shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

อียูพบแมลงวันผลไม้ในฝรั่งจากไทย

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรแจ้งว่า อียูได้ตรวจพบศัตรูพืชที่ควบคุม คือ แมลงวันผลไม้ในฝรั่งที่นำเข้าจากไทย เป็นครั้งที่ 3  และอียูเตือนว่า หากยังตรวจพบศัตรูพืชในผลไม้จากไทยเกิน 5 ครั้งต่อปี หรือตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.56-1ส.ค.57  ก็จะจำกัดการนำเข้าผลไม้จากไทยทันที จึงขอให้ไทยเร่งดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาศัตรูพืช โดยเฉพาะในฝรั่ง มะม่วง และชมพู่นอกจากนี้ อียูยังได้ตรวจพบศัตรูพืชในผักสดจากไทย 5 กลุ่ม (16 ชนิด) ถึง 5 ครั้ง ซึ่งอียูเคยกำหนดเงื่อนไขว่า หากตรวจพบศัตรูพืชในผัก 5 กลุ่ม ของไทยเกินกว่า 5 ครั้งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.56 เป็นต้นมา จะประกาศระงับการนำเข้าผักสดจากไทยทั้งหมดทันที ดังนั้น เพื่อไม่ให้อียูประกาศระงับการนำเข้า กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีมาตรการจำกัดการส่งออกผักสดมาอียูจนกว่าจะพ้นระยะเวลา 1 ปี หรือสิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค.57″หากจำกัดการส่งออกจริง อาจทำให้ผักสดจากไทยขาดตลาดในสหราชอาณาจักร และในประเทศที่เป็นสมาชิกอียู  และจะทำให้ราคาผักสดจากไทยในอียูมีราคาสูงขึ้น ซึ่งจากการสำรวจผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายผักสดจากไทย ที่เป็นห้างซูเปอร์มาร์เก็ต พบว่า ตั้งแต่อียูมีมาตรการตรวจเข้มสารตกค้าง และแมลงศัตรูพืชในผักสดของไทยในปี 53 ราคาปรับตัวสูงขึ้นแล้ว 40-45% ขณะเดียวกัน ผู้นำเข้าได้หันไปนำเข้าจากลาว เวียดนาม มาเลเซีย ไซปรัส และสเปนแทน รวมถึงมีการนำเข้าผักอบแห้งบางชนิด เช่น กระเพราอบแห้งมาจำหน่ายแทนกระเพราะสด”อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ไทยควรส่งเสริมการส่งออกสินค้าอาหารไทยให้ปลอดจากสารตกค้าง ยาฆ่าแมลง และศัตรูพืช ให้เป็นไปตามมาตรฐานของอียู พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการส่งออกผักอบแห้งมาจำหน่ายทดแทนผักสดที่ถูกตรวจสอบการนำเข้าอย่างเข้มงวดด้วย ขณะเดียวกันก็ควรผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุกับกรมวิชาการเกษตรให้มากขึ้นโดยเร็ว เพราะอียูจะให้การรับรองการนำเข้าผักจากโรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาผักขาดแคลนในสหราชอาณาจักร และอียู ซึ่งปัจจุบันมีโรงคัดบรรจุผักที่ขึ้นทะเบียนไว้เพียง 21 รายเท่านั้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อียูพบแมลงวันผลไม้ในฝรั่งจากไทย

Posts related

 














