shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

กนอ.ไฟเขียวตั้ง 2 นิคมอุตสาหกรรม

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ กนอ.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ กนอ. ร่วมกับเอกชนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 2 แห่ง คือ นิคมอุตฯ หนองคาย และนิคมอุตฯ เชียงของ ในรูปแบบเอกชนเป็นผู้ลงทุน พัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค เพื่อรองรับการขยายตัวภาคอุตสาหกรรม และรองรับการค้า การลงทุนแนวชายแดนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพื้นที่ 2 โครงการ มี 3,422 ไร่ คาดว่า ทำให้เกิดการลงทุน 110,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 25,000 คนสำหรับนิคมอุตฯ หนองคาย พื้นที่ 2,960 ไร่ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ดำเนินงานโดย บริษัท นาคา คลีนเพาเวอร์ จำกัด ทำเลที่ตั้งใกล้ศูนย์กลางคมนาคมหลัก พร้อมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการประกอบอุตสาหกรรม ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี 34 กิโลเมตร สถานีรถไฟนาทา 13 กิโลเมตร และมีระบบถนนที่สามารถเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่นได้อย่างสะดวก คาดว่า จะทำให้เกิดมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 97,000 ล้านบาท การจ้างงานไม่น้อยกว่า 22,000 คน มีอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ อุตฯ แปรรูปผลิตผลทางการเกษตร อุตฯอาหารและเครื่องดื่ม อุตฯประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตฯชิ้นส่วนยานยนต์ อุตฯ โลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในหนองคายเพิ่มขึ้น และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับจังหวัด และรองรับการขยายการลงทุนด้านอุตสาหกรรมจากต่างประเทศส่วนนิคมอุตฯ เชียงของ พื้นที่ 460 ไร่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ดำเนินงานโดย บริษัท เมืองเงิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะทำให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ต่อพื้นที่ตามแนวชายแดนจังหวัดเชียงราย และอยู่ใกล้ศูนย์กลางคมนาคมหลักของประเทศ ที่เชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่นได้สะดวก ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงราย 60 กิโลเมตร ท่าอากาศยานบ่อแก้ว สปป.ลาว 8 กิโลเมตร และสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย13 กิโลเมตร ซึ่งเป็นนิคมอุต ฯ บริการโลจิสติกส์แห่งแรกของไทยที่กำหนดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ไว้อย่างครบวงจร และคาดว่า การพัฒนานิคมอุตฯ จะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า13,464 ล้านบาท การจ้างงานไม่น้อยกว่า 30,000 คน“บริษัทผู้พัฒนาทั้ง 2 ราย มีประสบการณ์และความสามารถทางด้านธุรกิจในการบริหารและจัดการทั้งด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การบริการจัดการด้านโลจิสติกส์ และมีแนวคิดการพัฒนานิคมอุตฯ เชิงนิเวศมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินโครงการ อีกทั้งมีความรู้ และประสบการณ์ ที่คาดว่าจะพัฒนาโครงการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นิคมอุตสาหกรรม ทั้ง 2 แห่งจะได้รับการสนับสนุนจาก กนอ. ดังนี้ การสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจรพื้นที่ 500 ตารางเมตร ในวงเงินไม่เกิน 10ล้านบาท ยกเว้นค่ากำกับบริการ 2 ปี โดยให้ชำระบริการในปีที่ 5 เป็นต้นไป พร้อมทั้งสนับสนุนในเรื่องการประชาสัมพันธ์โครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศจาก กนอ.”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กนอ.ไฟเขียวตั้ง 2 นิคมอุตสาหกรรม

Posts related

 














