shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

ผลวิจัยชี้ชัดความเร็วบรอดแบนด์ช่วยเพิ่มรายได้ครัวเรือน

อีริคสัน ร่วมกับ อาเธอร์ ดี ลิตเติล (Arthur D. Little) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาลเมอร์ส (Chalmers University of Technology) ได้เสนองานวิจัยร่วมกัน เกี่ยวกับผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ ของความเร็วบรอดแบนด์ที่มีต่อครัวเรือน การศึกษาในระดับครัวเรือน (เศรษฐกิจจุลภาค หรือ Microeconomics) นี้ ได้แสดงให้เห็นถึง ปริมาณการเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์นั้นสามารถสร้างผลกระทบต่อรายได้ในครัวเรือน การเพิ่มดังกล่าวนี้ มีปริมาณที่แตกต่างกัน สำหรับประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ โออีซีดี (OECD – Organization for Economic Cooperation and Development) และกลุ่มประเทศบราซิล อินเดีย และจีน หรือ บิก (BIC – Brazil, India and China) จากการศึกษาพบว่า กลุ่มประเทศโออีซีดี จะได้รับประโยชน์ จากการเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์มากกว่า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับแนวคิดที่ว่า การเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์ จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อมีบริการคุณภาพดี บนอินเตอร์เน็ตควบคู่กันไปด้วย ข้อสรุปสำคัญจากงานวิจัยชิ้นนี้ เมื่อควบคุมปัจจัยอื่นที่มีผลต่อรายได้แล้ว (เช่น อายุ เพศ การศึกษา ขนาดครอบครัว ทักษะ และอาชีพ) คือ การเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์ โดยเฉลี่ย จาก 4 เป็น 8 เมกะบิตต่อวินาที ทำให้รายได้สูงขึ้น 120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน ในกลุ่มประเทศโออีซีดี (OECD) สำหรับกลุ่มประเทศบิก (BIC) การเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์ จาก 0.5 เป็น 4 เมกะบิตต่อวินาที จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ ทำให้รายได้สูงขึ้น 46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน นาย เซบาสเตียน ทอลสตอย (Sebastian Tolstoy) รองประธานฝ่าย Radio Business development and Strategy อีริคสัน กล่าวว่า ผลการศึกษานี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กับงานวิจัยที่เคยทำ โดยการศึกษาผลลัพธ์ จากการเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์ที่มีต่อจีดีพี (GDP – Gross Domestic Product) ใน 33 ประเทศ และอีกหลายงานวิจัยที่ได้เคยศึกษามา งานวิจัยทั้งหมด ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การใช้อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูง มีผลในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ เรารู้ว่าความเร็วนั้นมีความหมาย และการเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์ จะทำให้เกิดผลในทางที่ดียิ่งขึ้น และในปัจจุบัน สามารถแสดงผลลัพธ์นั้น ในเชิงปริมาณที่ชัดเจน โดยการศึกษาตัวอย่างจำนวนมาก ทั้งในกลุ่มประเทศโออีซีดีและบิก รวมทั้งได้ทำการศึกษาลึกลงไป ถึงในระดับครัวเรือน นาย มาร์ติน กลาวมานน์ จาก อาเธอร์ ดี ลิตเติล กล่าวว่า หลักฐานที่มี ล้วนทำให้เห็นว่า ความเร็วของอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ เป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถึงกระนั้นก็ตาม ในหลายประเทศ รวมทั้งกลุ่มประเทศอียู กลับมีข้อกำหนดบางประการ จากองค์กรที่มีหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งมีผลให้การขยายตัวไม่เป็นไปตามที่ควร องค์กรที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ จึงควรพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และตระหนักถึงความสำคัญของบรอดแบนด์ความเร็วสูง สำหรับประเทศในกลุ่มบิก นอกจากนั้นแล้ว บรอดแบนด์ยังทำให้ผู้ใช้ในครัวเรือน สามารถพัฒนาทักษะและผลผลิตของตนได้ ด้วยการศึกษาแบบ e-learning และบริการด้านธุรกิจต่างๆ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการด้านอื่นๆ อีกด้วย นาย อีริค โบห์ลิน ศาสตราจารย์ แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาลเมอร์ส กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้ เป็นหนึ่งในงานวิจัยชิ้นแรกๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความเร็วบรอดแบนด์ที่มีต่อรายได้ในครัวเรือน ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวด และประกอบด้วยข้อมูลสมทบปริมาณมาก ทำให้ได้ข้อสรุปว่า การเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์จะช่วยเพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ควรได้รับการพิจารณา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและกลยุทธ์สำคัญหลายประการ นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า อีริคสัน กับ อาเธอร์ ดี ลิตเติล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาลเมอร์ส ได้ร่วมกับศึกษาผลกระทบจากการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ต่อเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมเมื่อ ปี พศ 2553 ซึ่งมีการศึกษาใน 33 ประเทศ โดยได้ข้อสรุปคือ การเพิ่มความเร็วของบรอดแบนด์ทุกๆ 10 เปอร์เซ็นต์ จะส่งผลให้เกิดการเพิ่มเศรษฐกิจจีดีพี (GDP) ของประเทศได้ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ และที่น่าสนใจอีกก็คือการเพิ่มความเร็วบรอดแบนด์เป็นสองเท่าจะทำให้จีดีพี (GDP) เพิ่มขึ้นถึง 0.3 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย และเมื่อพิจารณาผลการศึกษาในปีนี้แล้วทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาคความสามารถทางเศรษฐกิจทางทั้งในระดับมหภาคและระดับครัวเรือนอีกด้วย และเราต่างเริ่มเห็นภาครัฐต่างๆทั่วโลกต่างผลักดัน นโยบายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับทุกคน (Affordable Broadband for All) ซึ่งการลงทุนในระบบโมบายบรอดแบนด์ดูจะเป็นโชลูชั่นที่เร็วและคุ้มค่าที่สุดแต่ความท้าทายก็คือการจัดสรรและวางแผนคลื่นความถี่ สำหรับโมบายบรอดแบนด์ นั้นเอง ข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ มาจากหลายแหล่งที่มา รวมทั้งจากการสำรวจโดย อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ (Ericsson ConsumerLab) ตั้งแต่ปี พศ 2553 โดยครอบคลุมมากกว่า 19,000 ครัวเรือน จาก 8 ประเทศในกลุ่มโออีซีดี (สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เสปน สวีเดน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา) รวมทั้ง ประเทศบราซิล อินเดีย และจีน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ผลวิจัยชี้ชัดความเร็วบรอดแบนด์ช่วยเพิ่มรายได้ครัวเรือน

