shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

ชัตดาวน์ฯ ทำยอดขอตั้งโรงงานร่วง

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 13 – 21 ม.ค. ปริมาณผู้ที่มาขออนุญาตการตั้ง และขยายโรงงานในกรุงเทพฯลดลงกว่า 50% เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนไม่ทราบว่ากรอ. ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)  หลังจากกระทรวงอุตสาหกรรม ปิดทำการมา 9 วัน ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดการตั้งและขยายโรงงานในไตรมาส 1 ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติกรอ. จะเร่งดำเนินงานอนุมัติใบอนุญาตให้เร็วที่สุด เพื่อให้การลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  สำหรับโรงงานที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะสามารถขอใบอนุญาตตั้งโรงานได้ที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ส่วนโรงงานที่มีเงินลงทุนสูงกว่า200 ล้านบาท ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ยังดำเนินงานตามปกติโดยสัปดาห์หน้า จะมีประชุมอนุมัติตั้งโรงงานดังกล่าวต่อไป  ขณะที่การขออนุญาตนำเข้าส่งออกและผลิตสารเคมีนั้น ยังคงทำได้ตามปกติ เพราะส่วนใหญ่เป็นการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ทำให้ภาคการผลิตไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ นายสมชาย หาญหิรัญผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยในไตรมาสแรกของปีนี้เชื่อว่าจะยังลดตัวลงต่อเนื่องจากปี 56 เนื่องจากข้อมูลการฟื้นตัวขอเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจน  ซึ่งที่ผ่านมา สศอ.ประเมินว่า ปีนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก แต่การฟื้นตัวของแต่ละประเทศ ยังไม่มีความชัดเจนเช่น สหรัฐอเมริกา แม้ตัวเลขการว่างงานลดลง แต่การลดลงดังกล่าวเกิดจากแรงงานหางานทำไม่ได้ส่วนญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ไม่ได้เพิ่มเพราะเศรษฐกิจดี มีความต้องการใช้จ่ายเพิ่มแต่เป็นการเพิ่มขึ้นเพราะค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนยุโรปหลายประเทศการว่างงานก็ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม สศอ.ยังอยู่ในช่วงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ โดยยังไม่ปรับประมาณการที่คาดว่า ปี57 จีดีพีอุตสาหกรรมจะขยายตัวอยู่ในช่วง 3-4%และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) ขยายตัว 2% ส่วนยอดการนำเข้าสินค้าทุนสินค้าขั้นกลางเพื่อใช้ในการผลิตในช่วงปลายปี 56ที่ผ่านมา ลดลงต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า จะเห็นการส่งออกในไตรมาสแรกลดลงได้เพราะการผลิตเพื่อส่งออกในไตรมาสแรกจะนำเข้าวัตถุดิบตั้งแต่ปลายปีก่อนหน้าแต่การนำเข้าที่หดตัวนี้ ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการอาจจะชะลอดูสถานการณ์และใช้สต๊อกเก่าในการผลิตไปก่อน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผลประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าผู้ประกอบการค่อนข้างกังวลกับสถานการณ์การเมืองและทำให้ตัวเลขประมาณการต่างๆยังไม่นิ่งโดยหลายธุรกิจก็เตรียมจะปรับเป้าหมายใหม่เพราะพบว่ากำลังซื้อของประชาชนหายไปมากนอกจากนี้ที่น่าห่วงอีก คือการลงทุนเอกชน เนื่องจากพบว่าการลงทุนลดลงต่อเนื่องเช่นล่าสุดเดือนพ.ย. 56 ก็ลดลง 7-8%และทางด้านการส่งออกก็น่าห่วง เห็นได้จากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบที่ลดลงแสดงให้เห็นว่าการส่งออกในอนาคตจะลดลงอีกโดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไตรมาสแรกนี้ คงดังไม่สดใส

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชัตดาวน์ฯ ทำยอดขอตั้งโรงงานร่วง

Posts related

 














หุ้นไทยวันที่ 21 มกราคม 2557 ปิดบวก 3.11 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 21ม.ค. ดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นได้กว่า 10 ในช่วงเช้า ตามแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เริ่มทยอยประกาศออกมา หนุนดัชนีกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้ง แต่ช่วงบ่ายเริ่มอ่อนตัวตามแรงเทขายทำกำไร เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกกระตุ้นการลงทุน อีกทั้งนักลงทุนยังกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยระหว่างวันหุ้นไทยทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,304.28 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,285.17 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,293.10 จุด เพิ่มขึ้น3.11 จุด หรือ 0.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27,099.84 ล้านบาท   สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก 1. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 176.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท 2. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท 3. จัสมิน ปิดที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท 4. ทรู ปิดที่ 7.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท 5. ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดที่ 147.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หุ้นไทยวันที่ 21 มกราคม 2557 ปิดบวก 3.11 จุด

