shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

สคบ.เล็งฟันผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค

นายไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับมอบนโยบายจากนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เตรียมแผนดูแลผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะด้านการเดินทาง เบื้องต้นในสัปดาห์หน้าจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการดูแล จากนั้นจึงลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสถานีขนส่ง และอาจพิจารณาตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนบริเวณสถานีขนส่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้บริโภคแจ้งข้อร้องเรียนต่างๆ ด้วย “แม้ว่าเรื่องการดูแลด้านการเดินทางจะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม แต่สคบ.จะขอเข้าไปดูแลด้วย โดยพร้อมรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค หากได้รับการเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ เช่น การจองบัตรโดยสาร การจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้อง หรือโดยสารรถไปแล้วไม่ถึงที่หมาย ถูกทอ้งกลางทาง รวมไปถึงร้านขายสินค้าในบริเวณสถานีขนส่ง หากผู้บริโภคถูกเอาเปรียบก็สามารถร้องเรียนได้ทันที โดยสคบ.จะรีบขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจจากปคบ. จับกุมผู้ที่เอาเปรียบในทันที” รายงานข่าวจากสคบ. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สคบ.ได้กำหนดแนวทางดูแลผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสำคัญอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์ร้องเรียนการกระทำความผิดจากการให้บริการรถสาธารณะ ซึ่งปีที่ผ่านมาสคบ.ได้ไปตั้งศูนย์บริเวณสถานีขนส่ง 3 แห่ง คือสถานีขนส่งหมอชิต สายใต้ใหม่ และเอกมัย เพื่อรับเรื่องร้องเรียนผู้ที่ถูกเอาเปรียบทุกประเภท ขณะเดียวกันยังรับแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด โดยผู้บริโภคสามารถแจ้งข้อร้องเรียนมายังศูนย์ดังกล่าวได้ หรือโทรศัพท์ผ่านสายด่วน สคบ.หมายเลข 1166 อย่างไรก็ตามในขั้นตอนการตรวจสอบ สคบ.ยังประสานเครือข่ายสคบ.ที่มีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงผู้บริโภค ช่วยติดตามและตรวจสอบการให้บริการของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวด้วย เพราะที่ผ่านมาก็ได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ประกอบธุรกิจให้บริการรถตู้ และรถโดยสารนำเที่ยว รวมทั้งบริษัททัวร์ ไม่ได้แสดงราคาค่าบริการให้ผู้บริโภคได้รับทราบ โดยเฉพาะรถโดยสาร และมีบางรายคิดราคาค่าบริการสูงเกินความจริง ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบอย่างชัดเจน และเบื้องต้นอาจต้องลงพื้นที่ตรวจสอบการให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยให้ผู้บริโภคด้วย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้า และบริการของผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่อาจมีผู้ประกอบการบางรายฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่จำเป็น เช่น โรงแรมและที่พักในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยก่อนหน้านี้ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ราคาค่าที่พัก ในช่วงเทศกาลสำคัญมักมีราคาสูงจนผิดปรกติ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ และสั่งให้ผู้ประกอบการชี้แจงเหตุผลแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารก็จำเป็นต้องตรวจสอบ ว่าได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง คือ มีใบอนุญาตถูกต้อง แสดงราคาในรายการอาหารทุกรายการ การประกอบอาหารมีความสะอาดปลอดภัยด้วยหรือไม่

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สคบ.เล็งฟันผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค

Posts related

 