Posts related

 














จิสด้าเฝ้าระวังชิ้นส่วนดาวเทียมอินเดียคาดไม่กระทบไทย

รายงานข่าวจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า แจ้งว่า จากการประเทศสาธารณรัฐอินเดียมีกำหนดจะส่งดาวเทียมสำรวจดาวอังคารดวงแรกของประเทศขึ้นสู่อวกาศ โดยใช้จรวดนำส่ง PSLV-C25 จากศูนย์อวกาศสตีศธวัน (Satish Dhawan Space Centre SHAR) บนเกาะศรีหริโกฏา และมีกำหนดจะนำส่ง ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศและปัจจัยอื่นๆ โดยวิถีการนำส่งดาวเทียมดวงนี้ จะพาดผ่านน่านฟ้าจากมหาสมุทรอินเดียไปยังมหาสมุทรแปซิฟิคนั้น จิสด้าได้จัดทำแผนที่ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากรัฐบาลอินเดีย ซึ่งแสดงถึงวิถีพาดผ่านเหนือภาคใต้ของประเทศไทยบริเวณจังหวัดพังงา สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง โดยคาดว่าจะมีชิ้นส่วนจากจรวดนำส่งที่จะตกลงมายังพื้นโลกจำนวน 5 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดจะตกลงในมหาสมุทรอินเดีย โดยคาดว่าชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายซึ่งจะตกใกล้ประเทศไทยมากที่สุด จะตกในทะเลอันดามัน นอกชายฝั่งจังหวัดพังงาประมาณ 360 กิโลเมตร (ดูภาพจากแผนที่จำลองวิถี) ดังนั้นจึงขอให้เรือและอากาศยานหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลานี้ แต่สำหรับพื้นที่บนบกนั้นยังไม่มีความจำเป็นจะต้องเตรียมการใดๆ เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นที่ที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ และจิสด้าจะได้ติดตามและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลอินเดียถึงเวลาการปล่อยจรวดที่แน่นอนและชัดเจน รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ต่อไป ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.gistda.or.th

