shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

จับตากสท.รับรองผลผู้ชนะทีวีดิจิทัล

 กสท. เตรียมประชุมบอร์ดวันนี้เพื่อรับรองผลผู้ชนะการประมูลทีวีดิจิทัลจำนวน 24 ราย เตรียมออกอากาศเดือก.พ. นี้ พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ กสท.จัดประมูลทีวีดิจิทัลเพื่อให้บริการธุรกิจ 24 ช่องไปเมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค. 56 คาดว่าจะมีการรับรองผลผู้ชนะได้ในวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 57 ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่ระบุว่า จะต้องประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลภายใน 15 วัน นับแต่สิ้นสุดเวลาการประมูล  สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับหนังสือแจ้งการเป็นผู้ชนะ พร้อมทั้งดำเนินการตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตภายใน 45 วัน โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 1 จำนวนร้อยละ 50 ของราคาขั้นต่ำ พร้อมวางหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับค่าธรรมเนียมงวดที่  2 (ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูล) และดำเนินการขอใช้โครงข่ายโทรทัศน์กับผู้ให้บริการโครงข่ายฯภายใน 30 วัน หากผู้ชนะการประมูลปฏิบัติตามเงื่อนไขการประมูลครบถ้วนแล้ว กสท. จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติให้โดยมีอายุ 15 ปี  อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ประกอบการจะเปิดให้บริการทีวีดิจิทัลได้ประมาณเดือน ก.พ.57 โดยแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ ช่องเอชดี ประกอบด้วย1.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง 3) 2.บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์       บรอดคาสติ้ง จำกัด 3.บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7 ) 4.บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐ) 5.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) 6.บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด 7.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด ช่องเอสดี ประกอบด้วย 1.บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (เวิร์คพ้อยท์) 2.บริษัท ทรู ดีทีที จำกัด 3.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอสดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด 4.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง 3) 5.บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชั่น จำกัด 6.บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด 7.บริษัท แบงคอก บิสสิเนส บรอดแคสติ้ง จำกัด (เครือเนชั่น ) ด้าน ช่องข่าว ประกอบด้วย 1.บริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์ วิชั่น จำกัด (เครือเนชั่น)2.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด 3.บริษัท ไทยทีวี จำกัด 4.บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด 5. บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด (เครือทรู) 6.บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด (เดลินิวส์ ทีวี) 7. บริษัท 3 เอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และช่องเด็ก ประกอบด้วย 1. บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง3) 2.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ไทยทีวี จำกัด.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับตากสท.รับรองผลผู้ชนะทีวีดิจิทัล

Posts related

 














สวทช.วิจัยเทคโนโลยีต้นน้ำอุปกรณ์แอลอีดี

 สวทช.จับมือบริษัทแม็กซ์ลูเมน พัฒนาอุปกรณ์ไดโอด หลอดไฟแอลอีดี  ใช้วัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์  หวังสร้างเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตหลอดไฟส่องสว่างที่ประหยัดพลังงานกว่า 50%  ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติและผู้บริหาร (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.  ได้ลงนามความร่วมมือวิจัย “โครงการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ไดโอดเปล่งแสงสีขาวโดยใช้วัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์” กับบริษัท แม็กซ์ลูเมน จำกัด เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำ อุปกรณ์แอลอีดีสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมหลอดไฟส่องสว่าง ฯลฯ ด้วยงบประมาณ  300 กว่าล้านบาท โดยคาดว่าภายใน 2-3 ปี จะได้เทคโนโลยีใหม่ ในการสร้างวัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์ที่ใช้สำหรับการเปล่งแสงขาว ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดสู่การผลิตหลอดไฟส่องสว่างที่ให้แสงขาวแบบธรรมชาติ พร้อมทั้งสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 50% และมีอายุการใช้งานนานหลายปี มีความปลอดภัยในการใช้งานเนื่องจากส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ด้านนายชัยยุทธ เกียรติภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ลูเมน จำกัด เปิดเผยว่า  ในปี 2556 มูลค่าตลาดของแอลอีดี ทางด้านการส่องสว่างนั้นมีการเติบโตเกินครึ่งหนึ่งของแอลอีดีในด้านอื่น ๆ คาดว่า อีก  5-6 ปีข้างหน้ามูลค่าแอลอีดีแสงขาวในตลาดโลก จะมีมูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักตั้งแต่การผลิตแผ่นเวเฟอร์และชั้นเปล่งแสง การประกอบชิพ บรรจุภัณฑ์ไดโอด การประกอบเข้าโมดูล หลอดไฟส่องสว่าง และระบบควบคุม  ซึ่งงานวิจัยโครงการนี้ ฯจะเป็นงานวิจัยอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแอลอีดีไลต์ติ้ง แบบ ครบวงจร.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สวทช.วิจัยเทคโนโลยีต้นน้ำอุปกรณ์แอลอีดี

