shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

ตรวจจับอุณหภูมิด้วยเซ็นเซอร์ฝีมือนักวิจัยไทย

 โลหิต วัคซีน เซรุ่ม รวมถึงยาราคาแพง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องเก็บรักษาภายใต้สภาวะอุณหภูมิที่กำหนด และเสี่ยงต่อการเสียหาย โดยเฉพาะเมื่อไฟดับ หรืออุปกรณ์จัดเก็บอย่างตู้เย็นมีการทำงานที่ผิดพลาด เพื่อลดความเสียหายดังกล่าว ทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ทีเมค) หน่วยงานภายใต้เนคเทคหรือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงร่วมกับสภากาชาดไทย พัฒนาระบบติดตามอุณหภูมิพร้อมสัญญาณเตือน (Temperature Monitoring System (TMS) with Alerting Signal) ขึ้น “เฉลิมชัย เอี่ยมสะอาด” ฝ่ายการตลาดศูนย์ทีเมค บอกว่า ทีเมคพัฒนาระบบดังกล่าวขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยนำเซ็นเซอร์ที่ทีเมคผลิตได้เองมาต่อยอดใช้งาน กับการตรวจจับเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และสามารถแจ้งเตือนได้แบบเรียลไทม์เมื่อมีอุณหภูมิเปลี่ยนไปจากที่กำหนดไว้  อุปกรณ์หลักของระบบ ประกอบด้วย ทรานสมิตเตอร์ (Transmitter) และเซนเซอร์ เบส สเตชั่น (Base Station) ซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทรานสมิตเตอร์และเซนเซอร์ จะทำหน้าที่อ่านค่าและบันทึกค่าอุณหภูมิ แสดงสถานะเชื่อมต่อกับ เบส สเตชั่น แสดงระดับพลังงานแบตเตอรี่สำรองเมื่อไฟฟ้าดับ แจ้งเตือนด้วยแสงและเสียง เมื่ออุณหภูมิอยู่นอกค่าควบคุม จะมีฟังก์ชั่นการปรับค่าอุณหภูมิในการสอบเทียบอุณหภูมิ ส่งข้อมูลไปที่ เบส สเตชั่นแบบไร้สาย  ส่วนเบส สเตชั่น จะทำหน้าที่รับข้อมูลจากทรานสมิตเตอร์ ได้ถึง 20 เครื่อง บันทึกค่าอุณหภูมิ แสดงสถานะเชื่อมต่อกับทรานสมิตเตอร์ แสดงระดับพลังงานแบตเตอรี่สำรองเมื่อไฟฟ้าดับ แจ้งเตือนด้วยแสง เสียงและส่งเอสเอ็มเอสเมื่ออุณหภูมิอยู่นอกค่าควบคุม ส่งข้อมูลไปที่คอมพิวเตอร์แม่ข่ายด้วยสายแลน ซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่กำหนดการทำงานของระบบ แสดงผลอุณหภูมิเป็นแบบตัวเลขและกราฟ ประวัติการแจ้งเตือน กำหนดค่าอุณหภูมิที่ควบคุมและแจ้งสัญญาณเตือน มี ฟลอร์ แพลน (Floor Plan ) แสดงตำแหน่งการติดตั้งเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิและอุปกรณ์ระบบ รวมถึงภาพถ่ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงกำหนดขอบเขตการใช้งาน สำหรับผู้ใช้งานต่าง ๆ ได้  คุณเฉลิมชัย บอกว่า หากระบบเสียหาย ผู้ดูแลสามารถดูสถานะการทำงานและแก้ไขระบบจากภายนอกผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที ทั้งนี้ระบบดังกล่าวได้มีการทดสอบใช้งานแล้วกับตู้เก็บโลหิตของสภากาชาดไทยรวมถึงในโรงพยาบาลบางแห่งและกำลังขยายไปสู่การใช้งานทั่วประเทศ ซึ่งจุดเด่นของระบบ นอกจากจะเสถียรเหมาะกับลูกค้าทั้งในกลุ่มโรงพยาบาล และภาคอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีราคาถูกกว่าระบบที่นำเข้าจากต่างประเทศกว่า 50% ขณะที่มีฟังก์ชั่นการทำงานเทียบเท่าหรือดีกว่า โดยเฉพาะมีระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถปรับปรุงได้ตามความต้องการอีกด้วย และนี่ก็คือ..ผลงานและฝีมือของนักวิจัยไทย ที่ยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนในการต่อยอดและย่อมนำไปใช้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ทดสอบแล้วซื้อแต่ของนอกอีกต่อไป. นาตยา คชินทร nattayap.k@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ตรวจจับอุณหภูมิด้วยเซ็นเซอร์ฝีมือนักวิจัยไทย

Posts related

 