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จิสด้าเฝ้าระวังชิ้นส่วนดาวเทียมอินเดียคาดไม่กระทบไทย

ชมสวนสวยแนวตั้งที่วังน้ำเขียว

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และรายได้ของประชาชนในพื้นที่วังน้ำเขียว โครงการศูนย์การเรียนรู้ “ฟลอร่า พาร์ค” เพื่อการพัฒนาการเพาะพันธุ์การผลิตไม้ดอกไม้ประดับอย่างยั่งยืน ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและองค์กรพันธมิตรภาคเอกชน ต้อนรับลมหนาวที่กำลังเดินทางมาถึงจัดงาน “ฟลอร่า พาร์ค กลับมากอดวังน้ำเขียว…อีกครั้ง” ให้นักท่องเที่ยวได้ชมหมู่มวลดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ และวิถีการเกษตรอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบที่ฟาร์มฟ้าประทานระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2556 ถึง 31 มี.ค. 2557 บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดร.อนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชและสวนแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรฟาร์มฟ้าประทานและฟลอร่า พาร์ค กล่าวว่า เดิมเกษตรกรส่วนใหญ่ใช้พื้นที่ในการทำเกษตรกรรม ปลูกพืชประเภทข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชไร่ที่ให้รายได้น้อย ทำให้เกษตรกรต้องขายที่ดินแก่นายทุน และบางส่วนถูกยึดครองโดยธนาคาร หลังจากนั้นเจ้าของที่ดินซึ่งได้รับการจัดสรรจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ต้องการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ในการทำการเกษตรเชิงอนุรักษ์ด้วยการปลูกพืช และกิจกรรมทางการเกษตรที่หลากหลาย เพื่อรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสร้างอาชีพให้ชาวบ้านในชุมชน ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามและสภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การทำการเกษตรอย่างยิ่ง จึงแบ่งพื้นที่เป็น 2 โครงการคือ “ฟลอร่า พาร์ค” และ “ฟ้าประทาน” โดยโครงการฟลอร่า พาร์ค ประสบความสำเร็จมาก เป็นการปลูกไม้ดอกที่หาชมได้ยากในเมืองไทย อาทิ ดอกพิทูเนีย, บีโกเนียหรือตะวันยอแสง ส่วนโครงการฟ้าประทานขณะนี้ทำการขยายไร่กาแฟเพื่อเพาะปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าและอาราบิก้า ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถนำกาแฟทั้งสองสายพันธุ์มาปลูกไว้ด้วยกัน ทำให้เกิด “กาแฟวังน้ำเขียว” สามารถส่งออกขายในตลาด เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สำหรับปีนี้ความพิเศษยังอยู่ที่การจัดสวนแนวตั้งด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์กว่าแสนต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมการจัดสวนแบบ 360 องศา ณ จุดชมวิว และสวนกุหลาบสไตล์อังกฤษ 400 สายพันธุ์ กว่า 5,000 ต้น รวมถึงกุหลาบชื่อบุคคลสำคัญกว่า 20 สายพันธุ์ จำนวน 200 ต้น นอกจากนี้ยังมีการประกวดกล้วยไม้ครั้งแรกของโคราช และนิทรรศการภาพถ่ายกล้วยไม้จากช่างภาพมืออาชีพ รวมทั้งยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างยั่งยืน เรียนรู้วิถีเกษตรหลายรูปแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ตลอดจนสามารถเลือกซื้อดอกไม้และพืชผักในตลาดนัดกลับบ้านได้ด้วย ส่วนการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) ธัญภา นิโครธานนท ตัวแทนจาก ททท. เผยว่า พื้นที่วังน้ำเขียวถือได้ว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเมืองไทย เป็นหนึ่งในแหล่งโอโซนดีที่สุดของโลก จึงมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2553 มีนักท่องเที่ยวที่เข้าชมฟลอร่า พาร์ค จำนวนนับแสนคน จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ททท. ให้การสนับสนุนเพราะต้องการมีส่วนช่วยให้มีการท่องเที่ยว เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงส่งเสริมให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการจัดงาน.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชมสวนสวยแนวตั้งที่วังน้ำเขียว

Page 772 of 805:« First« 769 770 771 772 773 774 775 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file