shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

หุ้นไทยภาคเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ปิดร่วง 20.59 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (11 พ.ย.) เปิดตลาดต้นสัปดาห์ด้วยความผันผวน โดยดัชนีดิ่งลงแรงกว่า 20 จุดทันทีที่เปิดตลาด จากนั้นก็ไหลลงอย่างหนัก ตามแรงเทขายกระจายในหุ้นกลุ่มต่างๆ สวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความร้อนแรงมากขึ้นจากการยกระดับการชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯที่จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันนี้ ประกอบกับช่วงบ่ายศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาร้อนแรงขึ้น ฉุดให้หุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,384.44 จุด ลดลง 20.59 จุด หรือ 1.47% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13,884.82 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หุ้นไทยภาคเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ปิดร่วง 20.59 จุด

Posts related

 














ราคาทองคำ 11 พ.ย.56 ปรับครั้งที่ 1 คงที่

วันที่ 11 พ.ย.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.25 น.. เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาทองคำในประเทศครั้งที่ 1 คงที่ ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ รูปพรรณขายบาทละ 19,700 บาท รับซื้อ 18,919.68 บาท ทองแท่งขาย 19,300 บาท รับซื้อ 19,200 บาท ราคาทองคำและครั้งที่ปรับ ราคาทองคำปรับครั้งที่ 1 คงที่ รูปพรรณขายบาทละ 19,700 บาท รับซื้อ 18,919.68 บาท ทองแท่งขาย 19,300 บาท รับซื้อ 19,200 บาท เวลา 09.25 น.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ราคาทองคำ 11 พ.ย.56 ปรับครั้งที่ 1 คงที่

