shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

‘ทีโอที’ ติวเข้มเด็กไทยทำเว็บซื้อขายสินค้าชุมชน – ช็อปฉลาดตลาดอัจฉริยะ

ขึ้นชื่อว่าโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที และด้วยตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโต เราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา  นางสมจิตต์  ธีระชุติกุล   ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักการตลาด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ปัจจุบันการใช้งานไอซีทีของเด็กและเยาวชนมีการนำไปใช้อย่างไม่สร้างสรรค์ ไม่เกิดประโยชน์  โดยปีที่ผ่านมา ทีโอที ได้จัดทำโครงการ “ทีวายซี (TYC ) เด็กไทยมีดี  ใช้ไอทีเพื่อชุมชน” จำนวน 11 ชุมชน ที่ไม่ใช่แค่ใช้ไอทีถูกวิธี แต่ต้องเกิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชนของตนเองอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การเกิดกิจกรรมซีเอสอาร์ (CSR)สมัยก่อน จะเน้นมอบสิ่งของ สร้างอาคาร ฯลฯ ให้กับชุมชน พื้นที่ห่างไกลแล้วก็จบ แต่โครงการดังกล่าว ทีโอที จะเน้นการมีส่วนร่วม พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม อย่างยั่งยืนโดยใช้ไอซีที ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   สำหรับ ทีวายซี มีชุมชนต้นแบบ 11 ชุมชน ครบทุกภาค ประกอบด้วย ชุมชนบ้านบอม จ.ลำปาง  ชุมชนบ้านกร่าง จ.พิษณุโลก ชุมชนบ้านสำราญ จ.ขอนแก่น ชุมชนบ้านกุดชุมแสง จ.ชัยภูมิ ชุมชนบ้านรางไม้แดง จ.ราชบุรี ชุมชนบ้านโพ จ.พระนครศรีอยุธยา  ชุมชนบ้านดง จ.นครนายก ชุมชนบ้านช่องแสมสาร จ.ชลบุรี ชุมชนบ้านเกาะบูโหลน จ.สตูล ชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช  และชุมชนบ้านบางเพรียง จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ ได้ขยายการดำเนินงานไป 3 ชุมชนใหม่คือ ชุมชนตำบลทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์  จ.ปัตตานี  ชุมชนตำบลตะปอเยาะ   ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และชุมชนตลาดสามชุก ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ในส่วนของการดำเนินงานคือ เน้นการพัฒนาความรู้ และทักษะการใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชน โดยการพัฒนา เด็ก โรงเรียน ชุมชน สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน มีการบูรณาการแบบมีส่วนร่วม หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลชุมชน ในระดับชุมชน และระดับประเทศ “เราจะร่วมกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่นจัดอบรมในการใช้ไอซีที ตั้งแต่การถ่ายภาพและตกแต่งภาพ การถ่ายทำและตัดต่อวิดีโอ ทำสื่อออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก  ยูทูบ เว็บไซต์   และทีโอที อี-มาร์เก็ต (TOT e-market) เพื่อการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ชุมชนของตนเอง”  ในส่วนของการดูแลเฟซบุ๊กของชุมชน นั้น เยาวชนจะต้องนำข้อมูลสินค้าโอทอปของชุมชน ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ข้อมูลวัฒนธรรมท้องถิ่น มาประชาสัมพันธ์บนเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตอบข้อซักถามต่าง ๆ จากผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม เว็บเพจของชุมชน ส่วนยูทูบ จะต้องมีผลงานด้านการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการทำวิดีโอที่เป็นสารคดี การทำวิดีโอแนะนำสินค้า หรือการทำเป็นภาพยนตร์โฆษณา เพื่อการโปรโมตชุมชนของตนเองทั้งแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยทีโอทีอยู่ระหว่างคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาเสนอขายผ่านเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ในการต่อยอดชุมชนเดิม มีแนวทางในการสร้างความยั่งยืนด้วยการสร้างเศรษฐกิจให้ชุมชน คือ การสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยใช้ช่องทางของศูนย์บริการลูกค้าของทีโอทีกว่า 300 แห่ง ในการวางขายสินค้าของชุมชนเพื่อเพิ่มรายได้ บวกกับการขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก  สำหรับขั้นตอนในการขายผ่านเฟซบุ๊ก    ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการขายสินค้าผ่านช่องทางนี้จำนวนมาก ทีโอที จะนำแอพพลิเคชั่นบริหารจัดการงานขายมาช่วยให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยมี 5 ขั้นตอนคือ สอบถามสินค้าผ่าน อินบ็อกซ์  สั่งจองสินค้า ชำระเงิน, โอนเข้าบัญชีหรือผ่านบัตรเครดิต แจ้งสถานะการชำระเงิน ใส่ข้อมูลที่อยู่เพื่อจัดส่งสินค้า  ส่งออร์เดอร์ ให้ร้านค้าเพื่อจัดส่งข้อมูลเข้าระบบ  นอกจากนี้ ทีโอที ยังมีกิจกรรมพิเศษโดยพาพาร์ทเนอร์แต่ละกลุ่มเข้าไปสัมผัสกับชุมชนต่าง ๆ ตามไลฟ์สไตล์การชื่นชอบ เพื่อต่อยอดการท่องเที่ยวและกระตุ้นการซื้อสินค้าในแต่ละชุมชน โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี หากคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายแล้วหลักหลายล้านบาท ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย  ผู้สนใจสามารถเข้าไปเลือกชมคลิปวิดีโอ บนยูทูบที่แนะนําแหล่งท่องเที่ยว กว่า 34 คลิป 11 เว็บไซต์ ที่ https://www.facebook.com/TOTyoungclubpage เพื่อลิงก์ไปยังเว็บเพจของแต่ละชุมชนต่อไป ถึงแม้ว่าเม็ดเงินการซื้อขายออนไลน์ของชุมชนแต่ละชุมชนจะยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่สิ่งที่เชื่อว่าหากได้รับการเผยแพร่ มีการดึงจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครมานำเสนอ อีกไม่นานชุมชนนั้น ๆ จะกลายเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียง มีคนรู้จักทั่วโลก เพราะ ทีโอที อยู่ระหว่างจัดทำเว็บไซต์ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษออกมาเผยแพร่ด้วย. กัญณัฏฐ์ บุตรดี Kanyanat25@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘ทีโอที’ ติวเข้มเด็กไทยทำเว็บซื้อขายสินค้าชุมชน – ช็อปฉลาดตลาดอัจฉริยะ

