shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

กรอ.ชี้กฎระเบียบไทยเข้มสุดวัตถุอันตราย

นายชุมพล ชีวะประภานันท์ รองอธิบดีกรมโรงงาอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรอ.ได้จัดโครงการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ กฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย วัตถุอันตราย และสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เพื่อจัดเก็บข้อมูลด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมของประเทศต่างๆ ในอาเซียน รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ (เออีซี) เบื้องต้นพบว่า กฎระเบียบต่างๆ ของไทย มีความเข้มงวดที่สุด ดังนั้นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุน ทั้งนี้หลังจากจัดเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้ไปเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนธ.ค.นี้ ใน 5 ภาค คือ กลาง ตะวันออก เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการอย่างน้อย 1,000 คน หรือเฉลี่ยภาคละ 200 คน นายอรรจน์สิทธิ สร้อยทอง ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เมื่อ กรอ. จัดทำข้อมูลเรียบร้อยแล้ว บีโอไอจะนำไปเผยแพร่ให้นักลงทุนไทยที่สนใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย เนื่องจากปัจจุบันบีโอไอก็ยังมีข้อมูลด้านนี้จำกัด แต่ก็เป็นประเด็นที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีที่ผู้ประกอบการไทย ไม่ทราบกฎระเบียบประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจน จนเกิดการทำผิดกฎหมายจนต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทางการจะให้ข้อมูลด้านกฎระเบียบแก่ผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้ที่สนใจไปลงทุนต่างประเทศต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายของกลุ่มซีแอลเอ็มวี เช่น ลาว เวียดนาม มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ขณะที่พม่าแม้จะนานๆ เปลี่ยนแต่กระบวนการออกกฎหมายก็รวดเร็ว รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายของส่วนกลาง และนอกส่วนกลางเช่นจังหวัด หัวเมือง หรือแขวง ก็แตกต่างกันอีก ส่วนของอินโดนีเซียซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศเป้าหมายในการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุน กฎระเบียบใกล้เคียงกับไทย แต่ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการยังคับใช้เช่นเดียวกัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรอ.ชี้กฎระเบียบไทยเข้มสุดวัตถุอันตราย

Posts related

 














ไทยโชว์แผน2ล้านล้านประชุมผู้ว่ารถไฟอาเซียน

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้ว่าการรถไฟอาเซียน ครั้งที่ 35 โดยเน้นแลกเปลี่ยนเรื่องประสบการณ์ในการเดินรถไฟในภูมิภาคต่าง ๆ ของ ประเทศไทย กัมพูชา มาเลเซีย พม่า ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย พร้อมกับหารือถึงแผนการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟธรรมดา และรถไฟความเร็วสูงของแต่ละประเทศเข้าด้วยกัน โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รองรับการเปิดประชาคมอาเซียน   “ในการหารือเบื้องต้นผู้ว่าการรถไฟของแต่ละประเทศ แต่ละประเทศจะเสนอแผนการพัฒนาการขนส่งระบบราง ทั้งรถไฟ และรถไฟความเร็วสูงในประเทศตัวเองเข้ามาหารือกัน และจากนั้นจะทำแผนเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟต่างๆ ด้วยกัน โดยในส่วนของไทยได้นำเสนอถึงแผนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ซึ่งจะมีการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ รวมถึงรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ได้แก่  สายเหนือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ สายใต้ สายกรุงเทพ-หัวหิน-ปาดังเบซาร์-จ.สงขลา .สายอีสาน กรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย และสายตะวันออก กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง  ”   สำหรับแนวทางการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟไทยกับอาเซียน เส้นทางไทย-ลาว จะเชื่อมต่อทั้งระบบรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ ที่จ.หนองคาย ท่านาแล้ง ต่อไปถึงเวียงจันทน์ เพื่อเชื่อมกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน ที่จะสร้างจากจีนตอนใต้ลงสู่เมืองเวียงจันทน์ โดยไทยได้เสนอให้พร้อมลงทุนระบบรางอีก 9 กม.จากไทยเข้าไปต่อถึงเวียงจันทน์ด้วย  ส่วนการเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชา จะมีการสร้างรถไฟรางคู่เชื่อมต่อไปทางอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่านบ้านคลองลึก ไปถึงกรุงพนมเปญ กัมพูชา และมีเส้นทางยาวต่อเนื่องไปถึงเวียดนาม ขณะที่การเชื่อมโยงกับพม่าได้เชื่อมโยงรถไฟรางคู่ 2 เส้นทาง ผ่านทางจังหวัดกาญจนบุรีเข้าพม่า และอีกเส้นเชื่อมต่อกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย   นายประภัสร์กล่าวต่อว่า มาเลเซียจะร่วมมือกันทั้งรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ โดยในส่วนของรถไฟรางคู่ มาเลเซีย ได้สร้างรางคู่เข้ามาถึงประดังเบซาร์แล้ว รอเพียงให้ ร.ฟ.ท.สร้างส่วนต่อขยายไปบรรจบกัน ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูง ทั้ง 2 ประเทศมีแผนจะสร้างเช่นเดียวกัน ฝ่ายไทยจึงเสนอให้มาเลเซีย เปิดให้รถไฟความเร็วสูงของไทยสามารถวิ่งยาวผ่านจากไทยไปมาเลเซีย ถึงสิงคโปร์ได้ โดยผู้โดยสารไม่ต้องลงมาเปลี่ยนรถ เพียงแต่เปลี่ยนคนขับจากคนไทยเป็นชาวมาเลเซียเท่านั้น และให้ทางการมาเลเซียจ่ายค่าเช่ารถให้ไทย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ซึ่งทางมาเลเซียก็แสดงท่าทีสนใจข้อเสนอนี้แต่จะต้องมีการลงรายละเอียดต่อไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยโชว์แผน2ล้านล้านประชุมผู้ว่ารถไฟอาเซียน

