shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ส.อ.ท.ระดมสมองแก้คำสั่งซื้อปี57หด

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. เตรียมประชุมหามาตรการแก้ปัญหาคำสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าต่างชาติ เดือน ม.ค. 57 ที่เริ่มหยุดชะงักแล้ว เนื่องจากเกรงว่า หากสถานการณ์การชุมนุมเกิดเหตุรุนแรง ผู้ผลิตสินค้าไทย จะผลิตสินค้าให้ไม่ได้ตามคำสั่งซื้อ จึงหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านแทน ซึ่งหากเป็นออเดอร์ใหม่ ๆ เกรงว่า ลูกค้าจะไม่กลับมาสั่งซื้อสินค้าในไทยอีก เหมือนกรณีน้ำท่วมในปี 54 ลูกค้าบางราย ยกเลิกสั่งซื้อสินค้าไทยถาวร และมีนักลงทุนต่างชาติ สอบถามเหตุการณ์มายัง ส.อ.ท.จำนวนมากว่า สถานการณ์ชุมนุมจะรุนแรงมากน้องเพียงใด ซึ่งส.อ.ท.ไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามหากถามว่า การยุบสภา จะเป็นทางออก หรือคำตอบสุดท้าย เพื่อให้ทุกอย่างกลับไปสู่ภาวะปกติหรือไม่ เป็นการประเมินยาก เพราะหากทุกคนเข้าคูหาเลือกต้ังใหม่แล้ว พรรคไหนมาเป็นรัฐบาล แล้วจะไม่มีการต่อต้านอีก นายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ภาคเอกชนวิตกกังวลมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้าง และสูญเสียความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยทางการเมืองที่ขัดแย้งกันมาเกือบ 10 ปี มองว่าหากท้ายที่สุด รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในความสงบได้ ก็มีทางออกสุดท้ายอย่างเดียว คือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินกันใหม่ แม้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าประเทศจะเดินหน้าไปสู่ความรุนแรง และภายหลังการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่ให้เกิดเหตุใครแพ้ก็มาขับไล่รัฐบาลอีก ถ้าไม่เคารพกติกาประเทศชาติก็ไม่สามารถเดินหน้าไปได้ ด้านนายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท. กล่าวว่า หากรัฐบาลประกาศยุบสภา ฯ สิ่งที่ภาคเอกชนกังวลมากที่สุด คือ นโยบายประชานิยม โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงงาน จากปัจจุบัน 300 บาท ปรับเป็น 400 -500 บาท เนื่องจากจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อผู้ประกอบการ มากกว่าสถานการณ์การชุมนุมที่ยืดเยื้อ กรณีไม่เกิดเหตุความรุนแรง เพราะสถานการณ์การชุมนุมในไทย เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวได้แล้ว แต่ผลกระทบค่าแรงที่ปรับขึ้น ขณะนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังได้รับผลกระทบ จนต้องปิดกิจการอย่างต่อเนื่อง “ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่สายป่านไม่ยาวมาก ยังปิดกิจการอย่างเนื่อง เพราะได้รับผลกระทบจากค่าแรงที่ปรับขึ้นในช่วงต้นปี และถ้ารัฐบาลมีการเลือกตั้งใหม่ แล้วนำนโยบายประชาชนนิยม โดยเฉพาะปรับขึ้นค่าแรงมาใช้ จะยิ่งทำให้เอสเอ็มอี ตายหมดแน่นอน ตอนนี้กลายเป็นว่า ต้นทุนของผู้ประกอบไทยสูงกว่าหลายๆ ประเทศในอาเซียน ถ้ายิ่งปรับขึ้นไปอีก รับรองทั้งมาเลเซีย เวียดนาม พม่า นั่งหัวเราะเยาะไทยแน่นอน เพราะเท่ากับว่า นอกจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ที่ทุกๆประเทศ ได้รับกระทบเหมือนกัน แต่ตอนนี้ เรากลับทำร้ายตัวเองมากยิ่งกว่าผลกระทบเศรษฐกิจโลกอีก” อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การชุมนุมที่ยังยืดเยื้อต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกิดใหม่ เช่น ผู้ประกอบการขายนกหวีด ผ้าพันคอ ของที่ระลึกในงาน สามารถสร้างรายได้แต่ละวันเป็นจำนวนมาก แต่จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และขณะนี้สิ่งที่เอกชน ต้องการคือ ให้รัฐบาลเร่งส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างต่อเนื่อง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ส.อ.ท.ระดมสมองแก้คำสั่งซื้อปี57หด

Posts related

 














