shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

เสวนาเพื่อความปรองดองรอบ 2 – พลังงานรอบทิศ

มีข่าวว่าหลวงปู่พุทธอิสระจะให้จัดเสวนาเรื่องการปฏิรูปพลังงานขึ้นอีกครั้ง (หลังจากจัดไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา) ในวันที่ 24 ก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยครั้งนี้จะเน้นพูดคุยกัน เรื่องของพลังงานไฟฟ้า และพลังงานทดแทน ที่คราวที่แล้วไม่ค่อยได้พูดถึง เพราะเวลาไม่พอ และมัวแต่ไปถกกันแต่เรื่องของ ปตท.เสียเป็นส่วนใหญ่ ในฐานะที่ผมเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมอยู่ในเวทีเสวนา เห็นด้วยที่หลวงปู่จะเปิดเวทีสาธารณะให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสมาร่วมกันแสดงความเห็นต่างในเวทีเดียวกันอีกครั้ง แทนที่จะไปต่างคนต่างพูด คนละเวทีให้มวลชนของตัวเองฟัง ซึ่งจะสร้างความสับสนให้ประชาชนอย่างยิ่ง ว่าข้อมูลของใครเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือกันแน่ แต่อย่างไรก็ ตามจากบรรยากาศของการเสวนาครั้งแรก ผมเห็นว่ายังมีข้อที่สมควรปรับปรุงเพื่อให้การจัดในครั้งที่สองนี้มีบรรยากาศที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น อันจะนำสู่การเสวนาที่ีใช้เหตุผล และข้อมูลมาชี้แจงกัน โดยปราศจากการกดดัน การพยายามจับผิด และกล่าวหากัน ซึ่งวิธีการนี้จะนำไปสู่การแสวงหาทางออกร่วมกันได้ในอนาคต แทนที่จะถกเถียงกันไปอย่างนี้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้จบ สิ่งที่ผมอยากจะเสนอให้ทั้งสองฝ่ายหรือ หลวงปู่ในฐานะคนกลางได้พิจารณาคือ 1. วิธีการตั้งคำถามในการเสวนาครั้งที่แล้ว ผมมีความรู้สึกว่า เป็นการตั้งคำถามแบบไม่ต้องการรู้เหตุผล และข้อเท็จจริง แต่เป็นคำถามที่ผู้ถามมีคำตอบของตนเองอยู่ในใจแล้ว (มีธงอยู่แล้ว) และพยายามถามตอบแบบทนายถามจำเลยในศาล ให้ตอบแต่เพียงว่า “ใช่หรือไม่ใช่” “จริงหรือไม่จริง”  ซึ่งการตั้งคำถามในลักษณะนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใดเลย แม้แต่ประชาชนที่ต้องการได้ข้อมูลและข้อเท็จจริง เพราะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการแสวงหาความจริง แต่ถามเพื่อเป้าหมายแห่งชัยชนะของผู้ถามเท่านั้น ดังนั้นในการเสวนาครั้งนี้ขอเสนอให้ผู้ที่ต้องการถามคำถาม ถามให้จบสิ้นกระบวนความ ว่าท่านข้องใจสงสัยในเรื่องใด และต้องการให้ชี้แจงในประเด็นใด ไม่ใช่มานั่งถามทีละคำถามให้ตอบ “ใช่ ไม่ใช่” “จริง ไม่จริง” อีก 2. เราพบว่า ได้มีความพยายามระดมมวลชนมาสนับสนุนฝ่ายตนเป็นจำนวนมาก (แม้แต่ในการเสวนาครั้งที่สองในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ก็ยังมีข่าวออกมาทางโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้มวลชนไปร่วมรับฟังกันให้มาก ๆ) การที่มีมวลชนไปร่วมมาก ๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่ามวลชนตื่นตัว ต้องการมีส่วนร่วม แต่ต้องอยูในระเบียบวินัย ไม่แสดงอาการไม่พอใจ หรือดูถูกด้วยการโห่ฮาป่า เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับความคิดเห็นของตน หรือตรงกันข้ามกันกับฝ่ายที่ตนชื่นชอบ การแสดงปฏิกิริยาอย่างนั้น คือการกดดันฝ่ายตรงกันข้ามไม่ให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรีนั่นเอง และทำให้บรรยากาศของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และมีเหตุผลเกิดขึ้นไม่ได้ เที่ยวนี้ จึงอยากเสนอให้จำกัดผู้เข้าฟัง ไม่ควรมีมากจนเกินไป และต้องควบคุมให้อยู่ในระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนมวลชนที่ระดมกันมานั้น ให้ดูโทรทัศน์วงจรปิดอยู่นอกห้องประชุม ส่วนผู้ที่มาเรียกร้องให้มวลชนฝ่ายตนไปกันมาก ๆ นั้น อยากจะถามท่านว่ากำลังจะใช้มวลชนมาตัดสินกันมากกว่าเหตุผลหรือไม่ อย่าลืมว่านี่เป็นเวทีเสวนา เพื่อความปรองดองนะ ไม่ใช่เวทีปลุกม็อบที่แจ้งวัฒนะ !!!.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เสวนาเพื่อความปรองดองรอบ 2 – พลังงานรอบทิศ

