shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

เอกชนรับซื้อขายทองปีใหม่ไม่คึกคัก

น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าบรรยากาศการซื้อทองคำจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองเป็นช่วงขาลง ส่งผลให้ประชาชนมีการซื้อเก็บไว้ก่อนแล้ว ขณะที่ การเพิ่มกำลังการผลิตช่วงนี้หรือไม่นั้น เชื่อว่าร้านทองแต่ละแห่งน่าจะมีการเตรียมผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการซื้ออยู่แล้ว และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาทองคำขาดตลาดแน่นอน อย่างไรก็ตาม มองว่าในปี 57 ยังเป็นช่วงขาลงของราคาทองคำอยู่ โดยปัจจัยที่เป็นตัวกดดันมาจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ(คิวอี) ที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป และจีน ที่คงต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ แม้จะยืดเยื้อจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อราคาทองคำทั้งสิ้นทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำในปีหน้าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วงบาทละ 17,600 – 23,000 บาท ขณะที่ช่วงนี้คาดว่าแนวรับจะอยู่ที่บาทละ 17,600 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่บาทละ 19,000 บาท โดยอยากแนะนำนักลงทุน ให้จัดสรรพอร์ตให้ดี มีการขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วย “ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คิดว่าบรรยากาศการซื้อทองคำเพื่อเป็นของขวัญไม่น่าจะคึกคักเท่าที่ควร เพราะที่ผ่านมาเป็นช่วงขาลงมาตลอด น่าจะมีการซื้อกันก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนความกังวลว่าทองรูปพรรณจะขาดตลาดช่วงนี้หรือไม่นั้น มองว่าทางร้านทองจะมีการผลิตเพื่อเตรียมรับความต้องการซื้อเป็นปกติอยู่แล้ว คงไม่ขาดตลาดแน่นอน ส่วนปีหน้ายังคงเป็นช่วงขาลงอยู่ ซึ่งก็ต้องประเมินสถานการณ์ทั้งการเมืองภายในประเทศและปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจและคิวอีว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่ต่อไป”  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนรับซื้อขายทองปีใหม่ไม่คึกคัก

Posts related

 














ธ.ก.ส.ตรึงดอกเบี้ย

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงนี้ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.ได้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา  เนื่องจากต้องรอดูต้นทุนทางการเงินของธนาคาร โดยเฉพาะเงินกู้สักระยะก่อนว่า มาร์จิ้น หรือกำไรต่อหน่วยของธนาคารจะเป็นอย่างไรบ้าง  แม้ว่าธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก พร้อมกับธนาคารพาณิชย์ไปก่อนหน้านี้แล้ว   สำหรับเงินฝากในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา(เม.ย.-พ.ย.) มีกว่า 50,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ 82,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะในช่วงปลายปีจะมีแคมเปญเงินฝากออกมาอย่างต่อเนื่อง  เพราะมีเงินฝากประจำบางประเภทที่ครบกำหนดระยะเวลาจึงต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาทดแทนของเก่า  เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มช่องทางในการหาลูกค้ารายใหม่ให้กับธนาคารด้วย  อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารมีฐานเงินฝากอยู่ที่ 1,050,000 ล้านบาท “ฐานเงินฝากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อย เป็นเกษตรกร และประชาชนทั่วไปที่อยู่ในชนบท ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีรายได้จากการขายพืชผลการเกษตรตั้งแต่ปลายปีจนถึงเดือนมี.ค.57จึงเชื่อว่าฐานเงินฝากของธนาคารยังได้ตามเป้าหมาย” ส่วนสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมามีการปล่อยไปแล้ว 60,000 ล้านบาท จากทั้งปีที่ตั้งไว้ 85,000 ล้านบาทขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ซึ่งยังไม่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง เพราะความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักประกันสินเชื่อใหม่ จากปัจจุบันยังใช้หลักประกันผ่อนปรน เช่น ใช้บุคคลค้ำประกัน หรือกลุ่มรวมตัวกันไม่ได้ใช้ที่ดิน หรือหลักทรัพย์ประเภทอื่น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธ.ก.ส.ตรึงดอกเบี้ย

เงินสะพัดเลือกตั้ง 5 หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย  ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่กำหนดในวันที่ 2 ก.พ. 57นี้ คาดว่าจะเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการจัดทำกิจกรรมของพรรคการเมืองรวมกันประมาณ40,000-50,000 ล้านบาทในกรณีที่ทุกพรรคเข้าร่วมการเลือกตั้งเนื่องจากจะทำให้บรรยากาศในการหาเสียงมีความคึกคักมากขึ้น และสามารถ ช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าในระดับ0.3-0.4%                 “ในปีนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจนทำให้ภาคการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามไปด้วยทั้งๆที่ประชาชนจำนวนมากยังมีเงินเก็บแต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้จ่ายเพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคตและเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งของประเทศอย่างน้อยก็จะทำให้เม็ดเงินที่อยู่ในระบบและเงินใต้ดินลงไปถึงมือประชาชนในหลายๆรอบหมุนเวียนกันไปซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้เป็นอย่างดี”                 อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายฝ่ายก็กำลังจับตาว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะคึกคักหรือไม่เพราะหากมีบางพรรคไม่ลงเลือกตั้งโดยต้องการให้ประเทศไทยมีการปฎิรูปก่อนทั้งการปฎิรูปการเมืองสังคม เศรษฐกิจ และการปราบปรามการคอร์รัปชั่นก็จะทำให้การเลือกตั้งไม่คึกคักและคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 20,000 ล้านบาทเพราะพรรคการเมืองใหญ่และกลางที่เหลืออยู่จัดกิจกรรมการหาเสียงที่น้อยลง                 ส่วนธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์ในการเลือกตั้งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดทำโปสเตอร์,สิ่งพิมพ์, การโฆษณา สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็ปไซต์,เสื้อผ้าสำหรับทีมงานในการหาเสียง, เครื่องดื่ม, รถยนต์และจักรยานยนต์ในการหาเสียง,เครื่องเสียง และ การจัดอีเวนต์ต่างๆ เป็นต้น             นายธนวรรธน์ กล่าวว่าจากการประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีความสูญเสียประมาณ20,000-30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปประมาณกว่า100,000  คนต่อเดือนแต่ทุกฝ่ายแสดงความชื่นชมที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดเหตุความรุนแรง                 “ตอนนี้ยังคงมองว่าเหตุชุมนุมโดยไม่มีเหตุรุนแรงอาจลากยาวถึงปลายปีโดยเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตประมาณ  3% และคาดว่าในปีหน้าจะขยายตัวในระดับ 4.5%  โดยคาดว่าในปีหน้าภาคท่องเที่ยวจะเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยส่วนเศรษฐกิจภาพรวมของไทยน่าจะดีในช่วงไตรมาสที่ 3-4  เพราะต้องรอนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะออกมาโดยเฉพาะเรื่องของการลงทุน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เงินสะพัดเลือกตั้ง 5 หมื่นล้าน

Page 1305 of 1552:« First« 1302 1303 1304 1305 1306 1307 1308 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file