shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

กรุงเทพฯ 17 องศา – รู้หลบ

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับล่าสุดบอกว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศเมียนมาร์ที่เข้าปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 56 จะทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บ จากนั้นวันที่ 16–19 ธ.ค. ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะลงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้อุณหภูมิลดลง 8–10 องศาเซลเซียสอุณภูมิภาคเหนือที่เคยต่ำสุดราว ๆ 20 องศา ก็จะลงมาถึง 10 ต้น ๆ กรุงเทพมหานคร ที่เคยต่ำสุดก็ยัง 24 องศา อาจจะได้เห็นตัวเลข 17–20 กับเขามั่งตื่นเต้น!! แต่อุณหภูมิดังว่า อย่าคิดไกลถึงขั้นจะเป็นอย่างเมืองหนาวทั้งหลาย เพราะตัวเลขขนาดนี้ ถ้าเอาเกณฑ์อากาศหนาวของกรมอุตุนิยมวิทยามาจับ ยังเรียกอากาศเย็น สำหรับอุณหภูมิช่วง 18–22.9 องศา ขนาดลงไปถึง 16 ยังใช้คำว่า “ค่อนข้าง” หนาว ต้องสัก 8–15.9 นั่นแหละถึงจะใช้คำว่า หนาว เต็มปากเต็มคำที่จะเรียกหนาวจัด หนาวเวอร์ ก็ต้องต่ำกว่า 7.9 องศาโน่น ด้วยสภาพอากาศที่เพิ่งโดนฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บซัดเอาเต็ม ๆ รุ่งขึ้นยังมีอากาศหนาวซ้ำเติม คำประกาศของอุตุนิยมวิทยา จึงย้ำให้ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะสำหรับคนธรรมดา มีโอกาสแพ้อากาศ ป่วยไข้เอาได้ เมื่อมีลมหนาวซัดกระหน่ำหนักทางภาคเหนือ ก็ทำให้พื้นที่อ่าวไทยมีคลื่นลมแรง ภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นคนทางใต้ไม่ต้องทนหนาวแต่ต้องระวังฝนที่จะเพิ่มขึ้น การเดินเรือในทะเลก็ต้องเฝ้าติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคลื่นลมที่จะทำอันตราย หน้าหนาวแบบนี้สำหรับคนกรุง ชาวภาคกลาง ซึ่งอยู่กับความร้อนเป็นส่วนใหญ่ มักตื่นเต้น แห่แหนขนชุดหนาวไปประชันกันบนยอดภู ยอดดอย เพื่อถ่ายภาพความสุขมาอวดสิ่งที่ควรตระหนักสำหรับการทัวร์ตากหนาว มีว่า คนในพื้นที่ห่างไกล อาจไม่ได้สุขสนุกกับอากาศเย็นจับใจปานนั้น ถ้าเป็นได้ พกน้ำใจไปเผื่อแผ่กันบ้างหรือแม้ไม่ได้ไป แต่เข้าใจทุกข์ยากอยากช่วยผู้ประสบภัยหนาว โดยเฉพาะเด็กชาวเขายากจน เช่นที่หมู่บ้านสงินนุปอย บ้านสงินใหม่ บ้านสงินนะแคว บ้านอุตูมใต้และบ้านห้วยไก่ป่า ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งครอบครัวทำข้าวไร่ปีละครั้ง มีรายได้เพียงปีละ 3,600 บาทชุมชนที่อยู่อาศัยไฟฟ้า ประปายังเข้าไม่ถึงถ้าไปใกล้ย่านนี้ หรือมีโอกาสเที่ยวเชียงใหม่ ลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือร่วมบริจาคติดต่อพระสมชัย มงคลมุทิตา 08-9950-0426 หรือมูลนิธิตะวันฉาย จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5381-6285 ลมหนาววูบแรกทำความสดชื่น พอใจ ให้คนที่กำลังร้อนรุ่ม แต่ถ้าโดนความหนาวนานเข้าความสุขก็จะหายกลายเป็นทรมานเด็กจากครอบครัวยากไร้ ไม่มีเสื้อผ้าหนา ๆ ใส่ คงไม่สนุกกับลมหนาวที่นักท่องเที่ยวถวิลหานักหรอก ไปเที่ยวถึงถิ่นเขาแล้ว นำน้ำใจไปฝากกันบ้าง. หยาดน้ำฟ้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรุงเทพฯ 17 องศา – รู้หลบ

Posts related

 














พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ “ บ้านศาลาดิน”ต้นแบบชุมชนจัดการน้ำ ตามแนวพระราชดำริ