สมอ.เตือนแบตมือถือปลอมระบาด

นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  (สมอ.)เปิดเผยว่า  ขณะนี้มีแบตเตอรี่มือถือปลอมระบาดอย่างต่อเนื่อง  อยากเตือนให้ประชาชนที่ซื้อแบตเตอรี่มือถือ  ระมัดระวังในการเลือกซื้อ อย่าซื้อสินค้าที่เป็นของลอกเลียนแบบ ราคาถูกเกินไป เนื่องจากอาจเกิดเหตุระเบิด อันตรายถึงชีวิตได้   ที่ผ่านมา สมอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจจับผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า ที่จำหน่ายแบตเตอรี่มือถือไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพราะแบตเตอรี่มือถือ เป็นสินค้าที่ได้รับรับมาตรฐานมอก.  เลขที่ 2217-2548   สำหรับมาตรฐาน มอก. เลขที่ 2217-2548  เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน เช่น การระบายความดันภายในส่วนเกิน การป้องกันการแตกร้าว การระเบิดและการติดไฟ ฉนวนต้องสามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าและอุณหภูมิที่สูงเกินปกติ โดยกำหนดให้ผู้ทำและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตก่อนทำและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย  จะต้องแสดงเครื่องหมาย มอก. ที่ตัวผลิตภัณฑ์ หรือระบุชื่อผู้ทำ หรือผู้นำเข้าแล้วแต่กรณี  ส่วนผู้จำหน่ายแบตเตอรี่จะต้องตรวจสอบสินค้าด้วยว่าแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน และชื่อผู้ทำหรือนำเข้าก่อนวางจำหน่าย  โดยให้ผู้บริโภคสังเกตแบตเตอรี่ ที่ได้มาตรฐาน  ให้ดูที่ตัวแบตเตอรี่ จะมีสัญลักษณ์มอก. และบริเวณกล่องแบตเตอรี่ จะมีชื่อผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า  หากไม่มี หรือตัวอักษรดูจาง หรือแปลกๆ  อาจเป็นของปลอมได้   ทั้งนี้หากผู้ผลิต หรือผู้นำ เข้า  ฝ่าฝืนนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามกฎหมาย  มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านหรือทั้งจำทั้งปรับ  ส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับตั้งแต่ 5,000 -50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  โดยมาตรฐานดังกล่าว ไม่ครอบคลุมถึงแบตเตอรี่ที่ติดมากับตัวเครื่อง ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของ สมอ. “ไม่อยากให้ผู้บริโภคเห็นแก่ของถูก เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมาก  หากใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน อันตรายถึงชีวิตได้  ซึ่งที่ผ่านมาทางสมอ.ได้กวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง และจากการตรวจสอบในท้องตลาดพบว่า ยังมีการลักลอบนำเข้าแบตเตอรี่มือถือเข้ามาจำหน่ายจำนวนมาก เช่น ลอกเลียนแบบตราสัญลักษณ์มอก. หรือผู้ผลิต ได้ตราสัญลักษณ์มอก. แล้วผลิตไม่ได้ตามมาตรฐาน   ซึ่งสมอ. ได้ดำเนินการตรวจติดตามและจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายแล้วกว่า 78 ราย และมีนโยบายในการดำเนินการร่วมกับ มีการร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ขยายผลการจับกุมเพื่อสาวไปให้ถึงผู้ลักลอบนำเข้ามาดำเนินคดีต่อไป” อย่างไรก็ตามผู้บริโภคทั่วไป  ที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ได้มาตรฐานมอก. สามารถสอบถามข้อมุลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ . 0 2202 3510, 0 2202 3515  หรือเว็บไซต์สมอ. http://library.tisi.go.th/New-web/T/Info-act/ index.htm      

