shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

กสทช.ยังเดินหน้าตรวจหาคลื่นรบกวนดาวเทียมไทยคม

วันนี้(21ม.ค.)นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานกสทช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมมอนิเตอร์การรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมตั้งแต่วันที่ 16ม.ค.ที่ผ่านมา ผลการมอนิเตอร์พบว่า การส่งคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมเป็นการรบกวนทั้งช่องสัญญาณ(ทรานสปอนเดอร์ ) ส่งผลกระทบต่อช่องรายการทุกช่องที่เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม5และไทยคม6ในระบบC-Bandไม่ได้เป็นการรบกวนเฉพาะช่องบลูสกายปัจจุบันพบว่าการรบกวนยังคงมีอยู่เป็นการส่งคลื่นรบกวนความถี่C-Bandเช่นเดิมส่วนช่องใหม่ที่ทางบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน)สำรองให้ทางสถานีบลูสกายยังไม่ถูกรบกวนนอกจากสั่งการให้16หน่วยงานที่มีสถานีภาคพื้นดินเคลื่อนที่(MobileEarth Station) หรือเรียกกันทั่วไปว่ารถโอบี อยู่ในความครอบครองใช้งานสถานีภาคพื้นดินเคลื่อนที่ให้เร่งรายงานการใช้งานมาให้กสทช.ด่วนเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตจากกสทช.พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของหน่วยงานให้รอบคอบในการปฏิบัติหากตรวจพบว่า มีการใช้งานนอกเหนือวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.วิทยุคมนาคมพ.ศ.2498 ซึ่งสำนักงานกสทช.จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดกับผู้ที่ดำเนินการส่งคลื่นรบกวนดังกล่าว นอกจากนี้มีหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(กระทรวงไอซีที)ซึ่งเป็นเจ้าของสัญญาสัมปทานขอให้ดำเนินการตรวจสอบให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานด้วย“การดำเนินการตรวจสอบค้นหาตัวผู้ดำเนินการส่งคลื่นรบกวนกระทำได้ยากเนื่องจากผู้ดำเนินการทำการส่งสัญญาณรบกวนเป็นระยะเวลาสั้นๆและมีการย้ายสถานที่ในการส่งสัญญาณตลอดเวลาแต่ยังไม่ละความพยายามยังคงให้สำนักงานกสทช.เขตทั้ง14เขตทั่วประเทศ ส่งรถตรวจสอบและหาทิศทางสัญญาณรบกวน20คันออกตรวจคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมอยู่และส่งเจ้าหน้าที่ประจำการเพื่อตรวจสอบการรบกวนณ สถานีไทยคม ลาดหลุมแก้วเป็นประจำทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายพร้อมทั้งรับฟังเบาะแสจากทุกช่องทางเพื่อหาตัวผู้ดำเนินการ” นายฐากร กล่าว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสทช.ยังเดินหน้าตรวจหาคลื่นรบกวนดาวเทียมไทยคม

Posts related

 














ธุรกิจทีวีรอโกยทรัพย์จากทีวีดิจิทัล

แอลจีเผยแนวโน้มผู้คนจะเปลี่ยนมาซื้อทีวีจอใหญ่และภาพต้องคมชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เผยทีวีดิจิทัลของ กสทช.ช่วยกระตุ้นตลาดปีนี้แน่นอน   พร้อมอวดทีวีจอโค้ง โอเลตทีวี 55 นิ้ว เครื่องแรกของโลก นายนิพนธ์ วงศ์แสงอรุณ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด แผนกกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หมวดภาพและเสียง บริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)  จำกัด  เปิดเผยว่า  จากข้อมูลการตลาด มีแนวโน้ม การเปลี่ยนโทรทัศน์หรือทีวีเครื่องใหม่ หรือจะอัพขนาด ปัจจัยหลักที่จะซื้อคือ ขนาดจอต้องใหญ่ขึ้น และภาพคมชัด ขนาดจอจะเริ่มต้นที่ 32  นิ้วขึ้นไป เพื่อให้เหมาะกับความต้องการใช้งาน ปีที่ผ่านมาธุรกิจทีวีในภาพรวมค่อนข้างทรงตัว แต่มั่นใจตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ตลาดทีวีจะเริ่มฟื้นตัว จากการแพร่ภาพทีวีดิจิทัล ซึ่ง กสทช.เพิ่งประมูลเสร็จสิ้นก่อนปีใหม่  อีกทั้งการแข่งขันฟุตบอลโลก จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นตลาดได้เป็นอย่างดี จะขายดีช่วงก่อนแข่งและระหว่างการแข่งขัน ทั้งนี้ แอลจี ได้เปิดตัวแอลจี เคิร์ฟ โอเลตทีวี จอโค้งขนาด 55 นิ้ว เครื่องแรกของโลก รุ่น อีเอ 9800 เมื่อปลายปีที่แล้ว  น้ำหนัก 17 กิโลกรัม ราคา 399,990 บาท เพื่อให้ผู้ชมมีประสบการณ์เหมือนอยู่ในโรงหนังไอแม็กซ์ ซึ่งการออกแบบทีวีจอโค้ง ทีมพัฒนาของแอลจีได้ศึกษาวิจัยแล้วพบว่า รูปทรงที่สอดคล้องกับการรับชมของมนุษย์มากที่สุด คือ รูปทรงโค้ง เพราะช่วยให้สายตามองไปยังทุกจุดบนหน้าจอในระยะเท่ากันได้.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธุรกิจทีวีรอโกยทรัพย์จากทีวีดิจิทัล