Posts related

 














กสทโอ่รายได้ครึ่งปีแรกกว่าสองหมื่นล้าน

กสท เผยรายได้ครึ่งปีแรก 25,260 ล้านบาท กำไร 602 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 500 ล้านบาท คาดรายได้สิ้นปีอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท กำไรไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาท เร่งส่งแผนฟื้นฟูธุรกิจให้ ซูเปอร์บอร์ดพิจารณา นายกิตติศักดิ์  ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า รายได้จากการดำเนินธุรกิจของ กสท ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 25,260 ล้านบาท รายจ่าย 24,658 ล้านบาท กำไร 602 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่ามีรายได้ทั้งปีที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  กำไร 1,240 ล้านบาท  โดยเป็นรายได้ที่ไม่รวมรายได้ที่มาจากสัมปทาน ทั้งนี้ ตั้งเป้ากำไรทั้งปีไว้ที่ 1,240 ล้านบาท แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถทำกำไรได้ถึง 17,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ จะต้องเร่งทำแผนให้มีความชัดเจน ในกรณีการดำเนินธุรกิจที่ซ้ำซ้อนกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ความไม่คล่องตัวในการบริหารจัดการเพราะยังมีกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจหากเทียบกับเอกชน  อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการขอคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในช่วงคลื่นที่ไม่ได้ใช้งานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ  (กสทช.) อย่างไรก็ดีจะส่งแผนการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ  (ซูเปอร์บอร์ด) ภายในเดือนนี้ “นอกจากเรื่องคลื่นความถี่แล้วยังมีปัญหาคู่สัญญาสัมปทาน ทั้งเรื่องการโอนทรัพย์สิน การฟ้องร้องที่ยังอยู่ในชั้นศาล ซึ่ง กสท ต้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซูเปอร์บอร์ด) เพื่อทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่วนการเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ในอนาคตนั้น หากมีการเปิดประมูล กสท จะเข้าร่วมประมูลด้วยเพราะรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์มือถือมีสัดส่วนที่ 67% ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั้งหมด ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจสำคัญของ กสท ด้วย” นายกิตติศักดิ์ กล่าว.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสทโอ่รายได้ครึ่งปีแรกกว่าสองหมื่นล้าน