ไม่ต้องรองบประมาณหลายแสนล้านบาท ก็สามารถอยู่กับน้ำได้อย่างพอเพียงกับชุมชน “บ้านศาลาดิน” ตำบลมหาสวัสดิ์ อําเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตําบลมหาสวัสดิ์ เปิดเป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดําริ” แห่งแรกในภาคกลาง     เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสําเร็จของชุมชนที่ได้น้อมนําแนวพระราชดําริ มาพัฒนาการจัดการน้ำในชุมชนจนประสบผลสําเร็จ และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่น ๆ ได้ “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ บอกว่า พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ เกิดจากความเข้าใจของชุมชนที่เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกับดิน น้ำ ลม ไฟ สมบัติสำคัญของชุมชน และจะต้องบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นกรอบคิดในการแก้ปัญหา จัดทำเป็นกรอบงานที่มีกระบวนการชัดเจน รวมถึงนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้บริหารจัดการน้ำในชุมชนเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ สำหรับพิพิธภัณฑ์บ้านศาลาดินแห่งนี้ ตั้งอยู่บนที่ดินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้กับเกษตรกรทำกิน จํานวน 1,009 ไร่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 โดยมีสำนักงานปฏิรูปที่ดินเป็นผู้ดูแลจัดรูปที่ดินให้กับเกษตรกรแปลงละ 20 ไร่ ที่ผ่านมาชุมชนดังกล่าวประสบปัญหาน้ำเน่าเสียจากสารเคมี การทิ้งขยะและน้ำเสียจากครัวเรือนสู่ลําคลอง และยังประสบกับปัญหาน้ำท่วมที่มีระยะเวลายาวนานเมื่อปี 2554 เนื่องจากลําคลองตื้นเขินและตัน ทําให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง ผลของน้ำเน่าเสียกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน ชาวบ้านจึงร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพลำคลองโดย เริ่มต้นจากการพึ่งตนเอง ดำเนินการจากปัจจัยที่ชุมชนสามารถทำเองได้ เช่น ตรวจวัดคุณภาพน้ำ ติดตั้งถังดักไขมันครัวเรือน ใช้จุลินทรีย์และอีเอ็มบอลปรับสภาพน้ำ และพัฒนากังหันเติมอากาศในน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังร่วมกับองค์การบริหารส่วนตําบลมหาสวัสดิ์ ขยายการขุดลอกคูคลองเพื่อให้ทุกคลองสามารถกลับมาสัญจรและระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งนี้มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ได้เข้ามาเสริมด้านศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การใช้แผนที่และจีพีเอส เพื่อให้รู้จักพื้นที่ของตนเอง มีการวางแผนงานที่เชื่อมโยงกับพื้นที่จริงมีทั้งพื้นที่นาที่ปรับใช้รูปแบบการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชผักสวนครัวตามคันดิน ส่วนนาบัวที่นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับเจ้าของถึงวันละสองพันบาท ยังสามารถใช้เป็นแก้มลิงเก็บน้ำได้ทั้งในช่วงน้ำท่วมและน้ำแล้งอีกด้วย ดร.สุเมธ บอกอีกว่า สิ่งที่สำคัญของการบริหารจัดการน้ำที่นี่ก็คือความเข้มแข็งของชุมชนและผู้นำท้องถิ่น เมื่อก้าวเข้ามาแล้วจะรู้ถึงความสามัคคีของชุมชน ซึ่งการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ฯ หรือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตนี้ จะทำให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ใช่เป็นการเข้าไปสอนชุมชน แต่มุ่งเน้นให้ชุมชนสอนกันเองมากกว่าและทำให้ชุมชนอื่น ๆ เห็นว่าสามารถทำได้จริง เป็นตัวอย่างห้องเรียนของชีวิตจริง และจะผลักดันให้เกิดเป็นเครือข่ายของการเรียนรู้ สามารถใช้ประโยชน์จากการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มที่ และยังสามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในอนาคตได้อีกด้วย นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำอย่างเข้าใจและพอเพียง. นาตยา คชินทร nattayap.k@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ “ บ้านศาลาดิน”ต้นแบบชุมชนจัดการน้ำ ตามแนวพระราชดำริ

แสตมป์น้องดูดี สื่อมีเดียรูปแบบใหม่ของปณท.