ไฟเขียวร.ฟ.ท.กู้ 2.4 หมื่นล้านบาทผุดโครงการปี57

นายธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. ได้เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กู้เงินประจำปีงบประมาณ 57 จำนวน 24,719 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ กู้เงินเพื่อดำเนินการตามแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลเพื่อให้ ร.ฟ.ท. กู้ต่อ 6,924 ล้านบาท มีโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต 710.51 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 3,321 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง 2,892 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีแผนการก่อหนี้ใหม่ของร.ฟ.ท.2,806 ล้านบาท คือ เงินกู้เพื่อการลงทุนในโครงการ (หนี้ในประเทศ) 2,006 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 308 คัน 106 ล้านบาท โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า 50 คัน 885 ล้านบาท โครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม 56 คัน 342.73 ล้านบาท โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับเชิงพาณิชย์ 115 คัน 672.44 ล้านบาท รวมถึงแผนเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่นๆ (หนี้ในประเทศ) 800 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง รายการต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องทั้งหมด 800 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนการปรับโครงสร้างหนี้ 14,989 ล้านบาท ประกอบด้วย สัญญาเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ 57 จำนวน 5 สัญญา และพันธบัตร ร.ฟ.ท. 8 รายการ อย่างไรก็ตามเงินกู้ระยะยาวเพื่อใช้ดำเนินงาน 11,693 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่ได้บรรจุในแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 57 นั้น ล่าสุดร.ฟ.ท.ยังไม่ได้เสนอขอกู้ในครั้งนี้ เพราะจะขอพิจารณาผลการดำเนินงานจริงในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 57 ก่อน โดยจะพิจารณาวงเงินที่เหมาะสมเพียงพอในการเสริมสภาพคล่อง จากนั้นจึงเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขยายระยะเวลาการกู้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร 3,910 ล้านบาท จากปีงบประมาณ 56 เป็นปีงบประมาณ 57

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไฟเขียวร.ฟ.ท.กู้ 2.4 หมื่นล้านบาทผุดโครงการปี57

ประชาชนเร่งขอตรวจเครดิตบูโร

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีประชาชน บริษัท และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสนใจตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเองอยู่ที่ 333,349 รายการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 308,690 รายการ เนื่องจากข่าวสารภัยทางการเงินในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อสูงขึ้นด้วย ส่งผลให้ประชาชนเริ่มตรวจเครดิตด้วยตนเองเพื่อทราบข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องด้วย ขณะที่จำนวนการสืบค้นข้อมูลเครดิตของสมาชิก ธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อและออกบัตรเครดิต รวมถึงทบทวนสินเชื่อในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มีการยื่นขอดูเครดิตบูโรจากระบบฐานข้อมูลประเภทบุคคลธรรมดาอยู่ที่ 22.09 ล้ายรายการ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ 15.65 ล้านรายการ เป็นผลจากการยื่นขอสินเชื่อรถยนต์แม้ว่าการส่งมอบในโครงการรถคันแรกใกล้จะหมดแล้ว ประกอบกับสถาบันการเงินให้ความสำคัญเรื่องการบริหารความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เป็นผลจากหนี้ภาคครัวเรือนขยายตัวสูง สถาบันการเงินจึงทบทวนสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น สำหรับจำนวนการสืบค้นประเภทนิติบุคคลมีทั้งสิ้น 0.267 ล้านรายการ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ 0.174 ล้านรายการ เป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่สถาบันการเงินมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มสินเชื่อดังกล่าว สะท้อนจากการเสนอบริการที่มีความหลากหลายมากขึ้น “รวมการสืบค้นของทั้งสองระบบข้อมูลเครดิตมีทั้งสิ้น 22.36 ล้านรายการ ประกอบด้วยการวิเคราะห์สินเชื่อและออกบัตรเครดิต 10.64 ล้านรายการ การทบทวนสินเชื่อ11.72 ล้านรายการ ขณะที่การวิเคราะห์สินเชื่อและออกบัตรเครดิตมีทั้งสิ้น 10.57 ล้านรายการ การทบทวนสินเชื่อ 5.24 ล้านรายการ” อย่างไรก็ตามปัจจุบันฐานข้อมูลระบบบุคคลธรรมดามีทั้งสิ้น 24.66 ล้านลูกหนี้ หรือ 69.70 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 8.63% ส่วนฐานข้อมูลระบบเชิงพาณิชย์มีทั้งสิ้น 0.26 ล้านลูกหนี้ หรือ 4.40 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 7.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ประชาชนเร่งขอตรวจเครดิตบูโร

Page 1386 of 1552:« First« 1383 1384 1385 1386 1387 1388 1389 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file