คนแห่ซื้อ–ขายสินค้าผ่านออนไลน์พุ่ง

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า  ขณะนี้ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ – ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก เนื่องจากเป็นช่องทางที่สะดวก ตั้งแต่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมนำระบบ3 จี มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรง และยิ่งในสถานการร์ปัจจุบันมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมีการปิดการจราจรหลายจุด ทำให้การเดินทางไม่ค่อยสะดวก ยิ่งส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อขาย– ขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นต่อเนื่อง “ขณะนี้แนวโน้มการซื้อขายสินค้าของทั่วโลกเปลี่ยนไปแล้ว หันมาให้ความสำคัญการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศมีการซื้อขายผ่านออนไลน์ เพิ่มเป็นเท่าตัว รวมทั้งในไทย  ก็ซื้อขายผ่านออนไลน์เป็นจำนวนมาก เห็นได้จากเว็บไซด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นเยอะค้าขายผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น เฟสบุค ไลน์ วอปแอฟ  ยูทูป ซึ่งมีปัจจัยเอื้ออำนวยทั้งระบบอินเตอร์เน็ตดีขึ้นทางภาครัฐดูแลการซื้อขายผ่านออนไลน์มากขึ้น และผู้ค้าขายสินค้า ก็มีคุณภาพมากขึ้นเพราะกลัวว่า หากซื้อขายสินค้าไม่ดี จะถูกประจานได้ง่าย ถ้าหากผู้ประกอบการไม่เปลี่ยนแปลงจะตกขบวนได้” อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย ใช้ระบบซื้อขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เช่นการจ้างนักกลยุทธ์ที่เป็นมืออาชีพ มาให้ความรู้ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เพียงอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เน้นสอนทฤษฎี เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับผู้ประอบการด้วย เช่น การออกงานแสดงสินค้าแต่ละครั้ง ผู้ประกอบการต้องใช้ค่าใช่จ่ายครั้งละเป็น100,000 บาท และขณะนี้แนวโน้มการออกงานแสดงสินค้า ทั้งผู้ประกอบการ และคนซื้อก็เริ่มลดลงต่อเนื่อง สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองนั้นจากการสอบถามกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มสมาคมของขวัญ ฯ  ระบุว่า ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้าต่างประเทศอย่างมาก  โดยคู่ค้าต่างประเทศเริ่มชะลอสั่งซื้อสินค้าไทยซึ่งทางผู้ประกอบการไทย ก็ได้สอบถามคำสั่งซื้อไปหลายครั้ง แต่คู่ค้า ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาซึ่งขณะนี้ทางผู้ประกอบการกลุ่มของขวัญ ฯ เกรงว่าคู่ค้าจะหันไปซื้อสินค้าจากประเทศคู่แข่งแทน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซียซึ่งปกติจะหาช่องทางแย่งลูกค้าจากไทยอยู่แล้ว “สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ32–33 บาท ถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการกลุ่มของขวัญ ฯเพราะส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือ และงานหัตถกรรมที่ใช้วัสดุในประเทศเป็นหลักประมาณ 70% ไม่ได้นำเข้า ขายออกไปก็ได้ราคาดี และลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ ก็ชอบงานสินค้าของไทย และมีความประณีต และมีคุณภาพสูง ต่างจากคู่แข่ง ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแต่การดึงความเชื่อมั่นคู่ค้าต่างชาติกลับมาเท่านั้นโดยทางผู้ประกอบการไทยเองพยายามชี้แจงสถานการณ์ว่า ไม่ได้รุนแรงมากยังสามารถส่งออกสินค้าไทย และลูกค้าต่างชาติ เขายังไม่ค่อยเชื่ออยู่เพราะยังเห็นหลายประเทศ ประกาศให้ระวังมาประเทศไทย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คนแห่ซื้อ–ขายสินค้าผ่านออนไลน์พุ่ง

Page 1138 of 1552:« First« 1135 1136 1137 1138 1139 1140 1141 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file