หากจะให้นึกถึงไปรษณีย์ไทย เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงภาพบุรุษไปรษณีย์ ตู้รับส่งจดหมาย แต่ในมุมมองของนักสะสมแสตมป์ ในแต่ละปี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออกตราไปรษณียากร ในโอกาสต่าง ๆ มากมาย ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสำคัญในประเทศไทย และล่าสุด ไปรษณีย์ไทย ได้ออกแสตมป์ชุดสุดท้าย เพื่อส่งท้ายปี 56 ถือเป็นแสตมป์สุดไฮเทคแห่งปีในชุดดิจิทัลทีวี เป็นภาพมาสคอต “น้องดูดี” ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)   โดยใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง AR (Augmented Reality) ทำให้แสตมป์จำนวนทั้ง 700,000 ดวงของชุดนี้ รวมถึงภาพแสตมป์ไม่ว่าปรากฏบนสื่อใด ล้วนสามารถนำเสนอภาพยนตร์โฆษณา “ดิจิทัลทีวีดีอย่างไร?” ความยาว  1 นาที แบ่งเป็นหนังโฆษณา 4 ชุด นายวิบูลย์ เสรีชัยพร ผู้จัดการฝ่ายตลาดตราไปรษณียากร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ผู้ใช้งานสามารถสแกนภาพจากแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ชื่อว่า StampAlive โหลดฟรีได้ทั้งระบบไอโอเอส และแอนดรอยด์ “แอพดังกล่าวนับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของตราไปรษณียากรไทยที่จะกลายเป็น “สื่อใหม่” นำเสนอเรื่องราวในลักษณะมัลติมีเดียบนดวงแสตมป์ได้อย่างมีชีวิตชีวา และเชื่อมโยงถึงแหล่งข้อมูลเช่น เว็บไซต์ และเฟซบุ๊กดิจิทัลทีวี ของ กสทช.ได้โดยตรง ตลอดจนแชร์ข้อมูลแสตมป์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ด้วย” ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้ใช้วันที่ 11 ธ.ค. 56 (11-12-13) ถือเป็นฤกษ์ดีในการจำหน่ายแสตมป์ชุดดังกล่าวราคาดวงละ 3 บาท เต็มแผ่น (20 ดวง) 60 บาท และซองวันแรกจำหน่าย 10 บาท โดยการใช้งานเมื่อมีการดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นแล้ว ทางขวามือจะมีวิธีการใช้งานเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีเมนูในส่วนของ อี-คอมเมิร์ซ ของไปรษณีย์เกี่ยวกับแสตมป์ต่าง ๆ ที่ไปรษณีย์เปิดขายและสามารถสั่งจองและซื้อขายได้ทันที อีกทั้งยังมีลิงค์ไปยัง เฟซบุ๊กแสตมป์ทั้งหมดของไปรษณีย์ด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่ไปรษณีย์ไทย ใช้เทคโนโลยี AR มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้กับ กสทช.โดยโฆษณานี้จะตามไปทุกที่ที่มีการใช้งานแสตมป์ ใช้งานได้ทุกภาพตีพิมพ์ไม่เว้นแม้แต่ภาพขาว ดำ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ แต่ภาพแสตมป์ดังกล่าวจะต้องมีความสมบูรณ์ 70% สำหรับเหตุผลที่ทำแสตมป์ทีวีดิจิทัลนั้น เพราะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล จึงอยากให้แสตมป์ชุดนี้ได้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ และยังเป็นแสตมป์ชุดส่งท้ายปี 56 และเป็นปีแห่งการครบรอบ 130 ปี แสตมป์ไทยด้วย “หวังว่าแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้ประโยชน์ต่อผู้รับ ได้รับข้อมูลของแสตมป์ทั้งหมด นักออกแบบพยายามออกแบบให้เห็นถึงการมีชีวิตชีวาเสมือนดูทีวีผ่านมือถือ เราคิดว่าในอาเซียนเราจะเป็นรายแรก แต่อินโดนีเซียทำออกมาเมื่อช่วงต้นปี แต่เป็นในลักษณะของการโปรโมตให้การท่องเที่ยวในประเทศ” นายวิบูลย์ มองว่า เทคโนโลยี AR เหมาะสำหรับทำโฆษณาที่มีชีวิตชีวา เนื่อง จากยุคนี้สามารถใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลากับมือถือ ถือเป็นช่องทางไปสู่นิวส์มีเดียออนแสตมป์ โดยอนาคตจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับเล่นเกม เพื่อให้เด็ก ๆ เล่นเกมได้บนแสตมป์ของไปรษณีย์ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทย ผลิตแสตมป์ออกมาจำนวน 3,300 แบบ 1,015 ชุด มากกว่า 3,000 ล้านดวง โดยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 3% ของรายได้รวมทั้งหมด ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยที่ยืนยาวมากว่า 100 ปี ยอมรับว่า ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การส่งสิ่งของไม่จำเป็นต้องมีแสตมป์ก็สามารถส่งสิ่งของผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ไปรษณีย์ไทยจะต้องทำให้แสตมป์เป็นสัญลักษณ์ของไปรษณีย์ ถึงแม้ว่ายอดนักสะสมแสตมป์ปัจจุบันอยู่ที่ 3-4 หมื่นคน จาก 10 ปี ที่ผ่านมา มี 7-8 หมื่นคน สิ่งที่ไปรษณีย์ต้องทำคือ ทำให้แสตมป์เป็นแหล่งการเรียนรู้ สร้างเรื่องราวผ่านดวงแสตมป์ เพื่อ ไม่ให้สูญหาย. กัญณัฏฐ์ บุตรดี Kanyanat25@gmail.com

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แสตมป์น้องดูดี สื่อมีเดียรูปแบบใหม่ของปณท.

Page 654 of 805:« First« 651 652 653 654 655 656 657 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file