เอกชนหวั่นม็อบนกหวีดยืดเยื้อฉุดรายได้ท่องเที่ยว…หล่นวูบ

ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ รายได้จากการท่องเที่ยว…ถือเป็นเครื่องยนต์หลักเพียงเครื่องยนต์เดียว ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 56 เดินหน้าขยายตัวต่อไปได้โดยไม่ตกเหว เพราะลำพังจะพึ่งพิงเพียงแค่รายได้จากการส่งออกเหมือนอดีตที่ผ่านมาอีก คงไม่ง่ายนัก! สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจโลกยังยักแย่ยักยัน…ไม่เห็นหนทางหรือแสงสว่างที่ชัดเจนนัก ตลาดหลักหลายแห่งยังไม่สดใส ขณะที่กำลังซื้อภายในประเทศยังโงหัวไม่ขึ้น ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะขาดแรงกระตุ้นจากมาตรการของรัฐบาล ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยลดน้อยถอยลง ทำให้หลายสำนักวิจัยต่างประเมินว่าตลอดทั้งปี 56 นี้การส่งออกขยายตัวได้ 1-3% เห็นได้จากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจที่ประเมินว่าการส่งออกของไทยในปีนี้คงสามารถขยายตัวได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น ดังนั้นรายได้จากการท่องเที่ยว…จึงเข้ามามีบทบาทเข้ามามีส่วนสำคัญ ช่วยให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางพายุท่ามกลางขวากหนามสารพัด ด้วยเหตุที่ว่าไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีสินค้าท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว เพราะไม่ว่านักท่องเที่ยวจะต้องการสินค้าแบบใด เมืองไทย… สามารถตอบสนองความต้องการได้หมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เทศกาลท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหาร สินค้าพื้นเมือง สินค้าคุณภาพ ที่มีหลากหลายดีไซน์หรือจะเป็นการเข้ามาพักรักษาตัว เสริมความงาม ตีกอล์ฟ และอีกสารพัด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสรรได้ นอกจากนี้…โครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยวในไทย ยังมีอยู่อย่างครบครัน ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก อาหารการกิน รวมไปถึงอุปนิสัยของคนไทยที่เป็นมิตร ได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แม้ในความเป็นจริงแล้วอาจจะยังมีอีกหลายตัวแปรที่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงให้กับนักท่องเที่ยว… ทั้งเรื่องของความปลอดภัย เรื่องการหลอกลวง หรือเรื่องการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ที่นิยม อย่างภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย หรือพัทยา แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ถือเป็นเจ้าภาพได้พยายามดำเนินการและขอความร่วมมือจากหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะ…เป้าหมายสำคัญคือ การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 2.2 ล้านล้านบาท ภายในปี 58 โดยล่าสุดในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 56) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 1.96 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 853,122 ล้านบาทแล้ว ส่วนทั้งปี 56 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 26 ล้านคน ไม่ต่ำกว่า 1.17 ล้านล้านบาท ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ทุกฝ่ายจึงตั้งความหวังไว้กับการท่องเที่ยวไทย ว่าจะกลายเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่จะช่วยบูทช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งแม้แต่แผนพัฒนาชาติเองได้พยายามที่จะปรับโครงสร้างรายได้ของประเทศใหม่จากเดิมที่เน้นในเรื่องของการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว ก็หันมาให้ความสำคัญกับรายได้ท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แม้ว่ารายได้ท่องเที่ยวจะกลายเป็นความหวังเป็นความฝันของคนในชาติ แต่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ทาง “การเมือง” ที่เวลานี้ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องว่าสุดท้ายแล้วการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยใช้นกหวีด เป็นสัญลักษณ์ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ถ้า…ทุกอย่างจบลงได้อย่างรวดเร็ว การชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนในประวัติศาสตร์ ก็เชื่อว่าจะไม่เสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศ ไม่เสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวหวาดกลัว แม้ว่านักท่องเที่ยวจะมองว่าเป็นเรื่องปกติของวิถีทางระบอบประชาธิปไตยก็ตามแต่ตราบใดที่เหตุการณ์ทางการเมืองบานปลาย…ทุกอย่างอยู่เหนือความคาดหมายขึ้นมา เชื่อได้ว่าความหวังความฝันจากการท่องเที่ยวคงจบเห่! หากจำกันได้ เหตุการณ์ชัดเจนที่สุด คงเป็นม็อบเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี 53 โดยขณะนั้นการชุมนุมยืดเยื้อนานหลายเดือน และมีการพัฒนาความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจุดนี้…ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับชาวต่างชาติมากที่สุด จนทำให้สถานทูต 36 ประเทศทั่วโลก ต้องออกแถลงการณ์แนะนำการเดินทางเข้าไทยเริ่มตั้งแต่การเตือนให้ระมัดระวังตัวเองเมื่อมาเมืองไทยมากขึ้น ไปจนถึงเตือนให้ทบทวนการเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เหตุการณ์ม็อบ…ในครั้งนั้น แค่ระยะเวลาการชุมนุมเพียง 1 เดือนเศษ ปรากฏว่าภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเสียรายได้ไปไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ตัวเลขการเติบโตลดลงจากที่คาดการณ์กว่า 20% ไม่เพียงแต่เฉพาะการชุมนุมม็อบใหญ่ ๆ ระดับประเทศเท่านั้นที่สร้างปัญหาให้กับภาคการท่องเที่ยว ม็อบภูมิภาค อย่างการ ประท้วงของม็อบยางพาราในภาคใต้ ที่มีการปิดเส้นทางการเดินทางเชื่อมต่อในภาคใต้แบบข้ามภูมิภาค และเส้นทางเข้ากรุงเทพฯ ก็ได้สร้างความเสียหายกับภาคการท่องเที่ยวไปแล้วกว่า 515 ล้านบาท เพราะการชุมนุมของกลุ่มยางพาราได้ปิดด่านชายแดน รวมทั้งการปิดสนามบิน ทั้งนักท่องเที่ยวไทย และนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์ จึงมีจำนวนลดลง แม้ว่าในขณะนี้ เหตุการณ์ยังไม่ได้รุนแรงเหมือนในครั้งนั้น แต่จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศก็พบว่า มีสถานทูตจาก 8 ประเทศ ได้แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาเมืองไทยแล้ว ทั้ง แคนาดา บราซิล อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวีเดน อิสราเอล ญี่ปุ่น และเขตเศรษฐกิจไต้หวัน ในจำนวนนี้หลายแห่งเป็นการแจ้งเตือนให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมเป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นการเตือนเพียงแค่ระดับ 1 เท่านั้น ขณะที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ประเมินผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไว้ 4 แนวทางคือแนวทางแรกหากการชุมนุมต่อเนื่องและเคลื่อนไหวถึงปีหน้า และมีความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการลงทุน จะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยประมาณ 200,000 ล้านบาท ขณะที่แนวทางที่ 2 การชุมนุมยังคงต่อเนื่องมีการเคลื่อนไหวถึงปลายปี และมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง จนกระทบการท่องเที่ยวและการลงทุน ทำให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท ส่วนแนวทางที่ 3 หากการชุมนุมต่อเนื่องแต่เป็นไป ด้วยความสงบเรียบร้อยจนถึงสิ้นปี และไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและลงทุนมากนักก็จะเกิดความเสียหาย 10,000– 20,000 ล้านบาท และสุดท้ายคือถ้าการชุมนุมสามารถคลี่คลายลงภายใน 1-2 สัปดาห์ด้วยความสงบ เช่น รัฐบาลยกเลิก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านสลายตัวลง ก็จะไม่เกิดความเสียหายของเศรษฐกิจ ดังนั้น…รัฐบาลจึงไม่สามารถที่จะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไปแล้วไปซ้ำรอยเหมือนในอดีตที่ผ่านมาได้อีก เพราะเวลานี้สังคมต้องการคำตอบ…ต้องการความชัดเจนที่ชัดเจนจริง ๆ ไม่เช่นนั้นในอนาคต เมืองที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งยิ้ม อาจจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ยิ้มแล้วแต่อาจกลายเป็นภาพแห่งการนองเลือดแทนก็ได้!!. เอวิกานต์ บัวคง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนหวั่นม็อบนกหวีดยืดเยื้อฉุดรายได้ท่องเที่ยว…หล่นวูบ

Page 1441 of 1552:« First« 1438 1439 1440 1441 1442 1443 1444 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file