สทน. เตือน ใช้เครื่องสำอางสมุนไพรเสี่ยงเชื้อโรค

ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่มักใช้สมุนไพรในการพอกหน้า ขัดผิว ทดแทนการใช้เครื่องสำอางสูตรปัจจุบัน ที่มีส่วนประกอบเป็นสารเคมีเป็นส่วนใหญ่   แต่การใช้สมุนไพรเหล่านี้ หากไม่มีมาตรฐานก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสทน .กล่าวว่า การใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ขัดหน้า ขัดตัวจัดเป็นเครื่องสำอางที่ต้องได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 152-2555 เครื่องสำอาง  ได้กำหนดให้มีการตรวจเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังนี้ คือ จำนวนเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมดต้องน้อยกว่า 1,000 โคโลนีต่อกรัม และจะต้องไม่พบเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคประเภท Staphy lococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่ส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น เช่น หากติดเชื้อที่ปอดอาจจะทำให้ปอดและหลอดลมอักเสบ รวมถึงหากได้รับเชื้อทางผิวหนังอาจจะทำให้เกิดโรคทางผิวหนังชนิด ecthyma gangrenosum คือ มีอาการลักษณะบวม แดง ค่อนข้างแข็ง ต่อมาจะกลายเป็นเนื้อตายได้  และในเครื่องสำอางสมุนไพรจะต้องตรวจไม่พบ Clostridium spp.  ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคบาดทะยัก สทน.โดยนักวิจัยของศูนย์ฉายรังสี ได้ทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นทางจุลชีววิทยาในวัตถุดิบสมุนไพรและส่วนผสมชนิดอื่น ๆ ที่มักใช้ผลิตเป็นเครื่องสำอางสมุนไพรไทยจำนวน 10 ชนิด ได้แก่ ไพล ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ว่านนางคำ ทานาคา กวาว เครือ จันทน์หอม เปลือกมังคุดดินสอพอง และจันทน์เทศแดง โดยพบว่าในวัตถุดิบทั้ง 10 ชนิด มีจำนวนแบคทีเรียทั้งหมดในระดับที่สูงมาก คือ 1,000-1,000,000 โคโลนีต่อกรัม ทั้ง ๆ ที่ค่ามาตรฐานของไทยที่กำหนดคือ ต้องมีไม่เกิน 1,000 โคโลนีต่อกรัม  และพบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ Clostridium spp. ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคบาดทะยัก ในวัตถุดิบ 4 ชนิด คือ ไพล  ทานาคา กวาวเครือ และ ดินสอพอง ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบหลักในเครื่องสำอางสมุนไพรไทย เห็นได้ว่าวัตถุดิบเครื่องสำอางสมุนไพรไทยมีคุณภาพทางด้านเชื้อจุลินทรีย์ต่ำมาก หากนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์สูงเช่นเดียวกัน  จากนั้นได้สุ่มตรวจเครื่องสำอางสมุนไพรไทยที่สามารถหาซื้อตามตลาดทั่วไป เช่น ครีมโคลนสมุนไพรพอกตัวจำนวน 12 ตัวอย่างพบว่ามีจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมดเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 5 ตัวอย่าง (ร้อยละ 41.67) แป้งสมุนไพรพอกหน้าและขัดตัวจำนวน 40 ตัวอย่าง พบว่ามีจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมดเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 27 ตัวอย่าง (ร้อยละ 67.5)  และพบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ Clostridium spp. ถึง 22 ตัวอย่าง (ร้อยละ 55) ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด  จะเห็นได้ว่าการที่เครื่องสำอางสมุนไพรไทยไม่ได้มาตรฐานนั้น สาเหตุหลักเนื่องจากวัตถุดิบเป็นสมุนไพรที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์มาก หากจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะต้องมีคุณภาพสูงและต้องเป็นชนิดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโดยเฉพาะ (cosmetic grade) ซึ่งควรที่จะปราศจากเชื้อจุลินทรีย์คือเป็น Sterilized grade ซึ่งในตลาดเมืองไทยปัจจุบันผู้ประกอบการยังละเลยในจุดนี้ อย่างไรก็ตามทาง สทน.ได้นำเทคโนโลยีการฉายรังสีแกมมาประยุกต์เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโรคในผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร เครื่องเทศ เพื่อลดปริมาณเชื้อจุลินทรีย์รวมถึงการกำจัดเชื้อก่อโรค ผลปรากฏว่า การใช้รังสีแกมมาเพื่อลดปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ในวัตถุดิบของเครื่องสำอางสมุนไพร และเครื่องสำอางสมุนไพรประเภทแป้งพอกหน้าขัดตัว ครีมโคลนหมักตัวสามารถดำเนินการได้ และมีประสิทธิภาพมาก ปริมาณรังสีที่ใช้จะขึ้นกับปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์  โดยพบว่า ปริมาณรังสีแกมมาที่ 6.5-10 กิโลเกรย์สามารถลดปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ลงได้อย่างน้อยหมื่นถึงแสนเท่า (4-5 log cycle) ซึ่งอยู่ในขั้นปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ผู้บริโภคควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่อาจจะทำอันตรายต่อผิวและร่างกายได้ หากผู้ประกอบการเกี่ยวกับเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร สนใจนำวัตถุดิบหรือสินค้า นำมาฉายรังสีแกมมาเพื่อฆ่าเชื้อโรค ลดปริมาณจุลินทรีย์ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ฉายรังสี  สทน.หรือ www.tint.or.th.  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สทน. เตือน ใช้เครื่องสำอางสมุนไพรเสี่ยงเชื้อโรค

Page 593 of 805:« First« 590 591 592 593 594 595 596 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file