กลเม็ด‘กสท’บุคลากรต้องมีคุณภาพ

 จากการที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีรายได้จากสัมปทานมือถือปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท ถึงเวลาแล้วที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะไม่ได้เงินในส่วนนี้เลยแม้แต่บาทเดียวกลเม็ด‘กสท’บุคลากรต้องมีคุณภาพ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท เล่าว่า ไม่มีความกังวลกับรายได้จากสัมปทานที่ต้องส่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตั้งแต่ 1 ม.ค. 57  ตลอดระยะเวลา 1 ปี กว่า ๆ ที่เข้ามาบริหารงานใน กสท ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตนเล็งเห็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ 1. ระบบการทำงานของพนักงาน 2. การแก้ปัญหารายได้ และ 3. ทำให้ประชาชนที่อยู่ในประเทศไทยทำงานได้น้อยลงแต่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วที่ผ่านมาภาพที่เคยเสื่อมคือ การคอนเน็คหรือการเชื่อมโยงติดต่อกัน พนักงานขาดทักษะ สติปัญญา วัฒนธรรมในการทำงาน แต่ตอนนี้ตื่นตัวมากขึ้นแล้ว  ในส่วนของระบบการเงิน มีข้อมูลมากขึ้น มีการวิเคราะห์การเก็บข้อมูลตัวเลขที่ดีขึ้น โดยผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน รายงานมาว่า มีผู้บริหารขอข้อมูลเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานมีการกระตือรือร้นมากขึ้น  “เราให้ความสำคัญกับคุณภาพมากขึ้น เราจะเน้นความเชื่อมโยง จะดึงทั้งประเทศเข้าด้วยกัน ต้องสร้างความตื่นตัวให้กับพนักงาน และที่สำคัญผู้บริหารแต่ละเขตจะต้องดีที่สุดด้วย”  นายกิตติศักดิ์ เล่าว่า กสท ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ ไว้ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ 7,000 ล้านบาท จากแผนพลิกฟื้นองค์กรระยะเวลา 5 ปี (2557-2561) เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์บนพื้นฐานที่ไม่มีรายได้จากสัมปทานอยู่แล้ว โดยรายได้จากธุรกิจหลักต่อจากนี้ คือ ธุรกิจไร้สาย ที่ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท  นอกจากนี้ ยังมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ที่จะขยายเพิ่มอีก 1 ล้านเลขหมาย จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 7,500 ล้านบาท จากปี 2556 ที่มีรายได้ 6,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท และ ศูนย์บริการธุรกิจไอที มีรายได้ 680 ล้านบาท “ขณะนี้ กสท ปรับตัวพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน และไม่มีโครงการใหญ่ใด ๆ ที่ต้องรอการอนุมัติจาก ครม. จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนรัฐบาลหรือภาวะการเมืองที่ไม่นิ่ง”  สำหรับรายได้รวมปี 2556 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท ไม่รวมสัมปทานอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท และถือเป็นปีแรกในรอบ 5 ปีที่ กสท ไม่ขาดทุน จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขาดทุนในปี 2556 ที่ 1,800 ล้านบาท  แต่สิ่งที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท ได้มองไปอีกหลังจากแผนธุรกิจ 4 ปี ต่อจากนี้ คือ หาธุรกิจอื่นมาเลี้ยงองค์กรหลังจากปี 61 เพราะตอนนี้ดีอยู่แล้ว แต่อีก 4 ปีข้างหน้าต้องดีกว่าเดิม  และประเด็นสำคัญที่ กจญ.กสท เน้นคือ บุคลากรที่พัฒนาแล้วก็ต้องดีขึ้น การรับบุคลากรทุกตำแหน่งจะต้องมีคุณภาพ โดยตนจะเป็นผู้สัมภาษณ์งานเอง เพราะบุคลากรถือเป็นการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนที่สุด แน่นอน! สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้องค์กรทุกองค์กรเดินหน้าได้ดีและประสบความสำเร็จบุคลากรที่มีคุณภาพถือเป็นตัวผลักดันสำคัญที่แท้จริง. กัญณัฏฐ์ บุตรดี Kanyanat25@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กลเม็ด‘กสท’บุคลากรต้องมีคุณภาพ