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สมอ.เตือนแบตมือถือปลอมระบาด

คาดเงินสะพัดเลือกตั้ง5หมื่นล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย  ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่กำหนดในวันที่ 2 ก.พ. 57นี้ คาดว่าจะเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการจัดทำกิจกรรมของพรรคการเมืองรวมกันประมาณ40,000-50,000 ล้านบาทในกรณีที่ทุกพรรคเข้าร่วมการเลือกตั้งเนื่องจากจะทำให้บรรยากาศในการหาเสียงมีความคึกคักมากขึ้น และสามารถ ช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าในระดับ0.3-0.4% “ปีนี้ไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจนทำให้ภาคการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามไปด้วยทั้งๆที่ประชาชนจำนวนมากยังมีเงินเก็บแต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้จ่ายเพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคตและเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งของประเทศอย่างน้อยก็จะทำให้เม็ดเงินที่อยู่ในระบบและเงินใต้ดินลงไปถึงมือประชาชนในหลายๆรอบหมุนเวียนกันไปซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้เป็นอย่างดีอย่างไรก็ตามตอนนี้หลายฝ่ายก็กำลังจับตาว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะคึกคักหรือไม่เพราะหากมีบางพรรคไม่ลงเลือกตั้งโดยต้องการให้ประเทศไทยมีการปฎิรูปก่อนทั้งการปฎิรูปการเมืองสังคม เศรษฐกิจ และการปราบปรามการคอร์รัปชั่นก็จะทำให้การเลือกตั้งไม่คึกคักและคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 20,000 ล้านบาทเพราะพรรคการเมืองใหญ่และกลางที่เหลืออยู่จัดกิจกรรมการหาเสียงที่น้อยลงส่วนธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์ในการเลือกตั้งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดทำโปสเตอร์,สิ่งพิมพ์, การโฆษณา สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็ปไซต์,เสื้อผ้าสำหรับทีมงานในการหาเสียง, เครื่องดื่ม, รถยนต์และจักรยานยนต์ในการหาเสียง,เครื่องเสียง และ การจัดอีเวนต์ต่างๆ เป็นต้นนายธนวรรธน์ กล่าวว่าจากการประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีความสูญเสียประมาณ20,000-30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปประมาณกว่า100,000  คนต่อเดือนแต่ทุกฝ่ายแสดงความชื่นชมที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดเหตุความรุนแรง“ตอนนี้ยังคงมองว่าเหตุชุมนุมโดยไม่มีเหตุรุนแรงอาจลากยาวถึงปลายปีโดยเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโต  3% และคาดว่าปีหน้าจะขยายตัว 4.5%  โดยคาดว่าปีหน้าภาคท่องเที่ยวจะเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยส่วนเศรษฐกิจภาพรวมของไทยน่าจะดีในช่วงไตรมาสที่ 3-4  เพราะต้องรอนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะออกมาโดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนนายธนิต  โสรัตน์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) กล่าวว่า  หลังจากรัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา อันมีผลทำให้สมาชิกส.ส.ทั้งหมดสิ้นสุดสมาชิกภาพ  ดังนั้นท่าทีของภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าการยุบสภาน่าจะลดความกดดันทางการเมืองในช่วงนี้ได้ เนื่องจากการชุมนุมในวันที่ 9  ธ.ค. 56 มีประชาชนออกมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก      สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจพบว่ายุบสภาในครั้งนี้มีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของภาคเศรษฐกิจอย่างน้อยก็รู้ทิศทางของการเมืองได้ในระดับหนึ่ง ในช่วงรอการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง ซึ่งเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้เองเพราะเศรษฐกิจจริงอยู่ที่ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนรัฐบาลเป็นเพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น  ส่วนการบริโภคภายใน  ในช่วงสิ้นปีซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่การบริโภคภายในอาจไม่ขยายตัวมากนัก เพราะสะท้อนจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ต่ำสุดในรอบ22 เดือน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)คาดว่าในปี 56 การบริโภคจะสามารถขยายตัวได้เพียง 1.6%จากเดิมที่กำหนดไว้ 6.5% “ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. 57 การบริโภคภายในน่าจะได้อานิสงส์จากค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งทั้งจากค่าใช้จ่ายด้านการหาเสียง รวมทั้งเงินนอกระบบอีกจำนวนหลายหมื่นล้านบาท  ที่จะเข้าถึงมือรากหญ้า ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในได้บ้าง”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คาดเงินสะพัดเลือกตั้ง5หมื่นล้านบาท

Page 1306 of 1552:« First« 1303 1304 1305 1306 1307 1308 1309 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file