shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวลง5แสนราย

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่า กระทรวงฯได้ปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวปีนี้ลงแล้วจากเดิมคาดไว้ 26.5ล้านคน เหลือเพียง26ล้านคนหลังพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองช่วงวันที่1-2ธ.ค.56เฉลี่ยเหลือเพียงวันละ45,420คนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนธ.ค.55ที่วันละ47,000คนทั้งที่เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซี่ซั่น)ขณะที่เดือนพ.ย.ยังมีนักท่องเที่ยวสูงถึง1.56ล้านคนหรือเฉลี่ยวันละ 52,316คน สูงกว่าพ.ย.55ที่มี 1.47ล้านคนหรือเฉลี่ยวันละ 49,182คนส่วนด้านรายได้จากเดิมที่วางไว้13%ก็คงหายไปอีก3%เหลือเพียง10%เท่านั้น โดยปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปนั้น นอกจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองแล้วส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายควบคุมทัวร์คุณภาพนักท่องเที่ยวของประเทศจีนที่ทำให้นักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ของจีนลดลงรวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมการประชุม(ไมซ์)และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล(อินเซนทีฟ)ดังนั้นขณะนี้คงต้องรอดูว่าเหตุการณ์จะยุติได้โดยเร็วแค่ไหน หากสงบได้เร็วก็ยังพอมีเวลาที่ทั้งรัฐและเอกชนเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวได้เต็มที่อยู่เพราะตลอด 10เดือนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวไทยเติบโตได้เกินเป้าหมายมาโดยตลอดระดับ20% ด้านนายศุกรีย์สิทธิวาณิช รองผู้ว่าการด้านการสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวว่าขณะนี้มีประเทศที่ประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดเป็น 36ประเทศแล้วโดยฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวันโรมาเนีย ประกาศแจ้งเตือนระดับ3คือให้ระมัดระวังการเดินทางมาไทยส่วนตุรกียังแจ้งเตือนระดับ2 นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวชนายกสมาคมท่องเที่ยวในประเทศ(สทน.)กล่าวว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์ลดลงไปแล้ว30%ตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมฯหากสัปดาห์หน้ายังไม่ยุติเชื่อว่าเดือนธ.ค.นักท่องเที่ยวในประเทศจะหายไปถึง40%และโดยเฉพาะส่วนกลางที่ปกติจะท่องเที่ยว3ล้านคนจะไม่มีอารมณ์ท่องเที่ยวไป1ล้านคน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวลง5แสนราย

Posts related

 














วางกรอบสอบทจริตข้าวถุง 3 แนวทาง

  นายสมชาติสร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงราคาถูก ที่มีกระแสการสูญเสียและความไม่โปร่งใสขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้กำหนดกรอบการทำงาน 3  ประเด็น ประกอบด้วย การสอบถามอนุกรรมการระบาย และอนุกรรมการกำกับดูแล  ของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)ถึงเหตุผลการอนุมัติให้ระบายถึง 4 ครั้ง เป็นปริมาณ 590,000 ตันจากกรอบรวม 2.5 ล้านตัน,  การจัดจ้างผู้ปรับปรุงคุณภาพข้าวที่เน้นประเด็นความสัมพันธ์ของผู้บริหารบริษัทเอกชนที่เข้ามาดำเนินการว่ามีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ และ ประเด็นตัวแทนจำหน่ายถึงมือประชาชนหรือไม่ในราคาเท่าใด ทั้งนี้คณะกรรมการฯจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและครั้งหน้าที่จะมีการประชุมขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.ซึ่งคณะกรรมการมีอำนาจในการเรียกให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งจากกรมการค้าต่างประเทศกรมการค้าภายใน และองค์การคลังสินค้า (อคส.) มาให้ข้อมูล   “เราจะสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นที่มีข้อสงสัยตามที่มีการอภิปรายในสภา เพื่อตอบคำถามให้ได้ทั้งหมดตอนนี้จะเน้นประชุมทุกสัปดาห์  ไม่ได้บอกว่าต้องทำอะไรเพราะไม่เกี่ยวกับกับพิจารณาวินัยแต่แค่บอกว่าเรื่องนี้ทำผิดหรือไม่ตรงไหนอย่างไร” ส่วนคืบหน้าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวรอบ 1 ปี 56/57ล่าสุดมีข้าวร่วมโครงการแล้ว 5.4 ล้านตันข้าวเปลือก เป็นข้าวเปลือกเจ้า 3.8ล้านตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1.3 ล้านตัน ที่เหลือเป็นข้าวเหนียวและอื่นๆ จ่ายเงินให้ชาวนาแล้วประมาณ 50,000 ล้านบาทขณะนี้กำลังเร่งเพิ่มจุดรับจำนำให้มากขึ้นตามที่ชาวนาเรียกร้องเพราะปริมาณผลผลิตจะออกมามากขึ้น สำหรับการสีแปรและส่งมอบข้าวได้สั่งให้ดำเนินการทุก7 วันตามที่กขช. กำหนด แต่อนุคณะกรรมการกำกับดูแล ได้เพิ่มเกณฑ์การส่งมอบข้าวโดยการส่งมอบข้าวหอมมะลิที่สีแปรนอกพื้นที่เมื่อจะส่งเข้าคลังกลางต้องให้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานมาตรฐานจากกรมการค้าต่างประเทศ ตรวจสอบก่อนทุกครั้ง  ด้านข้าวขาวให้มีการแจ้งก่อนจะเข้าคลังล่วงหน้าเท่านั้นซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยป้องกันการปลอมปนและการนำข้าวอื่นเข้าไปรอไว้ในคลังไว้ล่วงหน้าเพื่อสวมสิทธินายสมชาติ กล่าวว่า การปรับเกณฑ์จากแบบเช่าคลังเป็นแบบฝากเก็บ อนุกรรมการฯได้เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันทีโดยกำหนดอัตราการฝากเก็บเท่าเดิม เช่นเดียวกับค่ารมควัน และค่าเซอร์เวเยอร์แต่จากเดิมจะจ่ายให้แต่ละส่วนนั้นให้เปลี่ยนเป็นการจ่ายให้เจ้าของคลังทั้งหมดแทนซึ่งจะทำให้ความรับผิดชอบต่อข้าวขึ้นอยู่กับเจ้าของคลังหากเกิดความเสียหายต้องร่วมรับผิดชอบด้วย    