นิด้าแนะรัฐเร่งเบิกจ่ายหนุนเอกชน

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ภาครัฐต้องทำหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณค้างท่อปี 57 โดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุน และงบประมาณปี 58 ส่วนแรก ซึ่งรวมกันกว่า 400,000 ล้านบาท ส่วนมาตรการภาษีนั้น แม้จะตอบโจทย์เรื่องความเป็นธรรม แต่เป็นมาตรการที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินงานในระยะสั้น รัฐบาลต้องสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน ด้วยการปลดล็อคใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ซึ่งขณะนี้มีโรงงานที่สร้างแล้วเสร็จ รอเปิดกว่า 800 แห่ง ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน ตลอดจนดำเนินการต่อเนื่องไปถึงในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งอาจจัดให้เป็นมาตรการระยะกลาง ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนอกจากนี้ ต้องใช้โอกาสช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยอำนวยความสะดวก สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว เน้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากบริษัทประกันไม่คุ้มครองให้นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเที่ยวในประเทศที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ดังนั้นหากรัฐบาลเร่งรัดปลดล็อคแก้ไขในส่วนนี้ได้อย่างเร่งด่วน จะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ที่ก่อเกิดรายได้ให้ประเทศได้มากขึ้น"การที่จะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจได้นั้น จำเป็นต้องใช้การดำเนินงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันนั้น ซึ่งนับเป็นอีกประเด็นที่รัฐบาลต้องใส่ใจ และต้องเร่งดำเนินมาตรการที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน และปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว”ที่สำคัญ ต้องให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางเศรษฐกิจ 3 เรื่องหลัก คือ เศรษฐกิจเติบโตในอัตราสูง ซึ่งจะก่อเกิดการจ้างงาน ประชาชนมีรายได้ ,กระจายรายได้เท่าเทียม นั่นคือประชาชนทุกคนได้ประโยชน์ และสุดท้าย คือรักษาเสถียรภาพระดับราคาและค่าเงิน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ที่พึ่งพาภาคต่างประเทศ 72% และพึ่งพาภายในประเทศ 28% โดยต้องให้เกิดความผันผวนของค่าเงินน้อยที่สุด ในระดับที่ผู้ประกอบการรับได้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออก และธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ส่วนเงินเฟ้อนั้น ควรกำกับให้อยู่ในกรอบทั้งนี้ ตามกรอบเป้าหมายทางเศรษฐกิจนั้น บางเรื่องสามารถดำเนินการได้ในระยะสั้น บางเรื่องต้องใช้เวลานาน ถึงจะสัมฤทธิ์ผล เช่น ในส่วนของเป้าหมายการกระจายรายได้เท่าเทียมนั้น ต้องใช้เวลานานในการดำเนินการ ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุผล อาทิ การแก้ปัญหาในภาคเกษตรกร ควรจะดำเนินมาตรการเพื่อการเพิ่มผลผลิตในภาคการเกษตร เพราะนอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลก่อเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน และยังตอบโจทย์เป้าหมายการกระจายรายได้ไปพร้อมกันด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นิด้าแนะรัฐเร่งเบิกจ่ายหนุนเอกชน