แรงงานนอกระบบพุ่งกระฉูด

รายงานข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยผลสำรวจจำนวนแรงงานนอกระบบ ในปี 56 ว่า จากจำนวนผู้ที่มีงานทำทั้งหมด 39.1 ล้านคน พบว่า มีผู้ทำงานที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง และไม่มีหลักประกันทางสังคมจากการทำงาน หรือเป็นแรงงานนอกระบบมากถึง 25.1 ล้านคน คิดเป็น 64% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 62% ที่เหลือเป็นแรงงานในระบบที่ไดรับความคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งแรงงานนอกระบบดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ทำงานอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จากการสำรวจแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือเรื่องของค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลมากที่สุดรองลงมาเป็นปัญหาของการทำงานหนัก และงานที่ทำไม่ได้รับการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ที่เหลือเป็นปัญหาเกี่ยวกับการไม่มีสวัสดิการจากภาครัฐเข้ามารองรับที่ชัดเจน ไม่มีวันหยุดงาน ทำงานไม่ตรงตามเวลาปรกติ ชั่วโมงการทำงานมากเกินไปและลาพักผ่อนไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ปัญหาของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่แรงงานนอกระบบประสบมากที่สุด คือ อิริยาบถในการทำงาน เช่น ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทางในการทำงาน รวมทั้งสถานที่ทำงานมีฝุ่น ควัน กลิ่น และแสงสว่างไม่เพียงพอ ขณะที่แญหาความไม่ปลอดภัย แรงงานนอกระบบส่วนมากจะได้รับสารเคมีเป็นพิศมากที่สุด รองลงมาเป็นเรื่องของความปลอดภัยจากเครื่องจักร และได้รับอันตรายจากระบบหูและระบบตา ตามลำดับ ซึ่งปัญหาทั้งหมด เห็นได้ว่า จะส่งผลต่อสุขภาพของกลุ่มผู้ใช้แรงงานโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงประเภทการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจพบว่า แรงงานนอกระบบมากกว่าครึ่งทำงานอยู่ในภาคการเกษตร โดยมีจำนวนมากถึง 15.4 ล้านคน คิดเป็น 61% รองลงมาทำงานอยู่ในภาคการค้าและบริการ รวมถึงภาคการผลิต ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าประกอบกิจกรรมใด นอกจากนี้ในด้านอุบัติเหตุจากการทำงานนั้น พบว่า แรงงานกลุ่มนี้ได้รับบาดเจ็บและประสบอุบัติเหตุมากถึง 4 ล้านคน แบ่งเป็น เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บจากการถูกของมีคมบาดมากที่สุด 66.6% รองลงมาเป็น หลัดตกหกล้ม ชนและกระแทก ไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก ได้รับสารเคมีเป็นพิษ อุบัติเหตุจากยานพาหนะ และไฟฟ้าช็อต ขณะเดียวกันยังพบด้วยว่า อัตราการบาดเจ็บและอุบัติเหตุ ในปี 56 ทั้งหมดนั้น มีค่าเฉลี่ยถึงวันละ 11,100 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มี 10,927 คน ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นนายจ้างควรเข้ามาดูแลและสร้างความปลอดภัยจากการทำงานให้กับแรงงานกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แรงงานนอกระบบพุ่งกระฉูด

แบงก์รัฐลุ้นบอร์ดหั่นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากแม้ว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ปรับลดไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2% ในวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องประชุมหารือกับคณะกรรมการของธนาคารก่อน ซึ่งจะดูสภาพคล่อง และดูต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงหรือไม่ เพราะแต่ละแห่งมีต้นทุนการบริหารงานไม่เหมือนกัน “ก่อนหน้านี้ในการประชุมกนง.เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 56 ที่ผ่านมาได้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งธนาคารได้เป็นผู้นำลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงแล้ว 0.125% แต่ไม่มีธนาคารพาณิชย์แห่งใดลดตาม แต่การลดดอกเบี้ยของกนง.ครั้งล่าสุด ธนาคารจะลดหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการปล่อยสินเชื่อในช่วงนี้ปรับตัวลดลง เพราะเป็นช่วงปลายปี แต่ทั้งปีสินเชื่อจะโตถึง 7% หรือไม่นั้น จะต้องดูตัวเลขในเดือนธ.ค.นี้ก่อน ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท และเงินฝากอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3% ” นายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือธพว. กล่าวว่า คณะกรรมการของธนาคารยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝาก ซึ่งจะต้องประชุมหารือกันอีกครั้ง และเห็นว่าการลดดอกเบี้ยลงไม่ได้มีผลต่อยอดสินเชื่อของธนาคารมากนัก เนื่องจากธนาคารคุมเข้มคุณภาพของสินเชื่อ เพื่อป้องกันหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท และสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แบงก์รัฐลุ้นบอร์ดหั่นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก

Page 1356 of 1552:« First« 1353 1354 1355 1356 1357 1358 1359 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file