‘รับมือสภาพอากาศ’ จากทั่วโลกถึงประเทศไทย

จากหิมะตกครั้งแรกในรอบ 112 ปี ที่ดินแดนทะเลทรายอย่างอียิปต์ ประเทศ  เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็มีหิมะตกครั้งแรก ในรอบ 51 ปี รวมถึงประเทศไทยที่หนาวนี้ หนาวจัดและหนาวยาวนานกว่าทุกปี เกิดอะไรขึ้น…สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศหรือไม่… “ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า  อธิบายว่า  อากาศหนาวในช่วงนี้ ถือว่ายังอยู่ในลักษณะที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งหากจะดูว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือไม่นั้นต้องใช้เวลามากกว่านี้ ทั้งนี้เรื่องของหิมะตกที่อียิปต์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทยมีอากาศหนาวเย็น  อเมริกาเหนือหนาว คาดว่าเป็นผลของการแกว่งตัวของรอยต่อของมวลอากาศเย็นและอากาศอุ่นบริเวณขั้วโลก  ที่มีลักษณะการขยับตัวเป็นคลื่น เพราะทำให้แถวเอเชียใต้ อินเดีย ยุโรป อากาศปกติ  ไม่หนาว  ซึ่งเป็นการสลับมีทั้งหนาว และไม่หนาว ทั้งที่อยู่แนวละติจูดเดียวกัน  ดร.อานนท์ บอกว่า จากการสังเกตร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา  พบว่าการแกว่งตัวในลักษณะดังกล่าวมีบ่อยขึ้น ทำให้อุณหภูมิในช่วงเวลาเดียวกันมีความแตกต่างกันสูง  นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่า อากาศหนาวเย็นในปีนี้ มีลักษณะเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2554 ส่วนต้นปี 2555 และต้นปี 2556 ไม่เกิดขึ้น มาเกิดปลายปี  2556 จนถึงต้นปี 2557 อีกครั้ง หรือประมาณ 3 ปีเกิดขึ้นที  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือ จำนวนพายุในทะเลในปีที่ผ่านมา ทั้งโซนร้อนและดีเปรสชัน ถือว่ามีจำนวนค่อนข้างมาก คือมีถึง 2 ลูก ซึ่งปกติ 5-6 ปี จะมีเพียง 1 ลูกเท่านั้น อย่างไรก็ดีทั้งเหตุการณ์หิมะตกที่อียิปต์ อากาศหนาวเย็นในไทย รวมถึงความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศในปีที่ผ่านมา  เช่น  ที่ทวีปแอนตาร์กติก ที่มีอุณหภูมิติดลบมาก ๆ ทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูร้อนนั้น ดร.อานนท์ เชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ที่มีความเชื่อมโยงกันผ่านมหาสมุทร โดยทำให้เห็นถึงความผิดปกติของการไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทร ซึ่งหากไม่ใช่มหาสมุทรก็ไม่น่าจะมีองค์ประกอบใดในโลกนี้ ที่จะมีความร้อนอยู่ในตัวมากพอที่จะไปขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจาก น้ำสามารถสะสมความร้อนได้มากกว่าชั้นบรรยากาศหรือแผ่นดิน แค่น้ำปลดปล่อยความร้อนออกมาเพียง 0.01% จะมีความร้อนออกมาจำนวนมหาศาล   ทั้งนี้การศึกษาการเปลี่ยนแปลงทำได้ยากและต้องอาศัยเวลา ซึ่งปัจจุบันจิสด้าได้มีความร่วมมือกับต่างประเทศในการนำเทคโนโลยีภาพถ่ายทางดาวเทียมมาใช้ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น  สำหรับปัญหาที่จะมาพร้อมกับความหนาวเย็น ดร.อานนท์ บอกว่า ที่มาแน่ ๆ ก็คือปัญหาหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน  เนื่อง จากอากาศเย็นในขณะนี้ เป็นสภาพอากาศปิดโดยเฉพาะหุบเขาทางภาคเหนือน่าจะมีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากควันต่าง ๆ ไม่สามารถระบายออกได้  ส่วนภาวะก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จะทำให้ทั่วโลกมีอากาศสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 1 องศาเซลเซียสต่อ  20 ปี หรือใน 50 ปีข้างหน้าอุณหภูมิจะสูงขึ้นประมาณ 2-3 องศา   แต่ประเทศไทยไม่น่าเป็นห่วงเพราะอยู่ในโซนที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยดร.อานนท์ บอกอีกว่า จากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ไทยต้องตระหนัก  ถึงการเตรียมความพร้อมในการรับมือในอนาคต เพราะต้องใช้เวลานานในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอื่น ๆ  หากผู้เกี่ยวข้องไม่ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เกรงว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น แม้อาจไม่รุนแรงมาก แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างไม่คาดคิดเหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา. นาตยา คชินทรnattayap.k@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ‘รับมือสภาพอากาศ’ จากทั่วโลกถึงประเทศไทย

Page 620 of 805:« First« 617 618 619 620 621 622 623 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file