กสทช.หารือกรณีไม่สามารถดูทีวีดิจิตอลผ่านจานไอพีเอ็ม

วันนี้ (27 ก.ค.) นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า ได้เชิญผู้บริหารของบริษัทไอพีเอ็ม แพลทฟอร์ม จำกัดมาชี้แจงปัญหาและหาทางออกกรณีผู้บริโภคร้องเรียนมายังสำนักงาน กสทช. ในช่วงปลายเดือนพ.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่สามารถรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล และไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้ อย่างไรก็ตาม ได้รับคำชี้แจงจาก บริษัท ไอพีเอ็ม ว่า มีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งรับสัญญาณผ่านดาวเทียม NSS6 ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้บริโภคไม่สามารถรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลทั้ง 24 ช่องผ่าน Must carry โดยภายหลังบริษัทฯ ได้เจรจากับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จึงส่งการถอดรหัสให้จานไอพีเอ็มสำหรับลูกค้าที่รับชมผ่านดาวเทียมไทยคม ดังนั้น ขณะนี้จึงยังคงมีปัญหาสำหรับจานไอพีเอ็มที่มีหัวรับได้เฉพาะดาวเทียม NSS6 จากลักเซมเบิร์ก ที่ยังไม่สามารถรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลได้ เนื่องจากฟรีทีวีดิจิตอบทั้ง 24 ช่องไม่ได้จ่ายเงินค่าโครงข่ายให้กับบริษัทไอพีเอ็มฯนายมานพ โตการค้า ผู้บริหารบริษัท ไอพีเอ็ม แพลทฟอร์ม จำกัด ชี้แจงว่า ขณะนี้มีผู้ชมราว 7 แสนกล่องที่รับผ่านหัวจานไทยคมได้แล้ว แต่ยังคงมีอีก 3 ล้านกว่ากล่องที่เป็นจานรับหัวเดียวจาก NSS6 ทำให้รับชมทีวีดิจิตอลไม่ได้ จึงเสนอให้ผู้บริโภคที่อยู่ในกลุ่มหลัง คงต้องจ่ายเงินเพื่อติดหัวจานไทยคมหรือซื้อกล่องใหม่ หรือขอให้ กสทช. เจรจาการ Must carry ผ่านโครงข่ายของบริษัทไอพีเอ็มฯ บนดาวเทียม NSS6 โดยรวมทั้ง 24 ช่องพร้อมกัน เพื่อค่าใช้จ่ายโครงข่ายจะได้ถูกลงในส่วนของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อนุคุ้มครองผู้บริโภคฯ ขอให้บริษัทไอพีเอ็มจัดการแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนกับผู้บริโภคทั้ง 24 ราย รวมผู้บริโภคที่ต้องการคืนกล่องด้วย นอกจากนั้น อนุค้มครองผู้บริโภคฯ ขอให้บริษัทไอพีเอ็มฯ ชี้แจงปัญหา ผลกระทบ และข้อเท็จจริงมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่อนุกรรมการฯจะได้มีแนวทางพิจารณาเสนอ กสท.ต่อไป เพราะแม้ดาวเทียม NSS6 จะไม่ได้เป็นดาวเทียมทางการที่ได้รับใบอนุญาตหรือสัมปทานในประเทศไทย แต่ในข้อเท็จจริงแล้วมีผู้บริโภคที่มีกล่องที่รับจากดาวเทียมดวงนี้มากถึง 3 ล้านกล่อง และนานกว่า 10 ปีแล้ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสทช.หารือกรณีไม่สามารถดูทีวีดิจิตอลผ่านจานไอพีเอ็ม

Page 221 of 805:« First« 218 219 220 221 222 223 224 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file