้ในวันที่8 ม.ค.นี้โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานหามาตรการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เตรียมเพิ่มเที่ยววิ่งการให้บริการเพื่อขนคนเพิ่ม จากสถานีบางบำรุรังสิต และลาดกระบังเข้ามายังกทม.ให้ถี่มากขึ้นโดยปรับรอบการวิ่งให้เร็วขึ้นเป็น15-20นาทีต่อขบวนรวมทั้งให้นำขบวนรถไฟที่วิ่งในต่างจังหวัดเข้ามาวิ่งเสริมให้เพียงพอส่วนแอร์พอตลิงค์และรถไฟใต้ดินเตรียมเพิ่มขบวนและความถี่ในการวิ่งเช่นกันรวมทั้งจะมีการเปิดให้มีการขายตั๋ววันล่วงหน้า นอกจากนี้ กทม.จะดูแลไม่ให้เกิดปัญหาระบบอาณัติสัญญารรถไฟฟ้าบีทีเอสล่มจนต้องหยุดวิ่งเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยาเตรียมที่จะเพิ่มเที่ยวการวิ่งให้บริการอีก50%รองรับประชาชนได้ 6หมื่นคนต่อวัน สำหรับรถเมล์องค์การขนส่งมวลชน(ขสมก.)ให้เร่งทำแผนการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่เพื่อไม่ให้การเดินของประชาชนต้องหยุดชะงักและอาจให้รถวิ่งบนทางด่วนมากขึ้นโดยอาจใช้พื้นที่บนทางด่วนเป็นสถานีรถเมล์ชั่วคราวโดยรถเมล์จะต้องทำหน้าที่เคอยรับส่งผู้โดยสารเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งอื่นๆด้วยรวมทั้งจัดรถชัตเติ้ลบัสเข้าไปรับถ่ายคนจากบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีรถไฟ ท่าน้ำเรือด่วนเจ้าพระยาและท่าเรือคลองแสนแสบเพื่อเดินทางเข้ามายังกทมชั้นในด้วย “สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดขณะนี้คือปัญหานักท่องเที่ยวที่ลงเครื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองส่วนใหญ่ต้องใช้บริการแท็กซี่เพื่อเดินทางเข้ามาทำธุระหรือธุรกิจในเมือง แต่หากเกิดเหตุคาดว่าแท็กซี่จะปฏิเสธไม่การรับผู้โดยสารขาเข้าเมืองและอาจทำให้นักท่องเที่ยวติดอยู่ที่สนามบินต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน (ทอท.) ไปหารือร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวและสายการบินเตรียมหามาตการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” นายชัชชาติกล่าวว่าให้ทอท.ประสานไปยังสายการบินทุกสายการบินแจ้งข้าวและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาการเดินทางในกรุงเทพมหานครให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบก่อนที่เครื่องจะลงสู่สนามบิน และต้องมีมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าสถานการนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนยกเลิกการเดินทางมาไทยแน่นอน ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถติดตามข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์กระทรวงคมนาคมwww.mot.go.th สายด่วนคมนาคม1356และสถานีวิทยุ สวพ.91 