นักวิชาการแนะตั้งตั้งศูนย์ไทยแลนด์ ฯขายสินค้าโอทอป-เอสเอ็มอี

นายอัทธ์ พิศาลวานิช  ผู้ อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจไทยในต่างประเทศต้องการให้รัฐบาลช่วยตั้งศูนย์จำหน่าย สินค้าไทยในแต่ละประเทศ เนื่องจากผู้บริโภคในหลายตลาดสนใจที่จะซื้อสินค้าไทยทั้งอาหารและเครื่อง ดื่ม, สินค้าเกษตรแปรรูป, งานฝีมือและเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากมีคุณภาพและมีความสวยงาม ดังนั้นรัฐบาลควรส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่เอกชนเข้าไปเช่าอาคารตามย่าน การค้าของประเทศต่างๆ หรือโครงการไทยแลนด์ เทรดดิ้ง พล่าซ่า เพื่อนำสินค้าของผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอีไปทำตลาด ทั้งนี้เชื่อว่าหากผลักดันโครงการไทยแลนด์ เทรดดิ้ง พล่าซ่าในตลาดสำคัญได้สำเร็จ โดยนำร่องในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 รวมถึงจัดศูนย์ตามมณฑลต่างๆในประเทศจีน และอินเดีย เป็นต้น ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกภาพรวมของไทยได้ในระดับ 1 % แน่นอน เช่น  เป้าส่งออกในปี 57 คาดว่า ขยายตัว 5.48% ก็จะเพิ่มเป็น 6.48% สำหรับแนวทางการบริหารรัฐบาลมีหน้าที่แค่ไปเจรจาและความอำนวยสะดวกการเข้าไปตั้งศูนย์จำหน่วยในประเทศต่างๆ ส่วนการบริหารและการจ่ายค่าดำเนินงานเป็นหน้าที่เอกชน โดยสินค้าเป้าหมายจะเป็นสินค้าจากกลุ่มโอทอปและเอสเอ็มอีจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมาวางจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าในประเทศนั้นๆ สามารถเลือกดูหากถูกใจก็สามารถสั่งล็อตใหญ่ๆได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้ขยายตลาดอีกช่องทางหนึ่งส่วนการลงทุนเอกชนไทยอาจลงทุน 100% หรืออาจร่วมทุนกับประเทศนั้นๆ เพื่อสร้างความสะดวกในการทำตลาดสินค้า นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ   กล่าวว่า  การค้าระหว่างไทยกับพม่าในช่วง 9 เดือนแรก(ม.ค.-ก.ย.)ของปีนี้ การส่งออกขยายตัวดีกว่า 22% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,777 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  นำเข้าขยายตัว 12% มีมูลค่า 2,912  ล้านเหรียญสหรัฐฯ   และทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 25 % ซึ่งในปี 57 ทูตพาณิชย์ได้ประเมินในเบื้องต้นไว้ว่าจะขยายตัวราว 30%  โดยยังไม่รวมการค้าชายแดนไทยกับพม่าที่จะสูงกว่าการค้าปกติ 3 – 4 เท่า หรือราว 10,000 –12,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นักวิชาการแนะตั้งตั้งศูนย์ไทยแลนด์ ฯขายสินค้าโอทอป-เอสเอ็มอี

Page 1473 of 1552:« First« 1470 1471 1472 1473 1474 1475 1476 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file