Posts related

 














ดึงผู้ประกอบการลดต้นทุนโลจิสติกส์

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลดต้นทุนภาคอุตสาหกรรมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการในภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยในปี 57จากการสำรวจพบว่า ต้นทุน โลจิสติกส์ต่อยอดขายของกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด5ปีที่ผ่านมาทั้งนี้ ในปี55พบว่าต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายอยู่ที่7.27%ลดจากปีก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่8.47%ขณะที่ในปี57คาดว่า จะมีต้นทุนโลจิสติกส์ลดลงต่ำกว่า7% โดยเมื่อพิจารณาส่วนประกอบแล้วต้นทุนโลจิสติกส์ประกอบด้วยต้นทุนสินค้าคงคลัง ต้นทุนการขนส่งสินค้า และต้นทุนบริหารจัดการ ซึ่งส่วนของต้นทุนสินค้าคงคลังนั้นยังสามารถลดลงได้อีกมาก“กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักโลจิสติกส์หน่วยงานภายใต้สังกัด กพร.ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงอย่างต่อเนื่องทุกปีผ่านโครงการต่างๆ จากนั้นจะมีการเก็บข้อมูลซึ่งเชื่อว่า ปี57จะลดลงต่ำกว่า7%แน่นอน”นายปณิธาน จินดาภูอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในเบื้องต้นพบว่าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมกว่า30โครงการของสำนักโลจิสติกส์ช่วยลดต้นทุนได้กว่า3,500ล้านบาท พัฒนาบุคลากรกว่า 7,500คน ดึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหม่มากกว่า500รายเข้าร่วมโครงการต่าง ๆเพื่อยกระดับมาตรฐานด้านโลจิสติกส์ของไทย สำหรับการพิจารณาระบบโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรมไทยพบว่า ภาพรวมอยู่ในอันดับ3ของอาเซียน เป็นผู้นำในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จุดเด่นของไทยคือผู้ประกอบการมีการนำระบบโลจิสติกส์และระบบไอทีมาใช้ในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและสามารถลดต้นทุนในภาคอุตสาหกรรมได้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดึงผู้ประกอบการลดต้นทุนโลจิสติกส์

สอท.ลดเป้าผลิตรถยนต์เหลือ 2.1 ล้านคัน

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศว่า ยอดการผลิตรถยนต์เดือน ส.ค. 57 มีทั้งสิ้น 140,797 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน27.08%และเมื่อรวมยอดการผลิต 8 เดือน( ม.ค. –ส.ค. ) มีการผลิตทั้งสิ้น 1,244,241 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.31% ทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่งผลให้ล่าสุดกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ส.อ.ท.ได้พิจารณาปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 57 ลดเหลือทั้งปี 2.1 ล้านคันจากเดิมวางไว้ 2.2 ล้านคัน แบ่งเป็น การผลิตเพื่อขายในประเทศ 9 แสนคันจากเดิมคาดว่าจะถึง 1 ล้านคัน และส่งออก 1.2 ล้านคัน“ยอดขายรถยนต์ในประเทศ 8 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 579,243 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน38.3% ขณะที่การส่งออก 8เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 741,382 คัน เพิ่ม 100.13%ดังนั้นหากให้เป็นไปตามเป้าหมายการส่งออกคงไม่มีปัญหาที่จะอยู่ที่1.2 ล้านคัน แต่สิ่งที่กังวลคือยอดขาย ในประเทศที่จะต้องได้ในระดับ9 แสนคันดังนั้น 4 เดือนที่เหลือจากนี้จะต้องทำให้ได้เดือนละ 8 หมื่นคันเราเองก็หวังว่า ไตรมาสสุดท้ายรัฐจะเริ่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ในเดือนธ.ค. เป็นตัวกระตุ้นยอดขาย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สอท.ลดเป้าผลิตรถยนต์เหลือ 2.1 ล้านคัน

Page 182 of 1552:« First« 179 180 181 182 183 184 185 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file