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : วางกรอบสอบทจริตข้าวถุง 3 แนวทาง

ธปท.ยังห่วงการเมืองฉุดจีดีพีไม่ถึง 3%

น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สิ่งที่น่ากังวลต่อเศรษฐกิจไทยขณะนี้ คือช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากไทยประสบปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ที่มีการชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.จนถึงขณะนี้กว่า 1 เดือนแล้ว ถือปัจจัยลบซ้ำเติมภาพรวมเศรษฐกิจ ที่ไม่มีปัจจัยบวกทำให้ขยายตัวได้ในระดับสูงอยู่แล้ว โดยคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 นี้ จะเติบโตได้ 1% ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ทั้งปีโตได้ 3% เท่ากับการประเมินภาวะเศรษฐกิจล่าสุดเดือนต.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 4 ทรงตัว “จริงๆ แล้ว ธปท.คาดหวังว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 นี้จะดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น แม้การส่งออกไม่ได้ดูดีทุกตัว เพราะยังมีส่งออกบางตัวที่ฉุดการเติบโตอยู่ แต่บางตัวก็ดีขึ้น แม้อาจไม่ได้ขยายตัวดีตามที่คาดหวังไว้ ดังนั้นหากมองในแง่ดี จะเห็นว่าสัญญาณบวกจากเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น โดยปีหน้าเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับแต่ละเครื่องยนต์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดที่กล้าพูดว่าจะแข็งแกร่งพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เบื้องต้นเชื่อว่าการส่งออกปี 57 จะขยายตัวได้สูงขึ้น จากความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก” ทั้งนี้การปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 3% นั้น หลัก ๆ คือตัวเลขไตรมาส 3 ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริโภค และการลงทุนขยายตัวต่ำกว่าที่คิด แรงส่งลดลงไปมาก รวมถึงภาคการคลังที่ตั้งใจจะกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ แต่เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้แรงกระตุ้นจากภาคการคลังต่ำ รวมทั้ง มูลค่าการส่งออกที่พอเห็นตัวเลข 10 เดือนของปีนี้ โตเพียง 0.1% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อน ทำให้ประเมินว่าทั้งปีคงไม่ได้เติบโตไปมากกว่านี้ โดยตัวหลักที่ฉุดเศรษฐกิจปีนี้ คือ เรื่องโครงการรถคันแรกที่ส่งมอบใกล้หมด และเทียบกับปีก่อนที่ฐานการขยายตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ภาพรวมการอุปโภคบริโภคปีนี้ทั้งปีไม่ค่อยโตมากนัก อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าปี 57 อาจมีมาตรการที่เข้ามาช่วยกระตุ้นภาคการผลิตรถยนต์มากขึ้น เช่น ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ออกรถรุ่นประหยัดพลังงาน และรุ่นใหม่ ๆ ออกมาจูงใจลูกค้า เป็นต้น เป็นแรงส่งให้การอุปโภคบริโภคปีหน้าโตได้ตามสภาพ แต่คงดีกว่าปีนี้ และคาดหวังว่าภาคการคลังในปีหน้าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีกว่าปีนี้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธปท.ยังห่วงการเมืองฉุดจีดีพีไม่ถึง 3%

Page 1340 of 1552:« First« 1337 1338 1339 1340 1341 1342 1343 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file