รถยนต์ไร้คนขับ – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

 เมื่อพุธที่แล้วผมชวนคุณผู้อ่านมาคุยกันเรื่องแนวโน้มนวัตกรรมในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งพูดถึงหลายเทคโนโลยีที่น่าจะมาแรงในปีนี้ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีครับ ที่แม้ตอนนี้จะยังไม่เกี่ยวกับมือถือและแท็บเล็ตโดยตรง แต่ก็น่าจับตามองในปีนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างอัตโนมัติโดยไร้ซึ่งคนขับ หรือที่เรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า Autonomous Car หรือบางคนก็เรียกกันให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า  Self-driving Car จริง ๆ ไม่ต้องคิดไปไกลถึงอนาคตเลยครับ แค่ในปัจจุบันก็มีค่ายรถยนต์หลายค่ายที่จัดเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ใส่เข้ามาในรถอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Active City Stop ที่รถจะเบรกตัวเองอัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าหยุดหรือมีสิ่งกีด ขวาง หรือถ้าใครขับรถแล้วต้องมองกระจกหลังกลัวจุดบอดก็มีระบบ Blind Spot Information System (BLIS) ที่คอยเตือนผู้ขับขี่ว่ามีรถอีกคันมาในจุดบอดที่ผู้ขับไม่สามารถเห็นได้ ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเลนได้ปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Adaptive Cruise Control ที่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้โดยอัตโนมัติ ทำให้รถเราวิ่งตามคันหน้าไปได้เองโดยที่เราไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งเลย หรือหากขับรถอยู่กลัวจะเผลอขับออกนอกเลนก็มีระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนและรักษารถยนต์ให้อยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง และระบบสุดท้ายเอาใจคนจอดรถไม่เก่งโดยเฉพาะ ได้แก่ ระบบ Park Assist ที่ช่วยจอดรถให้ผู้ขับขี่เองโดยผู้ขับขี่มีหน้าที่เพียงคอยเปลี่ยนเกียร์ตาม    คำสั่งของรถเท่านั้น  เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนแบบไม่ต้องพึ่งคนขับนี้ ปัจจุบันมีหลายค่ายลงมาเล่นกันอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว ทั้งทางค่ายรถยนต์เอง และทางบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล (Google) ที่ปัจจุบันมีรถไร้คนขับในการทดลองอยู่หลายคัน โดยทางกูเกิลเคยประสบความสำเร็จในการให้คนตาบอดขับรถในโครงการทดลองนี้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแล้ว หรืออย่างค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างเมอร์เซเดสเบนซ์ (Mercedes-Benz) ก็กำลังทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับนี้อยู่ในรถยนต์ S-Classรุ่นใหม่ล่าสุดของเขา โดยระบบอัตโนมัตินี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การขับในความเร็วสูง การขับขี่ในเขตเมืองที่มีอุปสรรคหลายอย่าง โดยในการทดสอบระบบนี้จะมีผู้ทดสอบนั่งอยู่ในรถเพื่อคอยสอดส่องความผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องลงมือขับเองแต่อย่างใด  นอกจากนี้ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากทวีปอเมริกาอย่างฟอร์ด (Ford) ก็ประกาศว่าจะทำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีแผนว่าจะค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ และทยอยใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ทุก ๆ ปี โดยในปัจจุบันฟอร์ดได้ใส่ระบบ Park Assist ที่ช่วยจอดรถอัตโนมัติและ Active City Stop มาในรถยนต์ของฟอร์ดเองไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนแผนในอนาคตฟอร์ดก็ตั้งใจจะใส่ระบบสื่อสารที่ทำให้รถยนต์สามารถคุยกันได้เข้าไปด้วย ตัวอย่างสุดท้ายจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจากค่ายนิสสัน (Nissan) ที่ออกมาประกาศเช่นกันว่ากำลังพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ โดยทางค่ายถึงกับประกาศเลยว่าภายในปี ค.ศ. 2020 แฟนรถนิสสันจะได้ใช้รถไร้คนขับนี้แน่นอน ในราคาที่แฟน ๆ ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้จริงไม่แพงเว่อร์จนเกินไป  ดูจากระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันพวกนี้ ทำให้ผมเชื่อจริง ๆ ครับว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับอย่างที่เห็นในหนังฮอลลีวูดต่าง ๆ ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมของมนุษย์เราอีกต่อไป ซึ่งหากมองกันจริง ๆ แล้วการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ก็เป็นไปได้ค่อนข้างรวดเร็วกว่าในอดีต แต่ผมเชื่อนะครับว่าการพัฒนาจะรวดเร็วได้มากขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ หากการพัฒนาเป็นไปในแบบร่วมมือบูรณาการกันระหว่างค่ายรถยนต์และบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยี หรือก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์ น่าจะมีการผูกโยงกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มากขึ้น คล้าย ๆ กับการทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเองที่น่าจะมีการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ซึ่งผมไม่ได้หมายความว่าอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งไม่เก่งนะครับ แต่หากเราเอาข้อดีและจุดแข็งของทั้งสองด้านมาบูรณาการกันได้ ก็จะทำให้การพัฒนาหรือการคิดค้นนวัตกรรมเป็นไปได้อย่างมีอัตราเร่ง ไม่แน่นะครับ  ถ้ามีการบูรณาการและพัฒนาเทคโนโลยีทั้งสองด้านนี้ไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วพอ ต่อไปเราอาจจะเห็นคนกรอกเสียงใส่โปรแกรมสิริ (Siri) ผ่านทางมือถือไอโฟน แล้วสั่งให้รถยนต์ที่จอดอยู่โดยไม่มีคนขับวิ่งมารับเราไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ ได้เอง ผ่านทางเส้นทางที่ถูกคำนวณแล้วว่ารวดเร็วและรถติดน้อยที่สุด ก็เป็นได้ครับ. ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต chutisant.k@rsu.ac.th

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รถยนต์ไร้คนขับ – รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

Page 615 of 805:« First« 612 613 614 615 616 617 618 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file