มอบป้ายทะเบียน 1กก1111 มูลค่า 25 ล้านบาท

เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 30 ก.ย.57 ที่กรมการขนส่งทางบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้เป็นประธานมอบป้ายทะเบียนรถสวย กรุงเทพมหานคร หมวด 1กก1111 ให้แก่ เจมส์-ธนภัทร ตันติเสเวกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ปี 4 คณะนิติศาสตร์ วัย 19 ปี ซึ่งเป็นทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังจากจังหวัดชลบุรี โดยชนะประมูลด้วยราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์รอบ 11 ปี นับตั้งแต่เริ่มเปิดประมูลมาเมื่อปี 46 ที่ 25 ล้านบาท ทำลายสถิติเดิมในหมวด ญญ9999 ที่ราคา 11 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้ในการประมูลรอบนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังให้สิทธินายธนภัทรออกแบบแผ่นป้ายกราฟฟิกได้เอง โดยได้เลือกแบบป้ายกราฟฟิกเป็น ม้าแปดตัววิ่งบนสายน้ำ แห่งอัญมณีทั้งเก้า สื่อความมงคลหมายถึงการมีโชคดี มีโชคลาภ พร้อมความมั่งคั่งและมั่งคง ซึ่งนายธนภัทรได้เลือกรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีขาว โดยป้ายทะเบียนมีการประมูลมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ทีผ่านมา แต่เพิ่งมีการชำระเงินและรับมอบเมื่อวันที่ 30 ก.ย.นี้ นายอัฌษไธค์กล่าวว่า รายได้จากการประมูลเลขสวยทั้งหมด กรมการขนส่งทางบกนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนำมาใช้รณรงค์อุบัติเหตุทางถนน และจัดกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัย และที่เงินอีกส่วนหนึ่งยังนำไปช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนนแล้วกว่า 321 ล้านบาท สำหรับไฮไลท์การประมูลปีหน้ากรมการขนส่งทางบก ยังจะมีการนำป้ายทะเบียนเลขสวยออกมาให้ประมูลเหมือนเดิมทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยมีไฮไลท์เป็นหมวด 2กก2222 ที่จะประมูลช่วงเดือนก.พ.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับดีเช่นกัน ส่วนไฮไลท์ใหญ่หมวด 9กก9999 จะประมูลอีกที 7 ปีข้างหน้า  ด้านนายธนภัทรกล่าวต่อว่า ดีใจที่ชนะการประมูลหมวดนี้มาได้ และถือว่าได้มาราคาไม่แพง เพราะที่จริงตรเตรียมเงินประมูลไว้ถึง 50 ล้านบาท โดยที่ยอมทุ่มป้ายทะเบียนนี้ เพราะพยัญชนะ ก ถือเป็นพยัญชนะไทยตัวแรก เลข 1 ซึ่งป้ายนี้เหมือนมีเลข 1 เจ็ดตัว มีความหมายดีมากหมายถึงเป็นที่หนึ่ง โดยเมื่อประมูลได้มาแล้วก็ตั้งใจจะมาใช้เองเพราะที่ผ่านมาครอบครัวได้ชื่นชอบทะเบียนเลขสวยอยู่แล้ว ไม่ได้มาประมูลเพื่อนำไปเก็งกำไรและขายต่อ แม้ตอนนี้จะมีคนมาขอซื้อต่อ 33 ล้านบาทแล้วก็ตาม ส่วนการที่เลือกรถเก๋งนิสสัน อัลเมร่า มาติดป้ายทะเบียนประวัติศาสตร์นี้ เพราะอยากให้เห็นว่าไม่ว่ารถยี่ห้ออะไร จะถูกหรือแพงก็สามารถติดป้ายทะเบียนเลขดีเลขสวยได้ และอีกอย่างตนก็ชอบรถรุ่นนี้ เพราะมีรูปทรงที่สวยอยู่แล้ว และตั้งใจนำมาใช้เองนับจากนี้ด้วย “ที่ผ่านมาที่บ้านได้มีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมประมูลป้ายทะเบียนเลขมงคล กับกรมการขนส่งทางบกมาอยู่แล้ว โดยเคยได้ร่วมประมูลทั้งป้ายทะเบียนมงคล กรุงเทพมหานคร และ ป้ายทะเบียนมงคล ของจังหวัดชลบุรี จนขณะนี้มีป้ายทะเบียนมงคลมากกว่า 10 แผ่นป้ายทะเบียน มีทะเบียนที่ประมูลมาต่ำสุดคือ 1 กก 5115 กรุงเทพมหนานคร ที่ 130,000 บาท และสูงสุด คือ  1กก1111 ที่ราคา 25 ล้านบาท โดยการประมูลครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ตนและครอบครัวจะได้ร่วมทำบุญให้กับสังคม เนื่องจากเงินที่ประมูลจะเข้า กปภ. เพื่อนำมาใช้รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนและจัดกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านการขับขี่ที่ปลอดภัย” นายธนภัทรกล่าวว่า ทะเบียนนี้ได้นำมาติดรถยนต์นิสสัน อัลเมร่า รุ่น อี-ซีวีที ราคาประมาณ 4.8 แสนบาท ซึ่งสามารถนำมาซื้อรถยนต์นิสสัน อัลเมร่า ได้มากถึง 50 คัน และที่ผ่านมามีคนมาขอเสนอซื้อมาแล้ว 33 ล้านบาท แต่ไม่ขาย แต่หากได้ถึง 50 ล้านบาทก็ไม่แน่ โดยที่ตนและครอบครัวได้เข้าร่วมประมูลป้ายทะเบียนบ่อยครั้ง อาทิ หมวด ศฐ1111 ศฐ5555 ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เป็นญาติกับป้าเช็ง หรือนางศิริวรรณ ศิริสุนทรินทร์ อายุ 72 ปี เจ้าของน้ำหมักมหาบำบัด   และเคเบิลทีวีเมืองปทุมธานี ช่องซูเปอร์เช็งว่า ไม่ทราบว่าข่าวนั้นมาจากไหน เมื่อถามว่าที่บ้านทำธุรกิจอสังหาฯ บริษัทอะไร ก็ได้แจงว่า ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้มีแผนเข้ามาร่วมประมูลป้ายทะเบียนอื่นต่อ โดยมีเลขในใจแล้วแต่ไม่อยากบอกล่วงหน้าเพราะกลัวราคาจะพุ่งขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : มอบป้ายทะเบียน 1กก1111 มูลค่า 25 ล้านบาท

Page 133 of 1552:« First« 130 131 132 133 134 135 136 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file